Care Station เกิดจากการร่วมมือกันของ Refill Station กับ Carnation ที่คงคอนเซปต์เดิมเหมือนร้าน Refill Station สาขาอ่อนนุช แต่เพิ่มความพิเศษมากขึ้นด้วยร้านที่ถูกออกแบบโดยทีมสถาปนิกจาก PAVA architects ซึ่งแนวคิดนี้เป็นหนึ่งในธีม ‘Resilience: New Potential for Living’ จากงาน Bangkok Design Week ปีนี้ด้วย
แน่นอนว่าจุดเด่นที่สะดุดตาเป็นการเลือกใช้ไม้มาเป็นวัสดุหลัก เน้นความยืดหยุ่นที่ถอดประกอบและต่อใช้ใหม่ได้ง่าย แถมการออกแบบขนาดช่องวางของแต่ละช่องยังตัดออกมาแล้วไม่เหลือเศษไม้ พอเราเดินเข้าไปจึงรู้สึกเรียบง่าย และไม่อึดอัด
Refill Station สาขาบนบีทีเอส มีอะไรน่าสนใจบ้าง
Refill Station สาขานี้จะมีน้ำยาให้เติมเกือบทุกอย่าง ทั้งน้ำยาล้างจาน เจลอาบน้ำ แชมพู ครีมนวดผม สบู่ ฯลฯ (แต่น้ำยาสาขาอ่อนนุชจะมีหลากหลายครบกว่า) และแม้จะเห็นแต่ละแกลลอนมีน้ำยาไม่เยอะมาก แต่ทางร้านบอกว่าถ้าของหมดก็มีเติมตลอด หรือถ้าหมดสต็อกจริงๆ ก็ไปเอาที่สาขาอ่อนนุชได้ไม่ไกล
ด้วยความที่ช็อปอยู่บนบีทีเอส จึงมีสินค้าบางอย่างที่ไม่ได้นำมาขาย อย่างของกินจำพวกของแห้ง เช่น เส้นสปาเก็ตตี้กับถั่ว เพราะการดูแลทำความสะอาดค่อนข้างยาก แต่ของใช้ซึ่งทางร้านเรียกว่า ‘ของเล่น’ ก็เอามาเกือบหมด โดยสินค้าเหล่านี้หลักๆ เพื่อลดการใช้พลาสติกและใช้เพียงครั้งเดียวแล้วทิ้ง ของเล่นในร้านก็มีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นแก้วน้ำและกล่องข้าวพับได้ ถุงซิลิโคนใส่อาหารน้ำหรือของสด เหมาะกับคนที่ควบคุมปริมาณแคลอรี่อาหารในแต่ละมื้อ รวมถึงของใช้ส่วนตัวอย่างแปรงสีฟันทำจากไม้ สำลีและผ้าอนามัยใช้ซ้ำ เป็นต้น
โลเคชั่นที่เปลี่ยนไปส่งผลยังไงกับกลุ่มลูกค้า?
ถึง Care Station จะเพิ่งเปิดมาได้เกือบสองอาทิตย์ แต่กลุ่มลูกค้าที่รู้จักร้าน Refill Station อยู่แล้วก็ทยอยแวะเวียนเข้ามาไม่ขาดสาย รวมถึงลูกค้าหน้าใหม่ทั้งกลุ่มแม่บ้าน และคนทั่วไปที่ใช้บีทีเอสไปไหนมาไหนอยู่เป็นประจำ แม้บางคนจะไม่ได้เข้ามาซื้อสินค้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินเข้ามา แต่ทางร้านก็มั่นใจว่าช็อปนี้จะสร้างการรับรู้และเข้าถึงลูกค้าได้กว้างมากขึ้นในครั้งต่อๆไป โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบสินค้าแนวอีโคและใส่ใจสิ่งแวดล้อม
ทุกคนสามารถซื้อสินค้าจาก Refill Station ได้ทั้ง 2 สาขา แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคน ซึ่งทางร้านอธิบายเปรียบเทียบให้เราเห็นภาพว่าสาขา BTS เอกมัยจะมีลูกค้าเข้ามาตลอด ช็อปนี้จึงรองรับจำนวนลูกค้าเยอะกว่าร้านที่อ่อนนุชได้ เพราะเดินทางง่ายและสะดวก ส่วนร้านสาขาอ่อนนุชจะเหมาะกับลูกค้าที่เติมน้ำยาในปริมาณมากๆ เพราะมีพื้นที่มากกว่า แถมขับรถมาเองได้ง่าย
Care Station ได้ส่งต่อโลกสีเขียว แถมยังได้บุญ
