จบไปแล้ว สำหรับ CU 2014 ในหัวข้อ “What… if” หรือ “ถ้า… อนาคตกำหนดได้” งานสัมมนาเชิงความคิดที่จัดกันเป็นประจำทุกๆปีของ TCDC ที่บรรดาดีไซน์เนอร์ นักออกแบบ และผู้ที่สนใจในเมืองไทย ให้ความสนใจกันอย่าง (เรียกว่ามีบัตรเท่าไรก็ขายหมดทุกๆปีเช่นกัน) สำหรับปีนี้ดูจากรายชื่อนักพูด (Speaker) เราจะเห็นเลยว่ามีเนื้อหาที่เข้มข้นและเจาะลึกในสายอาชีพมากพอสมควร จะเห็นได้ว่าผู้ฟังส่วนใหญ่ล้วนเป็นดีไซน์เนอร์ นักธุรกิจ Entepreneur นักลงทุนหน้าใหม่ มากมายมานั่งเก็บเกี่ยวความรู้กัน งานแบ่งออกเป็น 2 ช่วงหลักๆคือ ช่วง Workshop ที่จัดกันไปเมื่อวันที่ 28-29 สิงหาคม และ Symposium หรืองานสัมมนาคือวันที่ 30-31 สิงหาคม ตารางคิวทั้งสองวันอัดแน่นไปด้วยนักคิดจากความรู้แขนงต่างๆจำนวนทั้งสิ้น 9 คน สำหรับคนที่ไม่ได้ไปร่วมงานในปีนี้ไม่ต้องเสียใจไป เพราะเรามีคอลัมน์พิเศษสรุปใจความสำคัญมาให้ฟังกันถึงหน้าจอนี้เลย ไล่ตั้งแต่นักพูดคนแรกของวันเสาร์กันที่…

ภาพตอนที่ Patricia Moore ทดลองโดยเอาตัวเองปลอมเป็นผู้สูงอายุวัย 80 ปี เป็นเวลา 3 ปี

Patricia Moore

ดีไซน์เนอร์ผู้นำเสนอแนวคิดการออกแบบ ดีไซน์อุปกรณ์เครื่องใช้สำหรับผู้สูงอายุ โดยคำนึงถึงการใช้งานและวิธีคิดของคนใช้เป็นหลัก ที่น่าสนใจคือเธอใช้เวลาทดลองแนวคิดนี้ ด้วยการปลอมตัวเป็นผู้สูงอายุวัย 80 ปี มีชีวิตอยู่แบบคนไร้บ้าน เป็นเวลายาวนานถึง 3 ปี! ทำเอาคนในห้องที่นั่งฟังอยู่ตกใจพร้อมๆกัน ยิ่งไปกว่านั้นมีเรื่องเล่ามากมายที่เธอต้องประสบในระหว่างที่ทำการทดลอง บางเรื่องร้ายแรงถึงขนาดที่มีคนมารุมทำร้ายเธอทั้งๆที่เธอเป็นคนสูงอายุ Moore เชื่อว่า “ความหมายของงานดีไซน์สำหรับคนทั่วไปจะปรากฏให้เห็นก็ต่อเมื่อมันล้มเหลว” กล่าวคือเราจะเห็นว่าความหมายของการดีไซน์ก็ต่อเมื่อสิ่งของชิ้นนั้นไม่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ และ “งานดีไซน์ที่ใช้ไม่ได้สำหรับทุกคน คืองานดีไซน์ที่ไม่สมบูรณ์” อย่างเช่นรถเข็นของคนสูงอายุ หรือคนพิการ ที่ท้ายที่สุดแล้วไม่สามารถขึ้นลงบันได้ด้วยตัวเองได้ นั่นก็คือความล้มเหลวที่เธอเชื่อว่าต้องถูกปรับปรุงแก้ไขเช่นกัน

“UNIQLOCK” และ “UNIQLO WAKE UP” สองดิจิตอลแคมเปญผลงานของ Tanaka ที่สร้างชื่อให้กับแบรนด์ UNIQLO โด่งดังไปทั่วโลก

