สำหรับคนทำงานที่ต้องเก็บออม เมื่อเราทำงานมาได้ซักระยะหนึ่งเราก็จะมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง หากเราไม่ได้ใช้เงินระหว่างทางหมดไปเสียก่อน… ถ้าคุณมีเงิน “1 แสนบาท” จะเอาไปทำอะไรดี?
1) ซื้อรถยนต์คันใหม่
2) ซื้อคอนโดฯ หลังใหม่
3) ฝากธนาคาร
4) ลงทุนหุ้น
ลองคิดกันเล่นๆ ไม่มีผิด หรือถูกนะครับ… ในบทความนี้ผมจะลองนำเสนอทางเลือกทั้ง 4 แบบให้พิจารณากันว่า… มีเงิน 1 แสนบาทเอาไปทำอะไรดี? ลองติดตามกันดูนะครับ
Option 1 “ซื้อรถยนต์คันใหม่”
แน่นอนที่สุดว่าเมื่อเราทำงานมาอย่างเหนื่อยยากลำบาก การซื้อรถยนต์คันใหม่ให้กับตัวเอง นอกจากจะเป็นรางวัลชีวิตแล้ว ยังเพิ่มความสะดวกสบาย และคนรอบข้างเราก็จะพลอยได้รับอานิสงค์ในการติดรถยนต์ของเราเดินทางไปด้วย การซื้อรถยนต์คันใหม่ หากเราดาวน์ด้วยเงิน 1 แสนบาทที่เรามี ถ้ามูลค่ารถยนต์คันนั้นอยู่ที่ 6 แสนบาท = เราต้องผ่อนต่ออีก 5 แสนบาท เป็นเวลา 5 ปี ตกค่างวดต่อเดือนประมาณ 9,000 บาท ยังไม่รวมค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และค่าต่อประกันภัยรถยนต์
สำหรับคนที่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางตกเดือนละ 9,000 บาทหรือ วันละกว่า 300 บาทอยู่แล้ว การออกรถยนต์คันใหม่ ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอย่างยิ่งครับ แต่เราจะต้องแบกรับค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา และค่าต่อประกันเพิ่มเติมด้วย ควรคำนวนเงินในส่วนนี้เผื่อเอาไว้ด้วยนะครับ … และเราต้องยอมรับว่า… มูลค่ารถยนต์จะตกลงกว่า 50% หรือครึ่งหนึ่งของราคาที่ซื้อมาเมื่อเราผ่อนชำระหมด
Option 2 “ซื้อคอนโดฯ หลังใหม่”
การซื้อคอนโดมิเนียมหลังใหม่ ถือเป็นทางเลือกที่ไม่เลว หากคอนโดที่เราซื้อมีเนื้อที่ราว 30 ตารางเมตร มูลค่า 1 ล้านบาท อยู่ใกล้ทำเลเมือง เมื่อเรานำเงิน 1 แสนไปดาวน์ เราจะต้องผ่อนต่ออีก 9 แสนบาท หากเราผ่อนเป็นระยะเวลา 30 ปี = เราต้องส่งค่างวดราวๆ 5000 บาทต่อเดือน คอนโดฯ 30 ตารางเมตร มูลค่า 1 ล้านบาท = 33,000 บาทต่อตารางเมตรเป็นมูลค่าปัจจุบัน
สำหรับคนที่ทำงานในเมือง มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าเมืองตกเดือนละกว่า 5,000 บาท หรือวันละกว่า 160 บาทอยู่แล้ว การซื้อคอนโดฯ ในเมืองทำเลใกล้ที่ทำงานถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมมากครับ เพราะได้ประหยัดค่าเดินทางเปลี่ยนค่าเดินทางมาเป็นสินทรัพย์ คือ คอนโดมิเนียม ที่จะเพิ่มมูลค่าตามเวลาที่ผ่านไป วันนี้มูลค่าอาจอยู่ที่ 3 หมื่นบาทต่อตารางเมตร แต่ในอนาคตมูลค่าอาจเพิ่มขึ้นกว่า 5 หมื่นบาทต่อตารางเมตร เราเคยได้เห็นคอนโดฯ ที่มีมูลค่ากว่า 2 แสนบาทต่อตารางเมตรกันมาแล้วไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยครับ คอนโดฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นตามเวลา นอกจากได้อยู่อาศัยแล้ว ยังได้ลงทุนไปในตัว แถมยังกำหนดเวลาไปทำงานได้ แบบนี้ถือว่า “ได้ 3 เด้ง! คุ้มค่ามากครับ”
