fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“Memo” แบรนด์กระเป๋าน้องใหม่จาก Côte&Ciel แบรนด์กระเป๋า high-end จากประเทศฝรั่งเศส กับหลากหลายรุ่นกระเป๋า ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
date : 29.พฤษภาคม.2015 tag :

Côte&Ciel แบรนด์กระเป๋า high-end จากประเทศฝรั่งเศส ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์ลูกที่มีชื่อว่า “Memo” ออกมาให้แฟนๆได้ตื่นเต้น ด้วยเอกลักษณ์ของแบรนด์ Côte&Ciel ที่นอกจากจะเน้นเรื่องการดีไซน์ที่เป็น Shape & Form ที่สวยงามแล้ว วัสดุที่ใช้รวมถึงฟังค์ชั่นการใช้งานก็ดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน ดีไซน์ของกระเป๋าแต่ละรุ่นของ Côte&Ciel จึงถูกออกแบบมาให้เหมือนเป็นงานศิลปะประติมากรรม ซึ่งแน่นอนว่า shape  หรือรูปทรงของตัวกระเป๋ามีการรองรับสรีระของร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งแน่นอนว่าจุดเด่นจุดนี้ได้ถูกส่งต่อมาถึงแบรนด์ Memo ที่เน้นในเรื่องของฟังค์ชั่น การใช้งาน และตัวดีไซน์ แต่จะแตกต่างก็ตรงที่ Memo จะมีกลิ่นอายความเป็นวัยรุ่นมากกว่า รวมถึงในเรื่องของราคาที่สามารถเอื้อมถึงได้ง่ายกว่าเช่นกัน

null

เริ่มกันที่รุ่นแรก กับกระเป๋ารุ่น Monsoon ในคอลเล็คชั่นของ Memo ที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน มีกลิ่นอายความเป็น urban ทันสมัย เหมาะมากๆสำหรับหนุ่มสาวคนเมืองสมัยใหม่ กระเป๋ารุ่นนี้มาพร้อมฟังค์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย ตัวกระเป๋ามีน้ำหนักเบาสบาย ส่วนตัวดีไซน์ก็มีความเป็นมินิมอล ด้วยรูปทรงที่เป็นสไตล์เรขาคณิต ที่ถูกตัดทอน simplified ให้ใช้งานง่าย ดูสวยงาม ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยการเอาผ้าผืนเดียวมาพับให้ออกมาเป็นทรงของลูกเต๋า ซึ่งความพิเศษของกระเป๋า Monsoon ก็คือสามารถขยายออกได้ตามที่คุณต้องการ เพียงแค่ดึงสาย Shape Adjuster ไปทางขวา หรือดึงไปทางซ้ายเพื่อให้ขนาดของกระเป๋ายุบลง  ทีนี้คุณก็สามารถเลือกที่จะใส่ของใช้ส่วนตัว หรือเอกสาร อุปกรณ์การทำงานในปริมาณเท่าที่คุณต้องการในแต่ละวัน โดยที่ไม่ต้องคอยเปลี่ยนกระเป๋า เพราะกระเป๋า Monsoon สามารถรองรับการใช้งานได้อย่างเต็มที่! นอกจากนี้ภายในกระเป๋ายังมี laptop pocket หรือช่องใส่แล็ปท็อปให้คุณสามารถใส่ MacBook ขนาด 13 นิ้ว ได้อีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอ คุณยังสามารถเปลี่ยนการใช้งานของกระเป๋ารุ่น Monsoon จากกระเป๋าสะพายหลัง ให้เป็นกระเป๋าถือแบบ tote bag เก๋ๆ เพียงแค่ปลดสายสะพายออก มีให้เลือกด้วยกันถึง 3 สี คือสีขาว เทา แดง ในราคา 4,190 บาท นับว่าเป็นกระเป๋ารุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ที่นอกจากจะต้องการกระเป๋าที่ครบเครื่องเรื่องฟังค์ชั่นแล้ว ความสวยงามของตัวดีไซน์ก็สำคัญไม่แพ้กัน

null

(ซ้าย) ภายในมีช่องใส่แล็ปท็อปบุนวมอย่างดี (ขวา) สาย Shape Adjuster ไว้ดึงเพื่อเพิ่มและลดขนาดของกระเป๋า