Koichiro Tanaka

เจ้าของบริษัทโฆษณา “Projector” จากแดนปลาดิบคนนี้ เรามั่นใจเลยว่าสำหรับใครที่กำลังทำงานสายเอเจนซี่โฆษณา ถ้าได้มาฟังคนนี้อาจจะตรงเป้าสุดๆเลย เพราะว่าผลงานเด่นๆของเขาคือ  Digital Campaign หลายชิ้นที่ทำกับ UNIQLO จนเปลี่ยนให้แบรนด์เสื้อผ้าราคาประหยัด ก้าวจากเวทีระดับประเทศไปสู่ทั่วโลกได้ การันตีด้วยรางวัลจาก Cannes มากมาย (พวกแอพไอเดียสร้างสรรค์ของ UNIQLO อย่าง ปฏิธิน UNIQLO หรือ สูตรอาหาร UNIQLO ที่จับคู่อาหารจานโปรดกับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าได้อย่างแปลกดี ล้วนเป็นผลงานของเขาทั้งนั้น) สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดที่ทานากะถอดมาจากตำนานปกรณัมเก่าแก่ ที่บ่อยครั้งตัวเอกต้อง “แปลกแยก” เอาตัวเองออกจากสังคมเก่า เพื่อนำไปสู่การ “ริเริ่มคิดค้น” สิ่งใหม่ๆในที่ใหม่ๆ จากนั้นจึงย้อนกลับมายังสังคมที่เคยอยู่เพื่อ “พัฒนา” มันอีกครั้ง เขานำมาประยุกต์กับตัวเองด้วยการละทิ้งแนวคิดที่จำเป็นต่องานโฆษณาทั้งหมด ทั้งการใช้มีเดีย การใช้ดาราดัง การคิดงานแบบตามสูตร อีกหลายอย่าง เปลี่ยนมาเป็นย้อนกลับมามองและให้ความสำคัญกับความทรงจำต่อสิ่งต่างๆในตัวเองมากขึ้น ผลจึงเกิดมาเป็นแคมเปญไอเดียสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนใครจริงๆ

ภาพระหว่างลงพื้นที่ เก็บสำรวจข้อมูลของ Jan 

Jan Chipchase

ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมผู้บริโภค “ยาน ชิบเชส” เดินทางบรรยายมาแล้วทั่วทุกงานสัมมนาระดับโลก อย่างเช่นเวที Ted Talk เขาก็ไปมาแล้ว มาถึงเวที Creative Unfold ของ TCDC ปีนี้ ในหัวข้อ What… if เขาเลือกนำเสนอมุมมองในเรื่องการพัฒนาองค์กรและการทำงาน อย่างในสตูดิโอของตัวเอง ที่ส่งเสริมให้คนทำงานไม่จำเป็นต้องมีสตูดิโอเป็นหลักแหล่งก็ได้ เพื่อกรอบความคิดที่เปิดกว้างมากขึ้น เราควรทำทุกสถานที่ให้เป็นท่ีทำงานได้ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นเมื่อใดก็ตามที่ “ยาน” ไปเยือนต่างแดน เขาจะเลือกเอาคนในท้องถื่นมาร่วมงงานด้วยเพื่อแชร์มุมมอง ความคิดจากวัฒนธรรมความเป็นอยู่ นำมาสร้างเป็นผลงานการวิจัยของเขาอีกครั้งหนึ่ง

“Stimuli” ผลงานออกแบบ Tableware ของ Jeon ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากผิวสัมผัสแบบต่างๆ

Jinhyun Jeon

นักออกแบบสาวชาวเกาหลี ที่มีสตูดิโอของตัวเอง Base อยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ เธอเป็นดีไซน์เนอร์ที่กำลังค้นคว้าวิจัยในเรื่องของประสาทสัมผัสทั้ง 5 นำมาต่อยอดงานดีไซน์ Tableware หรือเครื่องมือบนโต๊ะอาหาร โดยที่ผลงานของ Jinhyun ชุด “Stimuli” ได้รับการยอมรับและเป็นที่พูดถึงโด่งดังในวงการดีไซน์ออกแบบระดับโลกเป็นอย่างมาก กับช้อน ส้อม หน้าตาแปลกๆที่เธอกล่าวว่า “การรับรสที่มากมายไม่ได้เกิดจากความคิด แต่เกิดจากความรู้สึกที่เราสัมผัสมัน” เธอทดลองให้เห็นถึงการรับรู้จากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ล้วนมีผลด้วย เช่นการได้ยินของเสียงในแวดล้อมการกิน รวมไปถึงตา จมูกล้วนมีผลกับมื้ออาหารหมด จนมาถึงการ “สัมผัส” ของริมฝีปาก จากช้อนรูปทรงหนามๆที่เห็นแล้วไม่น่าเชื่อว่าจะนำมาใช้กินจริงๆ เป็นผลงานของเธอที่ดูแล้วทำให้รู้สึกทึ่ง อยากลองกินบ้างสักครั้ง