Carenation หลักๆ จะขายพวงหรีด เรียกว่า ‘พวงหรีดสานบุญ’ โดยมีแนวทางเดียวกับ Refill Station ในเรื่องของการลดการใช้ขยะ เนื่องจากวัสดุที่ใช้ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ทั้งกระดาษป่าปลูกและหมึกที่ใช้พิมพ์ก็เป็นหมึกถั่วเหลือง ส่วนการช่วยเหลือด้านสิ่งแวดล้อม คือพวงหรีดทั่วไปจะใช้วัสดุทั้งโฟม ดอกไม้ และอื่นๆ ที่รีไซเคิลไม่ได้ แต่พวงหรีดสานบุญสามารถรีไซเคิลได้ทั้งหมด อีกทั้งผู้ซื้อยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม เพราะในการทำพวงหรีดแต่ละอันจะจ้างคนที่อยู่ในชุมชนต่างๆ มาทำพวงหรีด ก็ถือเป็นการกระจายรายได้สู่รายย่อย
โดยทางร้านจะมีดิสเพลย์ให้เลือกดูถึง 7 แบบ เมื่อเลือกได้แล้วก็ต้องสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์เท่านั้น จะสั่งเองจากที่บ้านก็ได้ หรือจะมาที่ร้าน Care Station ให้พนักงานช่วยกดสั่งทางออนไลน์ก็ได้ นอกจากจะได้ซื้อพวงหรีด ยังได้ทำบุญบริจาคเงินให้กับมูลนิธิต่างๆ ที่เลือกได้กว่า 11 มูลนิธิ (บางมูลนิธิสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้) ทาง Carnation ก็จะแบ่งเงินส่วนที่ต้องการบริจาคประมาณ 30 – 35% ของราคาทั้งหมด
ไม่ใช่คู่แข่งทางธุรกิจ แต่เป็นมิตร เพราะมีจุดร่วมเดียวกัน
“จริงๆ การทำร้านแบบนี้ทำกำไรได้ไม่เยอะ แต่เรามีการปรับตัวอยู่ตลอด ทั้งการหาไอเทมใหม่ๆ มาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นการไป sourcing มาหลายแบรนด์ ซึ่งทางร้านมีวางขายมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น แก้วน้ำจาก klean kanteen, ลิปบาล์มจาก IRA หรือโรออนทาใต้วงแขน ฯลฯ โดยแบรนด์เหล่านี้มีคอนเซปต์ตรงกันกับเรา”
“เพราะแต่ละร้านก็เป็นพาร์ทเนอร์กันอยู่แล้ว ไม่ได้มองว่าเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ เคยมีให้คำปรึกษาพูดกันบ้างก่อนที่ร้านอื่นจะมาเปิด บางร้านเพิ่งเริ่มทำเขายังหาวัตถุดิบเองไม่ได้ การมาแชร์กันหรือซื้อผ่านทางร้าน ก็ถือเป็นการถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน”
ถ้ามองเรื่องธุรกิจทางร้านบอกกับเราว่า การมีคู่แข่งหรือมีคนที่ทำธุรกิจคล้ายๆกัน ก็ยิ่งทำให้ลูกค้ารู้จักร้านรีฟิล หรือ Bulk Store มากขึ้น นับเป็นการเพิ่มจำนวนลูกค้าหน้าใหม่ๆ ด้วยเพราะอยากให้แต่ละคนหันมาใช้บรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทดแทนพลาสติก นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี
กิมมิคเล็กๆ ที่ไม่ได้มีดีแค่ ‘ขายของ’ อย่างเดียว
“สิ่งที่ Refill Station ทำมาตลอด คือการแชร์ข้อมูลเรื่องราวเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะเหล่า Co-Founder ของที่นี่ส่วนใหญ่ทำงานเกี่ยวกับด้านสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว มีจัดทำเวิร์คช้อปเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้ก็ได้รับเชิญไปพูดให้ความรู้ สร้างความเข้าใจ และสอนคัดแยกขยะตามโรงเรียนต่างๆ ที่ถูกเชิญไป ซึ่งภายในปีนี้ก็กำลังจะมีกิจกรรมที่จะให้ลูกเพจและลูกค้าได้มีส่วนร่วมกับเรามากขึ้นอย่างแน่นอน”
พิกัด : BTS เอกมัย
ติดตาม Refill Station และ Care Station ได้ตามอีเวนต์ต่างๆ หรือ
ติดตามข่าวสารได้ที่ : https://www.facebook.com/refillstationbkk
RECOMMENDED CONTENT
คู่นายแบบ นางแบบ ที่เอกลักษณ์รอยสัก และสไตล์โดดเด่น เท่กว่าใครๆกับตนตัว และสไตส์สักที่แนวยิ่งกว่า