หลังจากที่พาไปรู้จักกับคาเฟ่ ร้านกาแฟ ร้านอาหารญี่ปุ่น และร้านอาหารสไตล์ฝรั่งมาก็เยอะพอสมควรแล้ว ครั้งนี้สำหรับคอลัมน์ Chillax เราขอพาชาว Dooddot ไปลิ้มรสอาหารไทยในบรรยากาศแสนสบายกันบ้างดีกว่า ที่ร้าน “Baan” (บ้าน) ร้านอาหารไทยเปิดใหม่ของเชฟ ต้น – ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ผู้เป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอย่าง Le Du ที่คราวนี้ตั้งใจทำร้านที่เหมือนเป็นสถานที่พักผ่อนให้กับทุกคน โดยเน้นในเรื่องของเมนูอาหารแบบ family recipe สูตรต้นตำรับของครอบครัวเชฟเอง ให้ลูกค้าทุกคนที่มาทานอาหารที่บ้านหลังใหม่แห้งนี้ รู้สึกอบอุ่น เป็นกันเอง เหมือนกับการนั่งทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่ที่บ้านกับครอบครัว
สำหรับบรรยากาศภายในร้าน Baan ถึงแม้จะมีพื้นที่บริเวณไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก แต่พอเข้ามาภายในตัวร้านจริงๆ กลับรู้สึกผ่อนคลาย โปร่งสบาย อย่างน่าประหลาด การตกแต่งของร้านนี้จะออกแนวลอฟท์ ทันสมัย ค่อนไปทางมินิมอล เน้นในเรื่องของการใช้สี เอิร์ธ โทน เป็นหลัก ด้วยผนังสีน้ำตาลแก่ ตัดกับกระจกบานใหญ่ที่มีฉากกั้นเป็นโครงสีขาว คอยรับแสงธรรมชาติที่ส่องเข้ามา พื้นแบบปูนเปลือย และโต๊ะอาหารลายหินอ่อนสีขาวนวล ดีไซน์แบบมีเส้นสายเรขาคณิต เพิ่มกลิ่นอายความโมเดิร์น และความหรูหรามีระดับเข้ามากำลังพอดี ในขณะที่ความรู้สึกอบอุ่นแบบ homey เป็นกันเองยังไม่หายไปไหน นับว่าเป็นการตกแต่งร้านที่สวยงาม และลงตัวมากๆ
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเมนูอาหารของร้าน Baan เราขอพูดถึงอีกหนึ่งธีมสำคัญของร้านอาหารร้านนี้กันสักหน่อย เชฟต้นได้อธิบายให้ฟังว่าที่ร้านนี้ เขาจะเน้นในเรื่องของ ‘Slow food philosophy’ ซึ่งก็คือการรณรงค์ในเรื่องของการกินวัตถุดิบที่ดี มีคุณภาพ มีการโปรเซส หรือกรรมวิธีการทำที่เป็นธรรมชาติจริงๆ เนื้อหมู และเนื้อวัวที่ใช้ไม่มีการใส่สารเร่ง อย่างไข่ที่ทางร้านใช้ ถึงแม้ลูกอาจจะไม่โตเท่ากับไข่เจ้าอื่นๆ แต่รับรองว่าได้ความสด และความเหนียวนุ่มมากกว่า เพราะไข่ที่ร้านนี้ใช้ไม่มีฮอร์โมน ทุกอย่างเป็นของดีจากธรรมชาติล้วนๆ ส่วนพืชผักที่ใช้ก็ไม่ใส่ปุ๋ยเพื่อให้ทุกอย่างโตเร็ว ข้าวขาวและข้าวกล้องที่ใช้ก็เป็นแบบออร์แกนิค เรียกได้ว่านอกจากเรื่องของรสชาติอาหารที่แน่นอนว่าต้องให้ความสำคัญแล้ว คุณภาพของวัตถุดิบทุกอย่างที่ใช้นั้นย่อมสำคัญกว่า เพื่อให้ลูกค้าทุกคนที่มาทานอาหารร้านนี้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดกลับไป
“ไข่พะโล้ต้มแซ่บ” (280 บาท)
“ผัดกะเพราเนื้อพิเศษ” (350 บาท)
นั่งพูดคุยกับเชฟ ต้น – ธิติฏฐ์ ทัศนาขจร ในบรรยากาศผ่อนคลายภายในร้าน
คราวนี้ก็มาเข้าเรื่องเมนูอาหารแนะนำกันเลย ใครที่ชอบกินอาหารไทย รสชาติแท้ๆถึงเครื่องถึงรสจริงๆ มาร้านนี้เราว่าคุณจะต้องติดใจ เริ่มกันเลยกับจานแรก “ไข่พะโล้ต้มแซ่บ” (280 บาท) จานที่ถือเป็น signature dish ของที่นี่ ใครมาเป็นต้องสั่งกันทุกคน กับไข่พะโล้ใส่เครื่องเทศที่คนไทยทุกคนต้องคุ้นเคยกันดี แต่เพิ่มทีเด็ดด้วยการใส่เครื่องต้มแซ่บลงไปด้วย จานนี้เป็นจานที่ทานกับข้าวสวยร้อนๆแล้วฟินมาก ยิ่งถ้าคุณมาทานตอนหิวๆนะ โอ้ อร่อยเหาะไปเลย! ถึงแม้จะรสชาติถึงรส ถึงเครื่อง แต่เราว่าก็ทานได้แบบสบายๆ ไม่เผ็ดมาก มีครบหมดทุกอย่างในเรื่องของรสชาติแบบไทยๆ แหม แค่คิดก็เริ่มรู้สึกหิวๆขึ้นมาแล้วสิ ต่อด้วยจานเด็ดอีกจาน “ผัดกะเพราเนื้อพิเศษ” (350 บาท) ที่ใช้เนื้อ Dry-Aged 30 วัน มาผัดแบบแห้งๆ ใส่ยี่หร่าและเม็ดผักชี เน้นไปที่เครื่องเทศเยอะๆ ซึ่งเชฟต้นได้บอกว่านี่คือสูตรผัดกระเพราแบบที่ทางบ้านเขาชอบทานกัน จานนี้ก็เป็นอีกจานที่เราว่าอร่อยมากๆ ขนาดปกติเราเป็นคนไม่ทานเนื้อ เพราะไม่ค่อยชอบกลิ่นเท่าไหร่ แต่จานนี้เป็นจานที่เราทานได้แบบชิลล์ๆ ไม่มีปัญหาเรื่องกลิ่นเนื้อแต่อย่างใด เพราะแต่ละคำที่ตักเข้าปาก รู้สึกหอมกลิ่นเครื่องเทศมากๆ อีกอย่างที่ถูกใจก็ตรงที่เป็นแบบผัดแห้งนี่แหละ ทานแล้วรู้สึกดี ไม่เหมือนกับผัดกะเพราบางเจ้าที่อมน้ำมันหนักมาก ทานเข้าไปแล้วรู้สึกคอเลสเตอรอลพุ่งแบบฉุดไม่อยู่ ส่วนอีกสองจานอย่าง “ไข่ผัดไชโป้วทรงเครื่อง” (180 บาท) และ “หมูแดดเดียว” (200 บาท) ก็อร่อยไม่แพ้กัน ไข่ผัดไชโป้วก็เป็นการผัดแบบแห้งๆเหมือนกัน มีใส่ใบกะเพราลงไปด้วย ตักทานกับข้าวสวยได้แบบเพลินๆ ใครที่ไม่ชอบทานรสจัดมากๆ ก็น่าจะเอ็นจอยกับจานนี้ได้ไม่ยาก ส่วนหมูแดดเดียวก็เป็นจานแบบเบสิคๆ กัดทานแกล้มกับเครื่องดื่มเข้ากันได้เป็นอย่างดี
“ไข่ผัดไชโป้วทรงเครื่อง” (180 บาท)
“หมูแดดเดียว” (200 บาท)
