บรรยากาศแห่งความรักที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศไปทั่วทุกแห่ง จนเป็นช่วงเวลาที่หลายคนตัดสินใจเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ซึ่งนอกจากความรัก ความเข้าใจแล้ว อีกสิ่งที่คู่รักทุกคู่ควรจะคิดและตกลงกันให้ดีก็คือเรื่องเงินทองในครอบครัว ซึ่ง K-Expert ที่ปรึกษาการเงินธนาคารกสิกรไทย ขอแนะนำว่าทางที่ดีคู่รักควรจัดสรรเงินออกเป็น 5 บัญชีให้ชัดเจน อย่าใช้ปนกัน และคุยกันให้เคลียร์ตั้งแต่แรก ว่าแต่ละฝ่ายจะลงขันในแต่ละบัญชีกันคนละเท่าไหร่ เอาให้สบายใจทั้งคู่ แล้วเชื่อเถอะว่าจะไม่มีเรื่องปวดหัวตามมาเลย
1.บัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว
ถึงแม้เป็นสามีภรรยากันก็ต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวบ้าง ไม่ว่าจะเป็นค่าเสื้อผ้าหน้าผม หรือแกดเจ๊ตใหม่ๆ สำหรับเงินก้อนนี้แนะนำให้เก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบัตร ATM บัตรเดบิต หรือโมบาย แบงก์กิ้ง เพื่อความคล่องตัวในการเอามาใช้
2. บัญชีค่าใช้จ่ายครอบครัว
เป็นบัญชีที่สามีและภรรยาร่วมกันลงขันเอาไว้ใช้จ่ายในครอบครัว ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ โทรศัพท์ น้ำ ไฟ อินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นรายจ่ายที่จำเป็นต้องจ่าย หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายที่เราคาดการณ์ไม่ได้ล่วงหน้า อย่างทำบุญ ใส่ซองงานแต่ง ช่วยเหลือ งานศพ และอื่นๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ควรเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์ที่ผูกกับบัตร ATM บัตรเดบิต หรือโมบาย แบงก์กิ้ง เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย
สำหรับค่าใช้จ่ายรายปี อย่างค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ ค่าส่วนกลางคอนโด เป็นต้น ส่วนนี้ควรทยอยเก็บสะสมทุกเดือน ให้คิดไว้เลยว่าปีนึงต้องจ่ายเท่าไหร่ แล้วนำไปหาร 12 เพื่อจะได้รู้ว่าต้องเก็บต่อเดือนเป็นจำนวนเท่าไหร่ และเงินในส่วนนี้แนะนำให้เก็บไว้ในกองทุนที่ความเสี่ยงต่ำ เช่น กองทุนตลาดเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น แล้วเมื่อถึงกำหนดที่จะใช้เงินค่อยไปขายกองทุนคืน ซึ่งการเก็บเงินในกองทุนนั้นจะทำให้เงินงอกเงยได้มากกว่าฝากในออมทรัพย์
3. บัญชีสำรองฉุกเฉิน
ขึ้นชื่อว่าบัญชีสำรองฉุกเฉิน นั่นแปลว่าเป็นบัญชีที่สำคัญมาก เรียกได้ว่าเป็นเงินเก็บก้อนแรกที่ควรมี เพราะนี่จะเป็นเงินสำรองในกรณีไม่คาดฝันที่ทำให้ขาดรายได้ เมื่อก่อนนี้ อาจได้ยินคำแนะนำว่าควรสำรองไว้ 6 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน โดยแบ่ง 1 ส่วนเก็บไว้ในบัญชีออมทรัพย์และอีก 5 ส่วนเก็บในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างกองทุนตลาดเงิน แต่เงินในส่วนนี้ต้องเก็บคนละบัญชีกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและค่าใช้จ่ายรายปี เพื่อป้องกันความสับสน และเผลอเอาเงินส่วนอื่นมาใช้โดยไม่ตั้งใจ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งความคุ้มครองที่เราสร้างได้เผื่อเกิดเหตุฉุกเฉินคือการทำประกันชีวิต โดยควรจะมีทุนประกันชีวิตอย่างน้อย 3 เท่าของรายได้ต่อปี เพื่อให้คนในครอบครัวมีเวลาและมีเงินทุนสำรองมากพอที่จะตั้งหลักหากเกิดเหตุไม่คาดฝันนั่นเอง