null

ต่อกันที่รุ่น Zephyr กระเป๋าเป้สะพายหลังที่ครบเครื่องเรื่องฟังค์ชั่นการใช้งานไม่แพ้กัน ด้วยการใช้เทคโนโลยีทอผ้าที่เรียกว่า Technical Shantung เนื้อผ้าของกระเป๋ารุ่นนี้จึงดูเหมือนหยดน้ำที่กำลังค่อยๆไหลลงบนแผ่นกระจก ดูโดดเด่น และมีสไตล์มากๆ ซึ่งเทคโนโลยีที่ว่ายังช่วยทำให้ตัวกระเป๋ามีน้ำหนักเบาอีกด้วย ส่วนถ้าใครที่มีไลฟ์สไตล์ต้องพกพาแล็ปท็อป และอุปกรณ์สำคัญในการทำงานไปไหนมาไหนตลอดเวลา บอกเลยว่าถ้าคุณมีกระเป๋ารุ่น Zephyr คุณจะรู้สึกคล่องตัวมากๆ เพราะกระเป๋ารุ่นนี้มีช่องใส่แล็ปท็อป ขนาด 15 นิ้ว ข้างในแบบบุนวมอย่างดี แถมยังมีช่องใส่เอกสารสำคัญต่างๆ และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ รวมถึงช่องใส่ iPad ด้านนอกด้วยเพื่อการหยิบจับที่รวดเร็ว คล่องมือ ซึ่งนอกจากฟังค์ชั่นการใช้งานที่สำคัญแล้ว ดีไซน์และความสวยงามของกระเป๋ารุ่นนี้ก็ไม่ควรมองข้ามเช่นกัน เพราะมีให้เลือก 2 สี คือสีเขียวเข้ม ตัดกับขอบสีส้ม และสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับขอบสีเหลืองมัสตาร์ด ในราคา 5,890 บาท

null

(ซ้าย) ช่องสำหรับใส่ iPad ด้านนอกด้วยเพื่อการหยิบจับที่รวดเร็ว (ขวา) ภายในกระเป๋ากับช่องใส่แล็ปท็อป และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ

null

มาถึงรุ่นที่สามกับรุ่น Calima ซึ่งคราวนี้มาในรูปแบบของกระเป๋า tote bag สะพายไหล่ ที่ดีไซน์มาเพื่อใส่อุปกรณ์การทำงานโดยเฉพาะ เพราะข้างในมีกระเป๋าสำหรับใส่แล็ปท็อปขนาด 13 นิ้ว พร้อมด้วยช่องใส่ iPad mini และมือถือ ซึ่งตัวกระเป๋านี้มีการบุนวมทุกอย่างมาอย่างดี หมดห่วงเรื่องการกระแทกไปได้เลย นอกจากนี้สายสะพายของตัวกระเป๋าก็มีความแน่นหนา สามารถรองรับน้ำหนักของแล็ปท็อปได้สบายๆเวลาสะพายกระเป๋าไปไหนมาไหน เพราะมีตัวหัวล็อกที่ทำจากเหล็กสเตนเลสอย่างดี ที่มี่ความแข็งแรง ทนทาน ส่วนตัววัสดุกระเป๋าก็ทำจากเทคโนโลยี Technical Shantung เช่นกัน มี  2 สีให้เลือก คือสีเขียวเข้ม ตัดกับขอบสีส้ม และสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับขอบสีเหลืองมัสตาร์ด ในราคา 4,990 บาท

 null

(ซ้าย) ภายในกระเป๋ากับซองกระเป๋าสำหรับใส่แล็ปท็อป และ iPad mini (ขวา) ปิดกระเป๋าอย่างแน่นหนาด้วยล็อกแม่เหล็ก