Option 3 “นำเงินไปฝากธนาคาร”
สำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง… การนำเงินไปฝากธนาคารถือเป็นทางเลือกที่ไร้ความเสี่ยง เงิน 1 แสนบาท ฝากธนาคารกินดอกเบี้ย 2-3% ต่อปี แม้จะไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้ แต่ก็ต้องให้คะแนนเรื่องความเสี่ยงที่แทบจะเป็นศูนย์ หากเรานำเงินไปฝากธนาคารได้อัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ทิ้งไว้ 10 ปี เงินฝากเราจะงอกเงยเป็น 2 แสนบาทภายในเวลา 24 ปี หรือ “เพิ่มเป็นสองเท่าเลยทีเดียวครับ!” แต่การนำเงินไปฝากธนาคารแบบนี้เราต้องยอมรับกับผลตอบแทนที่ค่อนข้างจะต่ำให้ได้นะครับ
Option 4 “นำเงินไปลงทุนหุ้น”
สำหรับคนที่ยอมรับความเสี่ยงได้… การนำเงินไปฝากธนาคารอาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม การนำเงินไปซื้อคอนโดฯ ก็เป็นภาระยาวนานหลายปี (ภาระส่งค่างวด) ดังนั้นการนำเงินไปลงทุนในหุ้นถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ … จากสถิติถ้าเราลงทุนถูกทาง… หุ้นจะให้ผลตอบแทนราว 10-15% ต่อปี … หมายความว่าเงิน 1 แสนบาทในวันนี้จะกลายเป็น 2 แสนบาทภายในเวลาไม่เกิน 7 ปี ถ้าเราลงทุนระยะยาว ไม่ซื้อๆ ขายๆ ระหว่างทางโดยไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นเราต้องศึกษาหาความรู้ให้ถูกต้อง… ไม่ซื้อหุ้นระยะยาวด้วยภาพระยะสั้น และไม่ซื้อหุ้นระยะสั้นด้วยภาพระยะยาว เพราะหากเราลงทุนผิดวิธีผลจะกลับข้างกันเงิน 1 แสนบาทในวันนี้อาจลดลงกว่าครึ่งในเวลาไม่นานครับ
ทางเลือกต่างๆ ที่นสรุปให้ไม่ใช่สูตรตายตัว ไม่มีผิด ไม่มีถูก เพื่อนๆ ลองเอาไปพิจารณากันดู… เผื่อใครที่มีเงินเหลือไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จะได้มีข้อมูลไว้พิจารณานะครับ
ติดตาม TIP การเงินแบบนี้ได้ใหม่ในตอนหน้านะครับ
Content by : NAIWAENTAMMADA
RECOMMENDED CONTENT
Gareth.T ศิลปินหนุ่มฮ่องกง ผู้มีสไตล์ดนตรี R&B นุ่มละมุนอย่างมีเอกลักษณ์ ปล่อยซิงเกิลแรก “best me i can” ภายใต้สังกัด Umami Records โดยเพลงนี้เขาสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างละเมียดละไม มาพร้อมกับเมโลดี้ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ด้วยความหมายที่สื่อถึงการใช้ชีวิตในเวอร์ชั่นแบบเป็นตัวเองอย่างดีที่สุด