เชื่อว่าสำหรับคนรักการดื่มกาแฟ หรือ coffee addict การได้ลิ้มรสชาติของกาแฟในทุกๆเช้าของวัน ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ แค่ได้กลิ่นหอมของกาแฟที่โชยมาแตะจมูกก็สามารถสร้างรอยยิ้มและความพึงพอใจเล็กๆได้แล้ว สำหรับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศหลายต่อหลายคนที่มีชีวิตอันเร่งรีบ เป็นที่ทราบกันดีว่าพวกเขาทั้งหลายต้องพึ่งพาอาศัยร้านกาแฟแถวที่ทำงานเพื่อซื้อกาแฟมาดื่ม กาแฟที่คนขายชงอาจมีไม่ถูกใจบ้าง หรือถึงขั้นไม่อร่อยเลย แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อต้องรีบตื่นแต่เช้ามาทำงาน การที่จะมีเวลามาชงกาแฟดื่มเองที่บ้านถือว่าเป็นไปได้น้อยมาก คิดๆดูแล้วก็น่าเสียดายเหมือนกันนะ เพราะการที่ได้ชงกาแฟดื่มเอง ปรุงแต่งรสชาติเครื่องดื่มด้วยตัวเองนั้น คงเป็นอะไรที่คนรักการดื่มกาแฟทุกคนปรารถนา ถ้าอย่างนั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า วันนี้ขอเอาใจคนรักกาแฟด้วยการแนะนำวิธีชงกาแฟแบบใหม่ที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก กับการชงกาแฟแบบ “Cold Brew” ที่เขาว่ากันว่าถ้าชงแบบถูกวิธี รสชาติของกาแฟที่ได้นั้นจะ “เข้มอย่างนุ่มนวล” และหอมมากเป็นพิเศษ ถือว่ารสชาตินั้นจะกลมกล่อมไปหมดเสียทุกอย่างเลยล่ะ ถ้าใครมีเวลาว่างช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ แนะนำว่าให้ลองลงมือชงด้วยตัวเองตอนเช้า เพื่อเพิ่มความสุนทรีย์ให้กับชีวิตของคุณ
ความแตกต่างระหว่างการ Drip Brewing แบบธรรมดา และ Cold Drip หรือ Cold Brew ก็คือ ในขณะที่กาแฟดริปคือกาแฟที่ชงด้วยการเทน้ำร้อนในอุณหภูมิที่ประมาณ 90 องศาเซลเซียส ผ่านเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดที่ถูกบรรจุอยู่ในฟิลเตอร์ แล้วค่อยๆ เทน้ำให้ไหลผ่านกาแฟที่บดแล้วในลักษณะเป็นวงก้นหอย ปล่อยให้น้ำกาแฟค่อยๆ หยดผ่านลงสู่ภาชนะที่รองรับอยู่ด้านล่าง การชงแบบ Cold Brew คือการชงกาแฟด้วยน้ำเย็น เครื่องชงมีสามส่วน ส่วนบนเป็นโถใส่น้ำเย็น ซึ่งมีตัววาล์ว (valve) อยู่ด้านล่าง ส่วนตรงกลางจะเป็นกระบอกสำหรับใส่กาแฟบด ข้างไต้จะมีตัวฟิลเตอร์เอาไว้กรองน้ำ และส่วนสุดท้ายก็คือเหยือกสำหรับให้น้ำกาแฟหยดลงมา ส่วนวิธีชง อันดับแรกเลยคือ เติมน้ำเย็นลงไปในโถตามปริมาณที่ต้องการ ใส่กาแฟบดลงไปในกระบอกและนำมาตั้งไว้ตรงที่ตั้งตรงกลาง เสร็จแล้วปรับวาล์วให้น้ำเย็นจากโถข้างบนค่อยๆหยดลงมาประมาณ 1 หยดต่อ 1 วินาที น้ำที่หยดลงมาจะค่อยๆถูกกลั่นลงมาในส่วนของเหยือกด้านล่าง ลองทิ้งไว้สัก 4-5 ชั่วโมง แล้วกลับมาเช็คดูอีกที ถ้าพอใจในปริมาณที่ได้แล้ว จะเทใส่แก้วดื่มเย็นชื่นใจเลยก็ได้ หรือถ้ายังไม่ดื่มทันทีจะนำเหยือกไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนก็ได้ แต่ไม่ควรเกิน 3 วัน เพราะเดี๋ยวรสชาติของกาแฟจะเริ่มผิดเพี้ยน