พูดถึงเครื่องดื่ม ร้าน Baan ก็มีเมนูเครื่องดื่มให้เลือกเยอะมากพอสมควร ซึ่งนอกจากลิสต์ไวน์แดงที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายแล้ว ที่นี่เขาจะเน้นไปที่ไวน์ขาว สาเก และค็อกเทลเป็นหลัก โดยจะเลือกแบบที่มีรสชาติฟรุ๊ตตี้ และแบบมีเดียมไลท์ บอดี้ เสียส่วนใหญ่ เพราะจะเข้ากับรสชาติจัดๆของอาหารไทยได้เป็นอย่างดี ส่วนพวกค็อกเทลก็จะได้แรงบันดาลใจมาจากพวกรถเข็นขายเครื่องดื่มแบบไทยๆ แล้วนำมาดัดแปลงใหม่โดยใช้เบสเป็นรัมไทยอย่าง Lamoon มาผสม แก้วที่เราได้ลองชิมก็คือ “Cha-Yen” (220 บาท) ชาเย็นผสม Lamoon และครีม และ “Mocktail Lychee” (200 บาท) ม็อกเทลรสลิ้นจี่ ตกแต่งด้วยใบมะกรูด แก้วนี้ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น ดับกระหายมากๆ มีรสออกเปรี้ยวๆ ไม่หวานมาก ใครที่มาถึงร้านเหนื่อยๆ ดื่มแก้วนี้เข้าไปรับรองจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“Mocktail Lychee” (200 บาท)
สิ่งที่เราประทับใจเกี่ยวกับร้านนี้ ก็เห็นจะหนีไม่พ้นเรื่องรสชาติของอาหาร ที่ถึงเครื่องถึงรสอย่างที่อาหารไทยควรจะเป็นจริงๆ เวลานั่งทานแล้วรู้สึกอิ่มเอม มีความสุข แต่ละคำที่ตักเข้าปาก ทำให้เรานึกย้อนถึงช่วงเวลาในวัยเด็ก ตอนนั่งทานอาหารไทยๆพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวที่บ้าน คุณแม่จะทำไข่พะโล้ให้ทาน ส่วนอีกจานก็เป็นผัดหัวไชโป้วใส่ไข่ง่ายๆกินกับข้าวสวย ซึ่งถึงแม้อาหารแต่ละจานที่ว่ามาจะมีความเรียบง่าย ไม่หวือหวาอะไรมาก เป็นอาหารที่พวกเราคนไทยคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่พอได้มานั่งทานเป็นเรื่องเป็นราว ในบรรยากาศผ่อนคลาย ไม่เร่งรีบ เหมือนอยู่ใน “บ้าน” แบบนี้ กลับสร้างความสุขเล็กๆให้กับคนทานอย่างเราได้เป็นอย่างดี หากวันไหนคุณว่างๆ อยากพาคุณพ่อคุณแม่ และคนในครอบครัวมาเปลี่ยนบรรยากาศ ทานอาหารไทยรสชาติอร่อยแบบไทยๆดั้งเดิมจริงๆ ในบรรยากาศผ่อนคลาย เงียบสงบ ก็อย่าลืมแวะมาที่นี่ ที่ร้าน Baan บนถนนวิทยุกันนะ
ตั้งอยู่ที่: 139/5 ถนนวิทยุ แขวงลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
เปิดบริการทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร ตั้งแต่เวลา: 11:30 น. – 14:30 น. (lunch), 18:00 น. – 22:30 น. (dinner)
Tel: +(66) 2 655 8995
Mobile: +(66) 81 432 4050
Website: http://www.baanbkk.com/
Facebook: https://www.facebook.com/baanrestaurant
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Kongkarn Sujirasinghakul
RECOMMENDED CONTENT
นี่คืองานวิ่งที่ทุกคนสามารถวิ่งได้ สมัครง่าย และสนุกด้วย INSIDER JOURNY EP3 : งานวิ่งด้วยชุดประจำชาติ ที่สนุกที่สุดในโลก กับ Friendship Run ใน Tokyo Marathon