เทรนด์ของสิ่งพิมพ์รอบโลกตอนนี้ กระแสที่กำลังมาแรงอย่างมากในช่วง 5 ปีให้หลัง คือการทำ Zine หรือหนังสือทำมือ ที่ใครก็สามารถทำได้แล้ว หลังจากมีเทคโนโลยีอุปกรณ์การพิมพ์และการออกแบบรูปเล่มกว้างขวางมากขึ้น ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น บรรดาคนรักศาสตร์การทำหนังสือก็เริ่มรวมตัวกัน เกิดเป็นกลุ่มเพื่อนที่ทำนิตยสารขึ้นมาเอง เรียกง่ายๆ ว่า Independent Magazine หนึ่งในนั้นก็คือ Kinfolk นิตยสารที่บ้านเราจัดหมวดกันว่ามันคือ slow-life บ้าง hipster บ้าง อย่างไรก็ตามเถียงไม่ได้ว่าการออกแบบรูปเล่ม การถ่ายภาพ และเนื้อหาเขาทำได้เฉียบจริงๆ
ด้วยความที่ในไทยเองก็เริ่มมีร้านหนังสือนำ Independent Magazine เข้ามาขายบ้างแล้ว แถมเว็บไซต์ Amazon ก็มีให้สั่งซื้อ เป็นเหตุผลให้วันนี้เราจะพูดถึงนิตยสารแนวนี้กัน ว่ามีหัวไหนน่าจับตามองบ้าง หลังจาก Kinfolk เป็นที่นิยมและพูดถึงกันอย่างกว้างขวางแล้ว ยังมีเล่มไหนรอให้ทุกคนอ่านอีก…
This is Paper
เนื้อหาของ This is Paper จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องเกี่ยวกับงานสายออกแบบ เนื่องจากทีมผู้ผลิตเป็นแก๊งค์นักออกแบบจากสตูดิโอชื่อเดียวกันในกรุง Warsaw ประเทศโปแลนด์ จึงตัดสินใจคลอดเป็นนิตยสารหัวนี้ออกมา เริ่มกันมาตั้งแต่ปี 2012 ส่วนใหญ่ Content ของพวกเขาจะเน้นชุดผลงานหรือ Project ที่มีคนส่งเข้ามา หรือการพูดคุยกับคนสายงานออกแบบศิลปะในประเทศของเขา ตอนนี้ออกมาได้สี่เล่มแล้ว (น่าจะปีละเล่มนะ) ถ้าอยากอัพเดตกันแบบติดตามต้องลองไปเยี่ยมเยียนเว็บไซต์ของพวกเขาดู
Works That Work
มาพร้อมคำโปรย Magazine of Unexpected Creativity นี่เป็นนิตยสารที่พวกเขาจะตั้งใจทำให้ผู้อ่านทึ่งไปพร้อมๆ กันกับงานดีไซน์และงานออกแบบที่คัดเลือกมา รวมถึงมีบทความที่เจาะลึกไปยังการทำงานสายออกแบบที่ดีไซน์เนอร์ทั้งมือใหม่และมืออาชีพได้อ่านก็ต้องกรี๊ดแน่นอน ตรงตามคอนเซปต์การทำหนังสือของพวกเขา “ผู้อ่านของเราจะมีเรื่องเล่าดีๆ ไปฝากเพื่อนบนโต๊ะอาหารได้อย่างสนุกสนาน”
Gather Journal
มาในมุมหนังสือที่พูดถึงเรื่องการทำอาหารกันบ้าง คอนเซ็ปต์ของหนังสือนี้ พวกเขาอธิบายด้วยความหมายทุกๆ แบบของคำว่า Gather ตาม Dictionary ดังนี้
gather (v); 1. to bring together into one group, collection or place;
2. to serve as a center of attention for, to attract;
3. to pick or harvest a crop or natural yield from its place of growth or formation;
4. to come together around a central point, to assemble.
