เผื่อคุณอาจจะยังไม่รู้จัก…
Damien Hirst คือศิลปินเชื้อสายอังกฤษ ที่มีผลงานโดดเด่นด้าน Conceptual Art และ Installation Art ผลงานที่ผ่านมาของเขามักมีแนวคิดหลักที่พูดถึง ‘ความตาย’
ผลงานชิ้นที่ดังของเขามากที่สุดก็คือ The Physical Impossibility of Death in the Mind of Someone Living (1991) – ซากฉลามเสือขนาด 14 ฟุต ถูกแช่อยู่ในสารละลายฟอร์มัลดีไฮด์ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผลงานศิลปะราคามหาโหด ที่ทำให้เดเมี่ยน เฮิสท์ กลายเป็นศิลปินที่ร่ำรวยที่สุดในสหราชอาณาจักร
นักวิจารณ์ศิลปะหลายคนกล่าวว่า ชิ้นงานของเดเมี่ยนนั้นไม่ได้ให้อะไรกับสังคม มันก็แค่เป็นเพียงสิ่งของธรรมดาที่ถูกให้ค่าและราคาที่เกินจริง แต่อย่างไรก็ดี ผลงานทุกชิ้นของเขาก็เป็นที่ต้องการของผู้คนในแวดวงศิลปะ ครั้งหนึ่งแดเมี่ยนเคยจัดงานประมูลชื่อ Beautiful Inside My Head Forever โดยรายได้ที่เขาได้ไปจากการประมูลผลงานทั้งสิ้น 218 ชิ้น อยู่ที่ 198 ล้านดอลล่าร์!
—————
กลับมาที่เวนิส ประเทศอิตาลี เมื่อเดือนเมษายนถึงธันวาคมของปีที่แล้ว เดเมี่ยนเพิ่งจัดงานแสดงผลงานเดี่ยวของเขา โดยใช้พื้นที่การแสดงถึง 2 แกลเลอรี่ใน 2 เมือง เผื่อขนเอาชิ้นงานที่ใช้เวลาสร้างสรรค์ถึง 10 ปีมาจัดแสดง ในชื่อ ‘Treasures From The Wreck of The Unbelievable’
โดยผลงานทั้งหมดที่นำมาจัดแสดงนั้น เป็นของ Pinault Collection ตระกูลที่ชอบสะสมผลงานศิลปะร่วมสมัย จัดแสดงในพื้นที่มากกว่า 5,000 ตารางเมตร ในสองพื้นที่ ได้แก่ Palazzo Grassi และ Punta della Dogana โดยชิ้นงานทั้ง 189 ชิ้นนั้น มีตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าแจกันธรรมดาๆ ไปจนถึงขนาดใหญ่ยักษ์เท่ากับอาคารหนึ่งหลัง!
เมื่อเดินเข้าไปในอาคาร Punta della Dogana ซึ่งเดิมที่เป็นสำนักงานศุลกากรเก่า ผู้ชมจะได้รับแจ้งล่วงหน้าว่า สิ่งที่พวกเขาจะได้เห็นนั้น ไม่ใช่การจัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย
แต่ชิ้นงานที่จัดแสดงในแกลเลอรี่นี้ คือประติมากรรม อัญมณี และเหรียญมีค่า ร่วมถึงวัตถุโบราณอื่นๆ ที่ถูกขุดค้นด้วยวิธีการโบราณคดีใต้น้ำ ในเรือที่จมลง ณ บริเวณนอกชายฝั่งจะวันออกของทวีปแอฟริกา เมื่อราว 2,000 กว่าปีก่อน และเพิ่งถูกค้นพบเมื่อปี 2008 โดยค่าใช้จ่ายในการขุดค้นและทำงานทั้งหมด เดเมี่ยนเป็นคนออกเองทั้งหมด!
จากหลักฐานทางโบราณคดี พบว่าเรือลำนี้เป็นของ Cif Amotan II อดีตทาสผู้กลายเป็นเศรษฐีสุดมั่งคั่งแห่งดินแดน Antioch ของกรีกโบราณ โดยเป็นการขนส่งวัตถุมีค่า เพื่อนำไปบูชายังสถานที่แห่งหนึ่งที่ใช้สำหรับบูชาพระอาทิตย์
ถ้านี่ไม่ใช่นิทรรศการศิลปะร่วมสมัย แล้วมันคือนิทรรศการจัดแสดงวัตถุโบราณจากท้องทะเลอย่างนั้นหรือ คำตอบคือ ไม่ใช่!