“Dune” / “Lotus” / “Intimacy” / “Smart Highway” ผลงานออกแบบที่สร้างชื่อของ Roosegaarde

Daan Roosegaarde

ผู้บรรยายคนสุดท้ายของวันแรก ดีไซน์เนอร์ชาวดัทช์ที่มาพร้อมของประดิษฐ์ไอเดียล้ำสมัยมากมาย ดูแล้วเป็นนักออกแบบแห่งโลกอนาคตจริงๆ กับแนวคิดที่ชัดเจนว่าเขาไม่ชื่อว่ามนุษย์ต้องหยุดอยู่กับที่ หรือต้อง “ทำน้อย” เข้าว่า แต่เพื่อผลักดันนวัตกรรมของโลก เราทุกคนจำเป็นต้อง “ทำเยอะ” และไม่หยุดค้นคว้าพัฒนาความรู้ โลกจึงจะเกิดเทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย ทั้งผลงานที่ชื่อ “Intimacy” เสื้อผ้าไฮเทคที่มีเทคโนโลยีเมื่อจังหวะการเต้นของหัวใจทำงานมากขึ้น เสื้อจะยิ่งโปร่งแสงขึ้นเรื่อยๆ หรือจะเป็นผลงานที่โดดเด่นของเขาคือ “Smart Highway” ถนนที่ไม่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า มีวิธีเก็บพลังงานจากการอาบแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน จากนั้นจึงเปลี่ยนมาเป็นแสงไฟตอนกลางคืน นอกจากนั้นยังมีนวัตกรรมน่าทึ่งอีกเพียบ ถือเป็นอีกหนึ่ง Speaker ที่ผู้เข้าฟังให้ความสนใจและได้รับความรู้อย่างมาก

แนวคิด Next Nature ของ Mensvoort ที่เชื่อว่าเทคโนโลยีสามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติได้

Dr. Koert van Mensvoort

นักคิดนักออกแบบผู้บุกเบิกแนวคิด “Next Nature” แนวคิดที่ Mensvoort เชื่อว่า “เทคโนโลยี” กับ “ธรรมชาติ” ล้วนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จากตัวอย่างในอดีต ถ้าสังเกตได้จะค้นพบเลยว่าทุกอย่างที่กำลังเป็นของธรรมชาติทุกวันนี้ ล้วนเป็นเทคโยโลยีในอดีตทั้งนั้น ง่ายๆก็คือโทรศัพท์มือถือ ที่สมัยก่อนนี่คือนวัตกรรมใหม่ของโลก แต่ทุกวันนี้มันได้กลายเป็นของใช้ชีวิตประจำวันที่ทุกคนต้องมีเป็นเรื่องปกติกันไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นสิ่งที่เรากำลังทำและคิดค้นกันอยู่นี้ เมื่อสำเร็จมันจะกลายเป็นธรรมชาติในอนาคต สิ่งที่ Mensvoort กำลังศึกษาค้นคว้าวิจัยคือ ตัวผลงานเนื้อสัตว์เทียมที่สร้างต่อจากเซลล์เนื้อเยื่อในสัตว์ต่างๆ เขาเชื่อว่าถ้ามันทำได้สำเร็จ ไม่เพียงแต่เราจะไม่ต้องใช้ทรัพยาการที่กำลังลดลงไปเรื่อยๆแล้ว แต่เรายังมีโอกาสได้ลิ้มรสเนื้อแบบต่างๆ ที่เคยสูญพันธ์ไปแล้วอีกด้วย นี่ถ้าในอนาคตเทคโนโลยีนี้สำเร็จจริงๆ เราคงเป็นหนึ่งในคนกลุ่มที่ได้ฟัง Mensvoort เล่าจากช่วงเวลานี้

