รายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ปีพ.ศ. 2562 สนับสนุนโดยซาน เพลลีกรีโน (S.Pellegrino) และ แอคคัว แพนนา (Acqua Panna) โดยประกาศรายชื่อผู้ชนะปีนี้ที่วินน์ พาเลซ มาเก๊า หลังจากครองอันดับหนึ่งมาเป็นเวลาสี่ปีติดต่อกัน ร้านกากั้น ในกรุงเทพฯ ขยับลงไปอยู่ตำแหน่งที่สอง โดยมีร้านโอเด็ท สิงคโปร์ขยับขึ้นมาแทน ร้านโอเด็ทของเชฟจูเลี่ยน โรเยอร์ปีนี้คว้าตำแหน่ง ร้านอาหารยอดเยี่ยมในเอเชีย สนับสนุนรางวัลโดยซาน เพลลีกรีโน และ แอคคัว แพนนา ในขณะที่ร้านกากั้นยังคงรักษาตำแหน่งร้านอาหารยอดเยี่ยมในประเทศไทยไว้ได้
สำหรับรายชื่อในปี 2562 นี้ ร้านอาหารในประเทศไทยติด 10 อันดับในรายชื่อ โดยมีสองร้านใหม่ที่ติดอันดับรายใช้ในประเทศไทยในปีนี้ ได้แก่
ศรณ์ (อันดับที่ 48) และ กา ที่มาแรงในอันดับที่ 16 โดย กามีสองสาเหตุให้ฉลองในปีนี้ด้วยกัน เพราะนอกจากจะได้รางวัลเป็นร้านอาหารใหม่ในรายชื่อที่มีอันดับสูงสุดในปีนี้แล้ว เชฟการีม่า อโรร่ายังได้รับรางวัลอีลิท ว้อดก้า สุดยอดเชฟหญิงแห่งเอเชีย ปี 2562 อีกด้วย
ร้านอื่นๆที่เป็นตัวแทนจากประเทศไทย ได้แก่
ซูริง (Sühring) อันดับที่ 4,
โบลาน (Bo.Lan) อันดับที่ 19,
เลอ ดู (Le Du) อันดับที่ 20,
น้ำ (Nahm) อันดับที่ 22 และ
เพส (Paste) ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 28
รายชื่อในปี 2562 นี้แสดงถึงความหลากหลายและพลังของศาสตร์การทำอาหารที่มีการวิวัฒนาการอยู่ตลอดเวลา โดยมีร้านอาหารใหม่ 10 แห่ง และร้านอาหารที่ติดรายชื่อเป็นครั้งแรกจากประเทศมาเลเซีย (ดีวากัน – Dewakan อันดับที่ 46) และร้านอาหารใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ (โตโย อีเทอรี่ – Toyo Eatery อันดับที่ 43) ซึ่งเป็นประเทศที่มีตัวแทนติดในรายชื่อครั้งล่าสุดในปี 2560 ส่วน เจ้าภาพมาเก๊า ผู้อำนวยสถานที่ในการจัดงานมี 2 ร้านอาหารที่ติดรายชื่อในปีนี้เช่นกัน ได้แก่ ร้านเจด ดราก้อน (Jade Dragon) ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 27 และร้านวิง เล่ย พาเลซ (Wing Lei Palace) ที่เปิดตัวในอันดับที่ 36
รางวัลของแต่ละประเทศ: ประเทศสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์คว้า 7 ตำแหน่งในรายชื่อ รวมทั้ง โอเด็ท ตั้งอยู่ในหอศิลป์แห่งชาติสิงคโปร์ ร้านโอเด็ทนำเสนอเมนูอาหารฝรั่งเศสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากอาหารจากทวีปเอเชีย โดยแต่ละจานจะได้รับการนำเสนอในรูปแบบที่สวยงามไร้ที่ติดพร้อมความสมบูรณ์แบบในทุกประการ เชฟโรเยอร์ใช้ชื่อของคุณย่าเป็นชื่อร้าน ร้านโอเด็ทได้รับรางวัลร้านอาหารที่ไต่อันดับสูงสุดในปี 2560 ก่อนที่จะเปิดตัวเมื่อปีที่แล้วในอันดับที่ 28 ในรายชื่อ 50 สุดยอดร้านอาหารโลก
ร้านอาหารอื่นๆที่ติดในรายชื่อได้แก่ ร้านใหม่อย่าง นูริ (Nouri) ที่ติดรายชื่อในอันดับที่ 39 และร้านโปรดที่อยู่มานานอย่าง เบิร์นท์ เอนด์ (Burnt Ends) และ จาน (Jaan) ที่ขยับขึ้นมาเป็นอันดับที่ 10 และ 32 ตามลำดับ ร้านอาหารอื่นๆ จากประเทศสิงคโปร์ได้แก่ เล อามี (Les Amis) อันดับที่ 33 วากุ กิน (Waku Ghin) อันดับที่ 40 และคอร์เนอร์ เฮ้าส์ (Corner House) อันดับที่ 49
ประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้นำจากการที่มีร้านอาหารถึง 12 แห่งติดอันดับในรายชื่อปี 2562 นำกลุ่มโดยร้านเด็น (อันดับที่ 3) ที่ได้รับรางวัล ร้านอาหารยอดเยี่ยมในประเทศญี่ปุ่นเป็นปีที่สองติดต่อกัน โดยร้านเด็นมีเชฟที่มีเสน่ห์อย่างเชฟไซยุ ฮาเซกาวะ ผู้ที่ได้รับรางวัลเชฟ ช้อยส์ อวอร์ด สนับสนุนรางวัลโดยเอสเทรลล่า ดาม ซึ่งเป็นรางวัลเดียวที่คัดเลือกผู้ชนะจากการลงคะแนนโดยเหล่าเชฟในรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมแห่งเอเชียปี 2562 เพื่อเป็นการสร้างการยอมรับจากเพื่อนร่วมสายอาชีพ เป็นการสร้างผลกระทบในเชิงบวกในวงการร้านอาหารอีกด้วย ร้านอาหารที่ติด 10 อันดับแรกได้แก่ร้านอาหารจากประเทศญี่ปุ่น โฟลริเลจ (Florilège) (อันดับที่ 5) นาริซาว่า (Narisawa) (อันดับที่ 8) นิฮงเรียวริ ริวกิน (Nihonryori RyuGin) (อันดับที่ 9) ซาเซ็นกะ (Sazenka) และ ชูกาลาโบ (Sugalabo) ที่ตั้งอยู่ในโตเกียวและเป็นร้านใหม่ที่ติดในรายชื่อที่อันดับที่ 23 และ 47 ตามลำดับ
ฮ่องกง
มีร้านอาหาร 9 แห่งที่ติดรายชื่อด้วยกัน รวมทั้ง เดอะ แชร์แมน (The Chairman) ขยับจากอันดับที่ 22 ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 11 ร้าน 8½ อ๊อตโต้ อี เมซโซ่ บอมบาน่า (8 ½ Oto e Mezzo Bombana) อันดับที่ 12, แอมเบอร์ (Amber) อันดับที่ 21, เนเบอร์ฮูด (Neighborhood) อันดับที่ 37, ลัง คิง ฮีน (Lung King Heen) อันดับที่ 38, และ ตา วี (Ta Vie) อันดับที่ 50 ส่วนร้านที่ขยับขึ้นมาถึง 25 ตำแหน่งเป็นอันดับที่ 15 ได้แก่ร้านสไตล์บิสโตรฝรั่งเศส เบลอน (Belon) ที่ได้รางวัลร้านที่ไต่อันดับสูงสุดในปีนี้
ส่วนมาเก๊า
เจ้าภาพผู้อำนวยสถานที่จัดงานมี 2 ร้านอาหารที่ติดรายชื่อในปีนี้เช่นกันได้แก่ ร้านเจด ดราก้อน (Jade Dragon) ที่ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 27 และร้านวิง เล่ย พาเลซ (Wing Lei Palace) ที่เปิดตัวในอันดับที่ 36
ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
อัลตร้าไวโอเล็ท โดย พอล ไพเรท (Ultraviolet by Paul Pairet) (อันดับที่ 6) ในเซี่ยงไฮ้ได้รับรางวัล ร้านอาหารยอดเยี่ยมในจีน ในฮ่องกงมีร้านอาหารติดอันดับ 9 แห่งด้วยกัน โดย เดอะ แชร์แมน (The Chairman) (ขยับขึ้นจากอันดับที่ 22 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 11) และร้านอาหารที่ติดรายชื่อครั้งแรก เวีย (Vea) (อันดับที่ 34) และ เซเว่นธ์ ซัน (Seventh Son) (อันดับที่ 44)
ส่วนร้านอาหารที่ขยับขึ้นมาจากอันดับที่ 25 เป็นอันดับที่ 15 ได้แก่ร้านอาหารแนวบิสโตรทันสมัยสัญชาติฝรั่งเศส ได้แก่ เบลอน (Belon) ซึ่งได้รับรางวัลร้านอาหารที่ไต่อันดับสูงสุดในปีนี้
ขยับขึ้นมา 11 ลำดับเป็นอับดับที่ 7 ได้แก่ร้าน มูเม (Mume) ในไทเป ซึ่งคว้าตำแหน่ง ร้านอาหารยอดเยี่ยมในไต้หวัน ไปครอง แทนที่ร้านอาหารที่ได้รางวัลนี้มาสองปีซ้อนอย่าง รอว์ (Raw) (อันดับที่ 30)
ระดับภูมิภาค
โลคาวอร์ (Locavore) (อันดับที่ 42) ในบาหลีควบสองตำแหน่ง โดยเป็นร้านอาหารที่ได้รับรางวัล ร้านอาหารยอดเยี่ยมในอินโดนีเซีย แล้วโลคาวอร์ยังได้รับรางวัลร้านอาหารยั่งยืนยอดเยี่ยมในทวีปเอเชีย ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ร้านอาหารที่ได้รับการจัดอันดับว่ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมมากที่สุด โดยเป็นการจัดอันดับโดยพันธมิตรที่ทำหน้าที่เป็นองค์กรตรวจสอบ ฟู้ด เมด กู้ด