ซึ่งถ้าหากแปลทั้งหมดข้างต้นนี้แล้ว จะเห็นภาพเลยว่าเนื้อหาในเล่มครอบคลุมแล้วเป็นหนังสือทำอาหารที่ครบเครื่องจริงๆ เริ่มตั้งแต่การตามล่าวัตถุดิบมีคุณภาพ ผลิตอาหารดีเป็นมิตรสุขภาพ ด้วยสูตรอาหารที่น่าทำตาม ประกอบกับภาพถ่ายประกอบ การจัดเลย์เอาท์งามๆ นี่เป็นหนังสือที่ดูเท่าไรก็ไม่มีเบื่อ
Another Escape
เล่มนี้มีเห็นขายกันตามชั้นหนังสือใน Kinokuniya หรือ Asiabook บ้านเราบ้างแล้ว เป็นอีกหนึ่ง Independent Magazine ที่พูดถึงเรื่องท่องเที่ยวแนวธรรมชาติและการผจญภัย ที่ได้อ่านแล้วโคตรจะเปิดโลกมากเล่มหนึ่ง เพราะมากไปกว่าการเดินทางไปยังที่แปลกตา ที่หลุดจากความเจริญไกลมากๆ แล้ว ยังมีคอลัมน์ที่พูดถึงผู้คนอีกด้วย ใครที่มีใจรักการท่องเที่ยว ชอบการจัดรูปเล่มคลีนๆ แบบ Kinfolk อยากมองหาภาพ Landscape สวยๆ ดู ถ้ายังไม่มีเวลาเก็บกระเป๋า ก็ลองซื้อเล่มนี้มาอ่านในเมืองไปก่อนก็ได้ Escape ได้ดีนักแล
The Travel Almanac
The Travel Almanac หรือ TTA เราว่าเล่มนี้มีหน้าปกที่แทบจะเท่สุดใน List นี้เลย หน้าปกที่ใช้ Portrait เท่ๆ ของคนในเล่ม แล้วตีกรอบซื่อๆโต้งๆ ใส่แบ็คกราวด์สีต่างๆ ตามคาแร็กเตอร์ของแต่ละคนต่างกันออกไป เราโคตรชอบเลยบอกตรงๆ! เริ่มก่อตั้งกันในปี 2010 เป็นการเชื่อมต่อกันระหว่างสองแก๊งค์เมืองคูล Berlin และ New York มีกรอบหลวมๆในการทำหนังสืออยู่ที่เรื่องของท่องเที่ยวและการอยู่อาศัยของคน แต่พูดถึงในแง่ลึกกว่านั้น จนเนื้อหาด้านในมันพัฒนาออกมาเป็นภาพรวมของ Creative Community เลย เราจะได้เห็นบรรดา Influencer ร่วมสมัยในแขนงต่างๆ ตั้งแต่ Fashion ไปจนถึง Fine Art มาอยู่ในเล่มนี้กัน แต่รับประกันว่าใครที่แหยงการอ่านบทสัมภาษณ์ทั้งเล่ม ไม่ต้องห่วงเพราะว่ายังมีเรื่องอื่นใน TTA ที่น่าสนใจอีกเพียบ
Collective Quarterly
จุดเด่นของ Collective Quarterly คือการตามไปหาประเด็นแล้วลงลึกไปจริงจังสุดๆ เนื้อหาส่วนใหญ่จะพุ่งเป้าไปที่คนทำงานคราฟท์แขนงต่างๆ ที่อุทิศตนเองให้กับงาน อาศัยอยู่ในเมืองหรือทวีปที่ไม่มีคนพูดถึงเท่าไร นำเอาสถานที่ทำงานหรือสถานที่หาแรงบันดาลใจเหล่านั้นมาตั้งเป็นโครงสร้างหลักของแต่ละเล่ม แล้วค่อยแตกลงไปในสถานที่นั้นๆ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงเลย ในเล่มนี้มีทั้งเรื่อง Art, Music, Food, Drink และเรื่องราวสนุกอีกเพียบ ในเมืองที่ไม่เคยมีคน Cover เรื่องพวกนี้มาก่อนแน่ๆ เจอเล่มเปิดตัวที่พูดถึง Marfa, Texas เมืองเล็กๆ เข้าไป มาจนเล่มล่าสุดที่พูดถึง Coastal Georgia ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่เคยรู้จักเช่นกัน
Cherry Bombe
