นโยบาย Muslim Ban ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่เพียงทำให้เกิดแรงต้านจากหลายฝ่าย ไม่แค่ประชาชน ยังลามไปถึงการแสดงจุดยืนของภาคธุรกิจขนาดยักษ์ใหญ่ของอเมริกาทั้ง Apple, Google, Microsoft, Tesla Netflix รวมถึง Uber ที่กลับลำทัน (หลังโดนประชาชนถล่มเละด้วยการ #DeleteUber ลบแอพฯ ออกจากสมาร์ทโฟน จากการทวีตเหตุการณ์ประท้วงในสนามบิน JFK)
เช่นเดียวกับ Starbuck ที่ประกาศจุดยืน 4 เรื่องหลักๆ คือ องค์กรจะสนับสนุนนโยบายผ่อนผันเพื่ออยู่ในประเทศชั่วคราวสำหรับผู้อพยพเข้ามาในอเมริกาตั้งแต่วัยเด็ก หรือ Deferred Action for Childhood Arrivals (DACA) ที่เริ่มมาตั้งแต่ยุคของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ให้พวกเขาได้รับการคุ้มครองจนกระทั่งเรียนจบโดยไม่ถูกส่งกลับประเทศไปก่อน จนถึงการได้ใบอนุญาติทำงานอย่างถูกกฎหมายต่อไป เรื่องต่อมาคือแผนว่าจ้างผู้อพยพทุกเชื้อชาติกว่า 10,000 คน จาก 75 ประเทศ ภายใน 5 ภายข้างหน้า เรื่องสิทธิ์ประกันสุขภาพที่พนักงานสตาร์บัคส์จะได้รับ และสุดท้าย แบรนด์กาแฟจากซีแอตเติลยืนยันว่าจะยังเดินหน้าลงทุนในประเทศเม็กซิโกต่อไป แม้สหรัฐฯ โดยการนำของทรัมป์ อาจตัดเยื่อใยกับเม็กซิโกด้วยการสร้างกำแพงพรมแดนแบ่งประเทศเร็วๆ นี้ก็ตาม
ด้าน Logan Green ซีอีโอ Lyft ผู้ให้บริการรถแท็กซี่ในอเมริกาก็ร่วมบริจาคเงินกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเวลา 4 ปีต่อจากนี้ เพื่อสนับสนุนสหภาพเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberties Union-ACLU)
ขณะที่ Mark Parker ซีอีโอแบรนด์ Nike ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานในองค์กร ว่าเขาเชื่อในคุณค่าของสังคมแห่งความหลากหลาย และไม่ขอสนับสนุนนโยบายของทรัมป์ โดยระบุว่าจะยืนข้างประชาชนต่อต้านพวกหัวรั้นและการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบ
เมื่อภาคธุรกิจระดับบิ๊กเล่นยืนคนละฝั่งกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขนาดนี้ น่าจับตาดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป!
https://news.starbucks.com/news/living-our-values-in-uncertain-times
RECOMMENDED CONTENT
คลิปสุดเซอร์ไพรส์ที่มีเนื้อหาที่ตัดตอนมาจากภาพยนตร์เรื่อง Electroma ในปี 2006 ของพวกเขา ถูกปล่อยลงเมื่อเช้าวันจันทร์ (22 กุมภาพันธ์ 2021)