4.บัญชีลงทุน
เมื่อเริ่มต้นชีวิตคู่แล้ว ก็ต้องมองถึงความมั่นคงในอนาคตเป็นธรรมดา และความมั่นคงนั้นสามารถสร้างได้จากการลงทุน โดยควรแบ่งลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทที่มีความเสี่ยงแตกต่างกัน ทั้งกองทุน หุ้น ประกัน ซึ่งช่องทางการลงทุนสุดฮิตของคนยุคนี้ก็หนีไม่พ้น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึงประกันชีวิตแบบบำนาญ และประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ที่มีระยะคุ้มครองมากกว่า 10 ปี เพราะการลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
5. บัญชีเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
นอกจากบัญชี 4 ส่วนที่กล่าวมา หากมีเป้าหมายในการใช้เงินอื่นๆ ก็ควรเปิดบัญชีสำหรับเป้าหมายนั้นโดยเฉพาะ เช่น บัญชีการท่องเที่ยว หรือบัญชีค่าเทอมลูก ซึ่งประเภทของบัญชีที่เปิดก็ควรให้สอดคล้องกับความสำคัญของเป้าหมาย และระยะเวลาในการลงทุนจนถึงเวลาที่ต้องใช้เงิน เช่น ต้องการเก็บเงินเพื่อส่งลูกเรียนในระดับประถมศึกษา ถือเป็นเป้าหมายสำคัญและมีเวลาลงทุนสั้น ควรลงทุนในแบบที่ความเสี่ยงต่ำ เน้นความมั่นคง เพื่อรักษาเงินต้นไม่ให้ขาดทุน เช่น กองทุนรวมตราสารหนี้ แต่ถ้าเป็นเป้าหมายระยะยาวอย่างการวางแผนส่งลูกเรียนปริญญาตรีเมืองนอก แม้จะเป็นเป้าหมายที่มีความสำคัญสูง แต่มีเวลาลงทุนนาน จึงควรเน้นลงทุนในกองทุนรวมผสม ซึ่งลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้เพื่อเพิ่มผลตอบแทน
มาถึงตรงนี้ หลายคู่น่าจะได้แนวทางไปจัดการชีวิตการเงินของคู่ตัวเองกันแล้ว แต่บางคนอาจจะยังมองว่าการควบคุมการใช้จ่ายให้ได้ตามนี้ยังเป็นเรื่องยาก K-Expert จึงขอแนะนำอีกหนึ่งทริกที่จะช่วยควบคุมการใช้เงินได้อย่างดี คือ เมื่อเงินเดือนออกปุ๊ป ก็ให้แบ่งเงินจัดสรรเข้าบัญชีต่างๆ ตามที่วางแผนไว้ทันที โดยสามารถติดต่อกับธนาคารเพื่อให้ตัดเงินจากบัญชีเงินเดือนเพื่อนำไปลงทุนในกองทุนที่เลือกไว้โดยอัตโนมัติ เพื่อให้เหลือเงินสดที่สามารถใช้ได้ตลอดเดือนอยู่ในบัญชีค่าใช้จ่ายส่วนตัว และถ้าใช้เหลือก็อาจจะเก็บไว้อีกหนึ่งบัญชีพิเศษ เพื่อเป็นอีกหนึ่งกองทุนในการให้รางวัลตัวเอง เพียงเท่านี้ ก็มั่นใจได้เลยว่าชีวิตคู่จะมั่นคงและมั่งคั่งอย่างแน่นอน
RECOMMENDED CONTENT
กลับมาปล่อยเพลงใหม่ให้แฟน ๆ ได้ฟังอีกครั้งในรอบปีที่ผ่านมา สำหรับศิลปินขวัญใจมหาชนอย่าง “สิงโต นำโชค” หรือ “นำโชค ทะนัดรัมย์” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ที่ไม่ว่าจะปล่อยเพลงไหนออกมาก็ฮิตติดหูคนฟังทั้งประเทศ ล่าสุดสิงโตกลับมาพร้อมกับเพลงใหม่ “วันที่เรานับหนึ่ง” ที่ขอพาทุกคู่รักย้อนกลับไปนับหนึ่งร่วมกันอีกครั้งในวันที่รักกันแรก ๆ