นี่เป็นนิตยสารเท่ๆ สำหรับผู้หญิงคูลๆ ทั้งหลาย Cherry Bombe เริ่มต้นจากโปรเจ็กต์ Kickstarter ในปี 2013 โดยสองเพื่อนซี้ Kerry Diamond และ Claudia Wu ทั้งสองมีความตั้งใจอยากทำนิตยสารสำหรับผู้หญิงที่พูดถึงไลฟ์สไตล์ของสาวเก่งและเรื่องอาหารการกิน Cherry Bombe ถือเป็นนิตยสาร Bi-Annual ออกปีละ 2 เล่ม (ตอนนี้ก็เล่มที่ 10 แล้ว) สาวๆ คนไหนที่กำลังมองหานิตยสารถูกใจมา spice up ไลฟ์สไตล์ของตัวเองสักหน่อยลองเข้าไปสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของพวกเขาเลย
The Gentlewoman
เทียบกับบรรดา Independent Magazine ด้วยกันในลิสต์นี้ The Gentlewoman ดูจะเข้าข่ายนิตยสารที่มีคนรู้จักที่กว้างขวางและมี Subject เป็นคนดังไม่แพ้กับนิตยสารหัวดังๆ แล้ว นี่เป็นนิตยสารที่พูดถึงเรื่องของผู้หญิงในสไตล์ที่สวยเท่และไม่เหมือนใคร ตีพิมพ์แบบ Bi-Annual ออกปีละ 2 เล่ม ตอนนี้เดินทางมาถึงเล่มที่ 16 แล้ว กับการออกแบบรูปเล่มที่เป็นเอกลักษณ์แต่สุดแสนโคตรจะ simple ใช้รูปถ่าย portrait ที่สวยงามของแบบแล้วตีกรอบสี่เหลี่มโต้งๆ เบสิก แปะด้วยคำว่า the gentlewoman อักษรพิมพ์เล็กทั้งหมด บวกกับชื่อของหน้าปกเล่ม ด้วย Typeface ที่ดูแล้วโคตรจะง่ายและงาม แบบผู้หญิงๆ โอย ไม่รู้จะอธิบายยังไง ลองดูเอาเองว่าหนังสือผู้หญิงจะสามารถเท่ขนาดไหน (เทียบกับ Cherry Bombe ข้อแรกที่เป็นน้องใหม่ เราว่าเธอทั้งคู่นี้กินกันไม่ลงจริงๆ)
Hole & Corner
มาถึงคิวของนักคราฟท์กันบ้าง นี่คือเล่มของคุณเลยล่ะ Hole & Corner จะพาคุณไปพบปะพูดคุยกับผู้ที่ช่ำชองในงานคราฟท์ของตนเองแต่ละสายงาน แต่ละแขนงแบบจัดเต็มทั้งเล่ม มีทั้งภาพถ่ายที่สวยงามและบทสัมภาษณ์ที่อ่านเพลิน เราเคยลองอ่านเล่มแรกไปครั้งหนึ่ง ได้เจอตั้งแต่ช่างทำรองเท้า ช่างไม้ ศิลปิน ไปจนถึงคนทำสีจากธรรมชาติ ได้เห็นทั้งขั้นตอนการทำงานและแนวคิด แถมมีภาพสตูดิโอที่โคตรโคตรสวยด้วย ทำเอาจำชื่อ Hole & Corner แม่นไปเลย ออกปีละ 2 เล่ม ใครที่ชอบประดิษฐ์ประดอยทำอะไรด้วยมือตัวเอง ถ้าหมดแรงบันดาลใจอยู่ ลองสั่งซื้อมาอ่านกันได้ เราแนะนำเลย
Oh Comely
มาในแนวนิตยสารแบบสาวๆ จากฝั่งเกาะอังกฤษกันบ้าง Oh Comely คือหนังสือภาพสวยสบายตาจากเมืองน้ำชา โดยมีคอนเซ็ปต์คือเป็นนิตยสารที่จะทำให้คนอ่านยิ้มไปกับเรื่องราวน่าอ่านและช่วงเวลา ‘ความเงียบ’ ที่น่าสนใจ ขอแค่คุณอ่านกับน้ำชาถ้วยโปรดจะเป็นความสุขนิยมสุดๆ เนื้อหาภายในเล่มส่วนใหญ่จะเป็นการพูดคุยกับผู้คน creative เรื่องราวการผจญภัยของคนที่รักอิสระ สิ่งของงานคราฟท์ของนักคราฟท์แขนงต่างๆ ที่อ่านแล้วคันไม้คันมือทันที และที่แน่ๆ คืออ่านสนุก ภาพประกอบน่ารัก ภาพถ่ายสวยงาม ฟินพะยะค่ะ! อ้อ ลืมบอกไปว่าออก 6 เล่มต่อปีนะ ทำมาได้สี่ปีแล้วตอนนี้ก็ถึงเล่มที่ 38 ไปเรียบร้อย สาวๆ คนไหนใครมีเพื่อนอยู่อังกฤษลองฝากซื้อกันได้