เดเมี่ยนกำลังฉุดลากเราเข้าไปสู่โลกแห่งมายาคติ โลกที่สมบัติใต้ทะเลคือสิ่งของล้ำค่า เรื่องราวเบื้องหลังนั้นมีทั้งตำนาน ความจริง เรื่องเล่า หรืออีกมากมาย ชี้ชวนให้ผู้ชมใช้สมาธิตรึกตรอก จริงหรือไม่ ใช่หรือหลอก
มันคงเหมือนกับที่เราสงสัย ว่าทั้งหมดทั้งมวลนี้คือการขุดค้นสมบัติล้ำค่าจริงๆ จากใต้ท้องทะเล …หรือเป็นแค่ผลงานที่เดเมี่ยนได้ทำไว้ ทิ้งมันลงไปในทะเล และปล่อยให้ธรรมชาติและเวลาเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงาน
เราจึงแปลกใจและไม่ไว้วางใจในตัวเดเมี่ยนเข้าเสียแล้ว เพราะประติมากรรมหมีตัวยักษ์ที่ถูกปะการังและสัตว์ทะเลกัดกินนั้น ไม่น่าจะใช้ชิ้นจากยุคอารยธรรมกรีกแน่นอน …แต่ป้ายและการจัดแสดงประหนึ่งพิพิธภัณฑ์บอกเราไว้อย่างนั้น
เมื่อเรามองสิ่งของเหล่านั้นว่าเป็น ‘สมบัติ’ มันเป็นมากกว่าแค่วัตถุจัดแสดงทั่วไป แต่เป็นทั้งประวัติศาสตร์ เป็นอารยธรรม
รูปปั้นโรมัน หัวเมดูซ่า หินแกะสลักบูชาพระอาทิตย์ เทวรูป เมื่อ ‘สมบัติ’ เหล่านี้ปะทะกันกับวัตถุจากป็อบคัลเจอร์ บริบทใหม่จึงเกิดขึ้น เช่นกันกับความสงสัยใครรู้ และความไม่ไว้ใจในตัวศิลปินของผู้ชม
ถือเป็นความกล้าและความกวนของเดเมี่ยน
—————
เดินเข้ามาที่ Palazzo Grassi ที่ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นคฤหาสถ์แสนหรูหราของต้นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน พร้อมด้วยสมบัติของพวกเขาที่ปล้นได้จากเรือขนสมบัติ
วัตถุจัดแสดงหลายชิ้นถูกทำให้ดูเหมือนกับว่าไม่เคยผ่านร้อนผ่านฝน ในขณะที่อีกหลายชิ้น กลับกลายเป็นว่า มันคือสิ่งของจากยุคป็อบคัลเจอร์ที่ถูกกลืนกินจนเหลือเพียงรูปทรงให้พอคาดเดา
ถ้าลงลึกในรายละเอียด เราจะค้นพบกับความจริงหลายอย่างที่เดเมี่ยนได้มอบไว้ให้เรา เทวรูปเทพเจ้าของอียิปต์ที่เลียนแบบรูปร่างของ Kate Moss / รูปจำลองศีรษะฟาโรห์ที่ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับ Pharrell Williams / หรือแม้แต่เจ้าของเรืออัปปางที่ชื่อ Cif Amotan II นั้นก็เป็นการสลับตัวอักษรของคำว่า ‘I am a fiction’
—————
น่าเสียดายที่นิทรรศการครั้งนี้ได้จบลงไปแล้ว เราเลยอดท่องเที่ยวเยี่ยมยมในดินแดนมายาคติที่เดเมี่ยน เฮิร์ส ตั้งใจสรรค์สร้างขึ้นมา
ดินแดนที่ศิลปะ นั้นมีค่าดั่งสมบัติ และสมบัติ อาจไม่มีค่าอะไรเลย เพียงเพราะว่ามันถูกทำขึ้นมา
RECOMMENDED CONTENT
Netflix เปิดเผยภาพชุดแรกของ Lupin Part 2 (จอมโจรลูแปง ภาค 2) ซีรีส์ออริจินัลฝรั่งเศสที่สร้างปรากฏการณ์ครองอันดับ 1 ใน Top 10 ของ Netflix ในกว่าสิบประเทศทั่วโลก พร้อมฉายกลางปีนี้