อินเดียน แอ็คเซ้นท์ (Indian Accent) ขยับขึ้นมาสองตำแหน่งอยู่ในอันดับที่ 17 กลับมาพร้อม รางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมในอินเดียเป็นปีที่ห้าติดต่อกัน มินิสทรี้ ออฟ แครบ (Ministry of Crab) ในโคลอมโบ (อันดับที่ 35) ได้รับรางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมในศรีลังกาเป็นปีที่ 4 ในขณะที่ โตโย อีเทอรี่ (Toyo Eatery) ร้านอาหารที่ได้รับรางวัลมิเอเล่ วัน ทู วอทช์ ในปี 2561 ติดอันดับที่ 43 ในรายชื่อคว้ารางวัลร้านอาหารยอดเยี่ยมในฟิลิปปินส์ ส่วนร้านอาหารดังในเมืองโซล มิงเกิ้ลส์ (Mingles) (อันดับที่ 13) ยังคงครองตำแหน่งเป็นร้านอาหารยอดเยี่ยมในเกาหลีในปีนี้
การประกาศผู้ชนะรางวัลอื่นๆ ได้แก่:
รางวัลเชฟของหวานยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย สนับสนุนโดยวาลโฮน่า: ฟาบรีซีโอ ฟีโอรานี่ จาก อิล ริสโตรานเต้ ลูก้า แฟนติน โตเกียว
เชฟชาวอิตาเลี่ยน ฟาบรีซีโอ ฟีโอรานี่ ได้พัฒนาทักษะการทำขนมของเขาจากครัวหลายแห่ง อย่างในครัวของร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลินอย่าง ลา เพอร์โกล่า (La Pergola) ในโรม ซึ่งเป็นเมืองเกิดของเขา และ อีโนเทก้า พินชิโอรี่ (Enoteca Pinchiorri) ในฟลอเรนซ์ และเพื่อเป็นการขยายขอบเขตความรู้ของตนเอง เขาเดินทางไปดูไบ และโปรตุเกสก่อนจะย้ายมาอาศัยอยู่ในโตเกียว เมนูของหวานทุกจานของเขาได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยเติมเต็มเมนูอาหารอิตาเลี่ยนร่วมสมัยของเชฟแฟนตินได้อย่างไร้ที่ติและเขาก็ได้ออกหนังสือทำอาหารเล่มแรกชื่อ ทรา โลนิริโก้ อี อิล เรียล (Tra L’Onirico e Il Reale) (ระหว่างความฝันและความจริง) ที่ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2561
รางวัลศิลปะแห่งการบริการ: ร้่าน 8 ½ อ๊อตโต้ อี เมซโซ่ บอมบาน่า
ตั้งแต่ปี 2551 ร้าน 8 ½ อ๊อตโต้ อี เมซโซ่ บอมบาน่า (8½ Otto e Mezzo Bombana) ในฮ่องกงทำการเฉลิมฉลองเมนูดั้งเดิมของเชฟอัมเบรโต้ บอมบาน่า โดยเสริฟอาหารอิตาเลี่ยนชั้นเลิศด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดจากทั่วโลก หลังเปิดตัวร้านอาหารในรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมของโลกในปี 2556 ในอันดับที่ 39 ร้านอาหารนี้ได้ขยับขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งหนึ่งใน 20 ของรายชื่อ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมในเอเชียถึง 7 ปีติดต่อกัน ร้าน 8 ½ อ๊อตโต้ อี เมซโซ่ บอมบานา นั้นขึ้นชื่อเรื่องการให้บริการที่โดดเด่น นำโดยผู้จัดการทั่วไป มารีโน่ บรัคคู ที่สร้างบรรยากาศร้านที่หรูหราแต่อบอุ่นที่ซึ่งลูกค้าสามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่รังสรรค์โดยเชฟบอมบาน่าได้
ผู้ได้รับรางวัลอื่นๆ ได้แก่ เจแอล สตูดิโอ (JL Studio) ในเมืองไทจง ไต้หวัน ที่ได้รับรางวัลมิเอเล่ วัน ทู วอทช์จากการตีความของอาหารสิงคโปร์ที่ทันสมัย อีกท่านได้แก่เชฟชื่อดัง เซอิจิ ยามาโมโตะ จากร้านนิฮงเรียวริ ริวกิน ในญี่ปุ่นที่ได้รับรางวัลอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ไอคอน อวอร์ด
RECOMMENDED CONTENT
ซีรีส์ The Last of Us เล่าเรื่องราว 20 ปีหลังจากอารยธรรมสมัยใหม่ถูกทำลาย โจเอล ผู้รอดชีวิตได้รับการว่าจ้างให้พาตัวเอลลี เด็กหญิงอายุ 14 ปี ออกจากเขตกักกัน ภารกิจเล็กๆกลับกลายเป็นการเดินทางที่โหดร้ายและน่าสลดในไม่ช้า เมื่อทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามสหรัฐอเมริกาและช่วยเหลือกันเพื่อความอยู่รอด