ข้อดีของการชงกาแฟแบบ Cold Drip ก็คือ กาแฟเย็นที่ได้จากการชงวิธีนี้มีกรดที่ต่ำกว่ากาแฟร้อนที่ผ่านการชงแบบกาแฟดริปทั่วไป ดังนั้นกาแฟเย็นนี้ดื่มแล้วทำให้สบายท้อง เหมาะมากๆสำหรับคนธาตุอ่อน ท้องเสียง่าย (sensitive stomach) เวลาจะดื่ม สามารถดื่มแบบใส่น้ำแข็งเพิ่มความเย็นชื่นใจ หรือใส่นมก็ได้ แต่แนะนำว่าถ้าอยากได้รสชาติของกาแฟ cold drip แบบกล่มกล่อมที่แท้จริง ควรดื่มแบบที่กรองมาโดยตรงจากเครื่องเลยดีกว่า
ความพิเศษของการชงกาแฟแบบ Cold Brew ดังกล่าว แทนที่คุณจะต้องคอยเสียเงินซื้อกาแฟอยู่บ่อยๆแล้ว คราวนี้คุณสามารถใช้เวลาดื่มด่ำไปกับการได้ค่อยๆค้นพบรสชาติของกาแฟที่ถูกลิ้นคุณจริงๆ โดยไม่ต้องง้อกาแฟตามร้านกาแฟ franchise ทั้งหลาย เพราะจะมีอะไรดีไปกว่าการได้เลือกสรรรสชาติกาแฟที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองที่บ้าน จริงมั้ย? สำหรับใครที่อ่านคอลัมน์นี้แล้วเกิดสนใจอยากซื้อเครื่องทำกาแฟ Cold Brew เอาไว้ชงเองที่บ้าน เรามืเครื่องชงกาแฟ Cold Brew คุณภาพเยี่ยมถึงสี่อันมาฝากกันด้วย!
1. Filtron Cold Water Brewer ($43)
เครื่องชงกาแฟรูปทรงเรียบหรูยี่ห้อนี้มีถ้วยที่สามารถรวมกาแฟบดและน้ำในฟิลเตอร์เดียว ซึ่งอยู่ตรงก้นถ้วย เมื่อชงกาแฟเสร็จก็ให้ดึงปลั๊กเล็กข้างไต้ถ้วยเพื่อรินน้ำกาแฟเข้มข้นใส่ถ้วยกาแฟ พร้อมดื่มทันที
2. Hario Mizudashi Pot ($39)
นอกจากจะมีรูปทรงที่ดูสวยสง่าแล้ว เครื่องชงกาแฟอันนี้ยังใช้งานได้ง่ายมากๆด้วย แค่เติมน้ำเย็นลงไปในส่วนที่เป็นถ้วย เสร็จแล้วก็เติมกาแฟบดลงในฟิลเตอร์ แล้วปล่อยให้มันกลั่นประมาณ 9-24 ชั่วโมง
3. Toddy T2N ($35)
เครื่องนี้ถือว่าเหมาะมากสำหรับคนที่ชอบความสะดวกและราคาไม่แพงมาก คุณสมบัติใกล้เคียงกับยี่ห้อ Filtron Cold Water Brewer
4. Yama Cold Brew Tower ($250)
เครื่องชงกาแฟที่ดูอย่างกับหลุดออกมาจากห้องแลปตัวนี้ มีความสูงประมาณ 29 นิ้ว ความสนุกของการใช้เครื่องตัวนี้ก็คือตอนที่เห็นน้ำกาแฟค่อยๆหยดไหลวนลงมาสู่ถ้วยด้านล่าง แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งก็คือทำความสะอาดยากไปนิด
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
พาเที่ยวในโตเกียว ซื้อรองเท้า ให้'สายวิ่ง' เก็บตก ที่เที่ยว ช้อปปิ้ง หลังจากงานวิ่ง Tokyo Marathon . INSIDER JOURNY EP5 : เมื่อ 'สายวิ่ง' เก็บตก Shopping หลัง วิ่งในงาน Tokyo Marathon . Dooddot x Running Insider x Runner’s journey