So it Goes
ตีพิมพ์ 2 เล่มต่อปี So It Goes พูดถึงเรื่องวัฒนธรรมศิลปะแขนงต่างๆ โดยเฉพาะภาพยนตร์และดนตรี พวกเขามักจะมีบทสัมภาษณ์ผู้กำกับหนัง ที่มีเรื่องราวน่าอ่านและมีข้อมูลดีๆ ออกมามากมาย (เคยเห็นบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับ Paul Thomas Anderson, Wes Anderson, Michael Haneke หรือศิลปิน Chet Faker ก็จากเล่มนี้นี่ล่ะ) อย่าง้ล่มล่าสุดก็เเท็คทีมดาราชั้นนำของฮอลลีวูดมาทั้ง Cate Blanchett, Andrew Garfield, Lakeith Stanfield และอีกมากมายมาอยู่ในเล่มด้วยนี่
ใครที่อยากอัพเดตวงการศิลปะ วงการภาพยนตร์ต่างประเทศ แต่เบื่อข่าวกอสซิปทั่วไปที่ ET ชอบนำมาฝากกัน ถ้ามองหานิตยสารนอกกระแสที่มีบทสัมภาษณ์อ่านเพลิน คำถามเหมือนถามเรื่องอยากรู้เองจากผู้กำกับคนโปรด ลองให้โอกาสกับเล่มนี้ดูเราว่าน่าจะเวิร์ค
The Plant
เล่มนี้แสดงให้เห็นชัดเลยว่า วงการ Independent Magazine ของโลกกำลังสนุกสนานถึงขั้นสุด ทุกคนที่มีใจรักการทำหนังสือ ต่างก็ขยับตัวเองทำหนังสือในสิ่งที่ตัวเองรักออกมา โอเค เราเห็นนิตยสารผู้หญิง นิตยสารงานคราฟท์ นิตยสารคุณพ่อกันไปแล้ว คราวนี้เรามาเจอนิตยสารที่พูดถึงเรื่อง ‘ต้นไม้’ ล้วนๆ หน่อยเป็นไง! ชื่อก็โต้งๆ เลย The Plant พูดถึงเรื่องต้นไม้แบบจัดเต็ม มาทั้งมุมมองทั้งวิทยาศาสตร์ และมุมมองแบบต้นไม้กับชีวิตไลฟ์สไตล์ ไม่คุณจะเป็นคนรักต้นไม้แบบฮาร์ดคอร์หรือแบบรักเบาๆ ก็อ่านได้สนุกเช่นกัน เราโคตรชอบการขึ้นปกของพวกเขาเลย เป็นรูปต้นไม้หล่อๆ สวยๆ แทนนายแบบนางแบบ แล้วก็แปะด้วยชื่อพันธุ์ไม้เอาไว้ อะไรมันจะ Simple ได้ขนาดนี้นะ
Majestic Disorder
เป็นทั้ง Online Publication และก็ทำ print ออกมาด้วย Majestic Disorder ตีพิมพ์แบบ quarterly หรือนับเป็นฤดูกาล 4 เล่มต่อปี พูดถึงเรื่อง Arts+Culture ในภาษาที่มีจริตจะก้าน ครอบคลุมเนื้อหาไปหมดทั้งเรื่อง topic เด่นๆในวัฒนธรรม แฟชั่น ภาพยนตร์ การเดินทาง และรวมไปถึงพูดคุยกับบรรดาศิลปินและคนทำงานอาร์ต medium ต่างๆ ตอนนี้มาถึงเล่มที่ 9 มีฐานผู้อ่านก็กำลังขยายมากขึ้นเรื่อยๆ เราว่าถ้าใครที่อยากลองอะไรใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กันกับคนทั้งโลก ก็ลองเล่มนี้นี่ล่ะ เพราะทั้งโลกก็กำลังทำความรู้จักกับพวกเขาไปพร้อมๆกันเช่นกัน
RECOMMENDED CONTENT
เรื่องราวอันเป็นตำนานของพิเทร่า™ จะถูกนำมาเล่าอีกครั้ง ผ่านบทเพลงรักพร้อมมิวสิควิดีโอ “Oh PITERA™” ที่กล่าวถึงผลิตภัณฑ์อันเป็นเอกลักษณ์และขายดีที่สุดของเอสเค-ทู อย่างน้ำตบพิเทร่า ผ่านเสียงร้องและฝีมือการประพันธ์ของนักร้องหนุ่มที่กวาดหลายรางวัลทั่วโลกอย่าง จอห์น เลเจนด์