เมื่อเราทำงานมาได้ซักระยะ เราอาจมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง หรือมีเงินเหลือในแต่ละเดือนหลังจากหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่างๆ ออกไปหมดแล้ว เงินก้อนนี้ถ้าเรายังไม่คิดจะนำไปเก็บออม หรือแม้แต่เก็บออมแล้วเงินมันก็ยังเหลือ ทีนี้ ‘กิเลส’ ก็เข้ามาครอบงำ ทำให้เกิดอยากซื้อบ้าน หรือรถยนต์คันใหม่สักคัน แต่ว่า บ้าน vs. รถ ซื้ออะไรก่อนดีนะ? ลองมาฟังความเห็นจากเราประกอบการตัดสินใจดูนะ
สำหรับคนที่คิดจะซื้อรถยนต์ก่อน
— ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า รถยนต์ เป็นสินทรัพย์ที่เสื่อมราคาลงไปตามกาลเวลา หมายความว่า ทันทีที่คุณถอยรถยนต์คันใหม่ออกจากโชว์รูม มูลค่าของรถยนต์จะลดลงทันที และคงมีน้อยคนมากๆ ที่จะซื้อรถยนต์ด้วยเงินสด ดังนั้นคุณจะต้องมีภาระผูกพันกับการผ่อนค่างวดรถยนต์ไปอย่างน้อย 5–6 ปี และในแต่ละวันจะต้องจ่ายค่าน้ำมันรถ แต่ละปีต้องจ่ายค่าบำรุงรักษารถยนต์ และค่าต่อประกันภัยรถยนต์อีกด้วย
เมื่อเข้าใจดังนี้แล้ว ค่อยมันตัดสินใจกันอีกทีว่าเราควรคิดซื้อรถยนต์ก่อนซื้อบ้านหรือไม่ สำหรับคนที่คิดจะซื้อรถ ควรมีเหตุผลมารองรับดังนี้
♦ ที่ทำงานเดินทางไกลมาก และห่างไกลรถไฟฟ้า หรือเดินทางไม่สะดวก
ด้วยเหตุผลนี้ถ้าเราคิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปทำงานในกรณีที่เราไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง แล้วพบว่ามันแพงกว่าการขับรถไปเอง แบบนี้การซื้อรถยนต์ก็สมเหตุสมผล
♦ งานที่เราทำมีความจำเป็นต้องใช้รถ
ยกตัวอย่างเช่น งานเซลล์ขายสินค้าที่ต้องออกไปพบปะลูกค้า ถ้าไม่มีรถคงไม่สะดวกแน่ หรืองานที่ต้องเดินทางบ่อยๆ ไปตรวจเยี่ยมสาขาตามที่เจ้านายสั่ง แบบนี้ก็ต้องใช้รถ ถ้าบริษัทไหนออกรถให้เรา หรือมีรถให้ใช้ก็สบายไป แต่ถ้าไม่มี ก็มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องถอยรถคันใหม่
♦ ต้องใช้รถขนของ
กรณีที่เราไม่ได้ทำงานประจำ แต่ทำธุรกิจส่วนตัว และต้องใช้รถขนของ แบบนี้ก็มีเหตุผลเช่นกัน ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็ถอยรถมาใช้ดีกว่า ขนของได้เยอะ และได้ทุกเวลา ทุกที่ที่เราต้องการแบบนี้ดีกว่ากันเยอะ
♦ เราอยากได้จริงๆ
สำหรับกรณีที่เราอยากได้จริงๆ คงไม่ต้องหาเหตุผลอะไรมารองรับ ถ้าเราไม่เดือดร้อน มีเงินดาวน์โดยไม่ต้องกู้ยืมใคร และมีเงินผ่อนค่างวดโดยไม่เดือดร้อนค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ก็ถอยรถคันใหม่ดีกว่า คุณไม่ได้ไปทำความผิดร้ายแรงอะไร แต่ก็รับผิดชอบให้ตลอดรอดฝั่งด้วยนะ เพราะการที่รถถูกยึดคงจะดูไม่จืดทีเดียว
สำหรับคนที่คิดจะซื้อบ้านก่อน
— เรื่องบ้านนั้นเป็นเรื่องของการลงทุนระยะยาวอย่างหนึ่ง หลายคนซื้อบ้านทำเลไม่ค่อยดี แต่ทิ้งไว้หลายๆ ปี ทำเลมันพัฒนาตัวเอง ทำให้ที่ดินแถบนั้นราคาสูงขึ้น ราคาขายบ้านก็สูงขึ้นตามไปด้วย หรือแม้แต่การซื้อคอนโดมิเนียมถ้าทำเลดีติดสถานีรถไฟฟ้า โอกาสที่ราคาจะปรับตัวสูงขึ้นมีสูงมากๆ ไม่เหมือนรถยนต์ที่มีแต่จะลดราคาลงตามกาลเวลาที่ล่วงเลยไป การซื้อบ้านซักหลังจึงเป็นเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ข้อเสียของการซื้อบ้าน
ถ้าเราไม่มีความสามารถในการผ่อนค่างวดในระยะยาว การซื้อครั้งนั้นอาจเป็นการซื้อที่ไม่ดี หรือเวลาที่เราเอาเงินก้อนใหญ่ไปดาวน์บ้าน ทำให้เงินก้อนนั้นถูกจมอยู่กับสินทรัพย์ที่เป็นอสังหาริมทรัพย์ที่เราซื้อไว้ แม้เราจะใช้บ้านเพื่ออยู่อาศัย แต่ก็ไม่ก่อให้เกิดรายได้แต่อย่างใด ในขณะที่หากเรามีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์เพื่อติดต่อค้าขายสร้างกระแสเงินสดก็อาจจะขาดโอกาส เนื่องจากเงินหมดไปกับการดาวน์บ้าน ผ่อนบ้านเสียแล้ว ดังนั้นการซื้อบ้านก็ไม่ใช่ข้อดีเสมอไป
♦ จะซื้อบ้าน หรือ ซื้อรถยนต์ ให้ดูความจำเป็น
เราต้องคำนึงถึง ‘ความจำเป็น’ เป็นหลักยึดเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจซื้อสินทรัพย์ก้อนใหญ่ ที่มาพร้อมกับหนี้สินก้อนใหญ่ ถ้าเราไม่มีความจำเป็นต้องใช้รถยนต์ หน้าที่การงานของเราต้องทำงานอยู่กับที่ อยู่กับ office แบบนี้การซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าเดินทางไปทำงานได้สะดวกสบายถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาด แต่ถ้างานเราต้องติดต่อลูกค้า หรือต้องเดินทางไปๆ มาๆ แบบนี้เราควรต้องซื้อรถยนต์ เพราะรถยนต์คันที่เราซื้อเราได้ใช้สร้างงาน สร้างเงินให้กับตัวเราเอง… ดังนั้นจงเลือกตามความเหมาะสม และความจำเป็นจะดีที่สุด
—————
เรื่อง : นายแว่นธรรมดา
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นศิลปินที่กำลังมาแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งคน สำหรับศิลปินเดี่ยว “Morvasu” หรือ “มอร์ - วสุพล เกรียงประภากิจ” นักร้องนำวงดนตรีอินดี้อย่าง “Ten To Twelve” สังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่กลับมาทำผลงานเพลงในโปรเจ็กต์เดี่ยวเป็นของตัวเองครั้งแรก