นับเป็นครั้งแรกในทวีปเอเชียกับคณะอุปรากรชั้นนำของยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คณะอุปรากรซาน คาร์โล แห่งเมืองเนเปิลส์ ประเทศอิตาลี และวาทยกรระดับโลก มาสโตร สุบิน เมห์ทา จะมาร่วมกันรังสรรค์ความยิ่งใหญ่มหัศจรรย์ ร่วมด้วยศิลปินมากกว่า 250 ชีวิตจากอิตาลี ทั้งนี้ ยังเป็นการร่วมฉลองวาระครบ 150 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศอิตาลีและประเทศไทย
สำหรับเมืองเนเปิลส์เมืองแห่งประวัติศาสตร์ของยุโรป ถ้าพูดถึงศูนย์กลางของวัฒนธรรมอันเลื่องชื่อที่สุดของเมืองแห่งนี้คงหนีไม่พ้นโรงอุปรากรอันเป็นตำนาน อย่างโรงอุปรากรแห่งซาน คาร์โล หรือ Teatro di San Carlo โรงอุปรากรที่มีคณะแสดงที่เก่าแก่ที่สุดของโลกและยังคงดำเนินการแสดงอยู่จวบจนปัจจุบันเป็นเวลา 281 ปี Teatro di San Carlo ริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1737 ก่อตั้งขึ้นก่อนหน้าโรงอุปรากร La Scala แห่งเมืองมิลานและ La Fenice แห่งเมืองเวนิส โรงอุปรากรแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดสำคัญที่อุปรากรและดนตรีคลาสสิกเกิดการพัฒนาขึ้น มิใช่เพียงแค่ในประเทศอิตาลีหากแต่รวมถึงทวีปยุโรปด้วย
นอกจากนั้นยังเป็นจุดกำเนิดของอุปรากรสมัยใหม่ อันมีรากฐานมาจาก Neapolitan Tradition จากประวัติศาสตร์ของดนตรีตะวันตกเกี่ยวเนื่องกับอุปรากรในศตวรรษที่ 18 นักประพันธ์ต่างสร้างสรรค์งานและศึกษารูปแบบของอุปรากรในเมืองเนเปิลส์เป็นหลัก เพราะฉะนั้นถือว่าเนเปิลส์เป็นเมืองแห่งศูนย์กลางของอุปรากรในยุคนั้น
จากอดีตจนปัจจุบันนักประพันธ์ดนตรีคลาสสิคที่มีชื่อเสียงของโลก อาทิเช่น Joseph Haydn, Johann Christian Bach และ Christoph Willibald Gluck ต่างพยายามนำผลงานมาเปิดทำการแสดงที่โรงอุปรากรแห่งนี้ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดของอาชีพนักประพันธ์ดนตรี นอกจากนี้ Gioachino Rossini คีตกวีอิตาลีผู้โด่งดังได้รับตำแหน่งเป็นนักประพันธ์ดนตรีและผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของโรงอุปรากรแห่งนี้ระหว่างปี 1815 ถึง 1822 ไม่แปลกใจแต่อย่างใดที่คณะอุปรากรแห่งซาน คาร์โลจะได้ชื่นชมกับความสำเร็จไปทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างและออกแบบ การแสดง รวมถึงคุณภาพอันสุดยอดของนักร้องอุปรากรซึ่งทุกคนล้วนผ่านการคัดสรรและเคี่ยวกรำกว่าจะขึ้นมายืนทำการแสดงอยู่บนเวทีหลักของโรงอุปรากรนี้ได้
โอกาสไม่มากนักที่คณะอุปรากรแห่งซาน คาร์โล จะยกการแสดงอุปรากรเต็มรูปแบบออกนอกบ้าน จึงเป็นครั้งแรกในเอเชียที่จะได้สัมผัส “คาร์เมน – Carmen” ผลงานอันมีชื่อเสียงและเป็นที่รักของผู้ชมทั่วโลกที่ประพันธ์โดย Georges Bizet ซึ่งการแสดงในไทยครั้งนี้จะร่วมด้วยศิลปินอุปรากรระดับแนวหน้าของโลก ทั้งสองรอบการแสดงบรรเลงดนตรีประกอบโดยวงซิมโฟนี ออร์เคสตราเต็มวง อำนวยเพลงและกำกับดนตรีโดย มาสโตร สุบิน เมห์ทา ซึ่งในปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นวาทยกรเกียรติยศ มาสโตร สุบิน เมห์ทา ถือว่าเป็นตำนานของวงการดนตรีคลาสสิกที่ยังคงมีลมหายใจ ตลอดระยะเวลาแห่งวิชาชีพวาทยกรของท่านนั้นได้ผ่านการกำกับและควบคุมวงออร์เคสตราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดของโลกมาแล้วมากมาย โอเปรา “คาร์เมน” ทั้งสองรอบการแสดงเต็มรูปแบบไม่ผิดเพี้ยนจากที่ชมในอิตาลี
นอกจากนี้ยังมีการแสดง ซิมโฟนี คอนเสิร์ต ภายใต้การกำกับและควบคุมวงของมาสโตร สุบิน เมห์ทา วงออร์เคสตราแห่งซาน คาร์โลจะทำการแสดงสองผลงานอันยิ่งใหญ่ของเบโธเฟน วันที่ 13 กันยายน คือ Leonore Overture No.3 และ Symphony No. 9 ร่วมกับนักร้องประสานเสียงและนักร้องเดี่ยว และในวันที่ 15 กันยายน นำเสนอผลงานซิมโฟนีสองบทของไชคอฟสกี นั่นคือ ซิมโฟนีหมายเลข 4 และ หมายเลข 6 ด้วย
แฟนพันธุ์แท้ผู้รักในดนตรีคลาสสิกไม่ควรพลาดในวาระพิเศษของคณะอุปรากรและวงออร์เคสตราแห่งซาน คาร์โล ใน “มหกรรมศิลปะการแสดงและดนตรีนานาชาติ กรุงเทพฯ ครั้งที่ 20” นี้บันทึกวันและเวลาการแสดงลงในปฏิทิน พร้อมรีบจองบัตรชมการแสดงสำหรับกิจกรรมการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมแห่งทศวรรษ
รายละเอียดเพิ่มเติม: www.bangkokfestivals.com
บัตรเข้าชมการแสดง: Thai Ticket Major
(www.thaiticketmajor.com) สายด่วน 02 262 3191
และสามารถซื้อได้ที่เคาน์เตอร์ Thai Ticket Major ทุกสาขา
ราคาบัตร:
โอเปรา “คาร์เมน” (12 และ 14 กันยายน) — 10,000 / 7,000
/ 5,000 / 4,000 / 2,000 บาท
ซิมโฟนี คอนเสิร์ต (13 และ 15 กันยายน) — 10,000 / 7,000 / 5,000 /
4,000 / 2,000 บาท
สถานที่แสดง: หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย
RECOMMENDED CONTENT
ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมี Florence Pugh ผู้ไ ด้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ ซึ่งรับบทเป็นจิตแพทย์จีน แทตล็อก เช่นเดียวกับ Benny Safdie, Josh Hartnett, Rami Malek เรียกได้ว่านักแสดงเบอร์ใหญ่ทั้งนั้น