null

ถ้ารุ่น Calima คือกระเป๋า tote bag สำหรับผู้ชาย รุ่น Zonda ที่เราจะแนะนำต่อไปนี้ก็ถือว่าเป็นกระเป๋า tote bag สำหรับผู้หญิง ด้วยรูปทรงโค้งมนของกระเป๋า ทำให้ Zonda ดูมีความเป็นเฟมินีน เหมาะสำหรับสาวๆชาวครีเอทีฟที่ต้องพกพาแล็ปท็อปติดตัวทุกวันเวลาไปทำงาน ภายในมีกระเป๋าสำหรับใส่แล็ปท็อปขนาด 13 นิ้ว พร้อมด้วยช่องใส่ iPad mini มือถือ และเอกสารสำคัญต่างๆ ซึ่งแน่นอนว่าตัวกระเป๋านี้มีการบุนวมมาอย่างดี ส่วนสายสะพายก็มีตัวหัวล็อกที่ทำจากเหล็กสเตนเลส มีความแน่นหนา สามารถรองรับน้ำหนักของแล็ปท็อปได้สบายๆเวลา ดั่งเช่นกระเป่ารุ่น Zephyr และ Calima วัสดุของกระเป๋ารุ่นนี้ทำจากเทคโนโลยี Technical Shantung และมี 2 สีให้เลือก คือสีเขียวเข้ม ตัดกับขอบสีส้ม และสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับขอบสีเหลืองมัสตาร์ด ในราคา 5,290 บาท

null

(ซ้าย) ตัวหัวล็อกที่ทำจากเหล็กสเตนเลส มีความแน่นหนา แข็งแรง (ขวา) ภายในกระเป๋ากับช่องใส่แล็ปท็อป และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ

null

สุดท้ายในคอลเล็คชั่นของ Memo กับกระเป๋ารุ่น Kona ที่ถือเป็นกระเป๋าสำหรับหนุ่มทำงานโดยเฉพาะ กระเป๋า business bag รุ่นนี้มาพร้อมกับช่องซิปสองช่อง ให้คุณสามารถถอดสายสะพายออกและเก็บเข้าในช่องอย่างแนบเนียน เมื่อต้องการใช้กระเป๋ารุ่นนี้เป็นกระเป๋าหิ้วแทน ส่วนภายในกระเป๋าก็มีช่องสำหรับใส่แล็ปท็อปขนาด 13 นิ้ว และช่องตาข่ายสำหรับใส่ iPad Air และมือถือ ส่วนทางด้านหน้าก็ยังมีช่องสำหรับใส่พวกของใช้ส่วนตัว และเอกสาร วัสดุที่ใช้ก็ได้ทำมาจากเทคโนโลยี Technical Shantung เช่นกัน และมี 2 สีให้เลือก คือสีเขียวเข้ม ตัดกับขอบสีส้ม และสีน้ำเงินเข้ม ตัดกับขอบสีเหลืองมัสตาร์ด ในราคา 5,290 บาท

null

(ซ้าย) ช่องซิปสำหรับเก็บสายสะพาย เวลาจะใช้กระเป๋าเป็นแบบหิ้ว (ขวา) ภายในกระเป๋ากับช่องใส่แล็ปท็อป และของใช้ส่วนตัวอื่นๆ

สำหรับใครที่กำลังมองหากระเป๋า high-end ที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำกับแบรนด์ไหนๆ รวมถึงฟังค์ชั่นการใช้งานที่เพียบพร้อม เราขอแนะนำแบรนด์น้องใหม่ Memo จาก Côte&Ciel แบรนด์นี้ ซึ่งมีวางจำหน่ายแล้วที่ชั้น 3 สยามพารากอน แผนก be  trend ,ชั้น 4 ดิเอ็มโพเรียม แผนก be  trend และ ชั้น 5 เซน เซ็นทรัลเวิล แผนกเครื่องแต่งกายชาย สามารถซื้อได้แล้ววันนี้โดยรุ่น “Monsoon” วงจำหน่ายในราคา 4,190 บาท, รุ่น “Zephyr” ราคา 5,890 บาท, รุ่น “Calima” ราคา 4,990 บาท, รุ่น “Zonda” ราคา 5,290 บาท และ รุ่น “KONA” ในราคา 5,290 บาท สะดวกแถวไหนก็ไปเลือกซื้อกันได้เลย

RECOMMENDED CONTENT

7.พฤศจิกายน.2022

ซีรีส์ The Last of Us เล่าเรื่องราว 20 ปีหลังจากอารยธรรมสมัยใหม่ถูกทำลาย โจเอล ผู้รอดชีวิตได้รับการว่าจ้างให้พาตัวเอลลี เด็กหญิงอายุ 14 ปี ออกจากเขตกักกัน ภารกิจเล็กๆกลับกลายเป็นการเดินทางที่โหดร้ายและน่าสลดในไม่ช้า เมื่อทั้งคู่ต้องเดินทางข้ามสหรัฐอเมริกาและช่วยเหลือกันเพื่อความอยู่รอด