กระทิง พูนผล / Krating Poolpol

ผู้บุกเบิกการก่อตั้งธุรกิจ Tech Startup ของไทยในรูปแบบ Silicon Valley & อดีตผู้บริหาร Google Earth คนไทยคนเดียวในบรรดา Speaker ของ CU 2014 นี้ คุณกระทิง มาพร้อมแนวคิดที่ว่า “โลกปัจจุบันนี้เราต้องเป็นปลาไว มันไม่ใช่ปลาใหญ่กินปลาเล็กอีกต่อไปแล้ว ใครเริ่มได้เร็วกว่าคนนั้นได้เปรียบ” คุณกระทิงเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของธุรกิจ Startup Branding ธุรกิจที่ใครก็มีโอกาสเริ่มได้ที่ตอนนี้กำลังเกิดขึ้นในโลกแบบตามไม่ทัน เขามีความต้องการที่จะผลักดันให้เมืองไทยมีธุรกิจแบบนี้เกิดขึ้นมากกว่านี้ เพราะเชื่อว่า Startup Branding คือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศได้อย่างรวดเร็วมาก ตัวอย่างก็มีให้เห็นได้ชัดอย่างบรรดาบริษัทใน Silicon Valley ต่างๆที่ตอนนี้ประสบความสำเร็จ ทุกที่ล้วนเริ่มจากธุรกิจเล็กๆ อย่าง Twitter ที่เริ่มจากโครงร่างสมุดสเก็ตช์เล็กๆ เป็นไอเดียหลักเท่านั้น คุณกระทิงกล่าวเสริมว่า ทุกอย่างมันเริ่มจากอะไรที่ง่ายมากๆ เพราะฉะนั้นอย่ากลัวที่จะเริ่ม เหมือนเด็กเวลาหัดเดิน จะช้าจะเร็วก็ไปถึง ได้ยินแล้วมีไฟอยากสร้างอะไรของตัวเองขึ้นมาไม่น้อยเลยทีเดียว

นิตยสาร COLORS Magazine ที่ Waterhouse เป็นบรรณาธิการ // ตัวอย่างผลงาน Illustration ที่ใช้ประกอบในหนังสือ / งานโปรเจคต์ภาพถ่ายแนว Typology จากหน้าต่างห้องต่างๆของตึกในแอฟริกา

Patrick Waterhouse

บรรณาธิการของนิตยสาร COLORS นิตยสารที่มีการวางรูปแบบเนื้อหาคอนเทนต์ และ Layout หน้าหนังสืออันเป็นเอกลักษณ์ Patrick ไม่อยากจำกัดตัวเองอยู่แค่คำว่า บก. เท่านั้น เขาเป็นทั้ง Illustrator Photographer และอีกมากมาย ซึ่งผลงานต่างๆของเขาก็มาปรากฎอยู่ในกระบวนการทำหนังสือ COLORS นี่ล่ะ จากยุคเก่าของ COLORS ที่กำลังก้าวผ่านยุคสมัย ในช่วงเวลานั้น Patrick ได้เข้ามามีส่วนดูแล และพลิกให้ COLORS กลายเป็นนิตยสารหัวที่บรรดาคนทำงาน Creative และงานสายดีไซน์ต่างๆหลงรักทันที ผมไม่อยากเรียกว่า COLORS เป็นนิตยสาร ผมมองว่ามันเป็น “หนังสือ” มากกว่า ผมมีความรู้สึกสนุกและสนใจในการทำ “หนังสือ” มากกว่า “นิตยสาร” จากแต่ละฉบับที่ทำออกมาการันตีได้เลยว่า ถ้าวัดในเรื่องแนวคิดและการทำเนื้อหาหนังสือแล้ว COLORS ถือเป็นนิตยสาร (หนังสือ) ที่อยู่แถวหน้าของโลกตอนนี้เลยก็ว่าได้ ถูกใจผู้เข้าฟังที่กำลังทำงานกองบก. สุดๆ

นอกจากนั้น ท้ายสุดของงานวันจบ ทาง TCDC ได้จัดงาน After Party เป็นการสรุปงาน CU2014 ปีนี้ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยนกับบรรดาคนจากหลากหลายสายอาชีพต่างๆที่เข้าร่วมฟังด้วยกัน  ยิ่งไปกว่านั้นคือมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับบรรดา Speaker จากบนเวทีเป็นการส่วนตัวอีกด้วย พิเศษๆสุดคือทั้งหมดนี้ “ฟรี” ให้สำหรับผู้เข้าร่วมงานสัมมนาเชิงความคิดครั้งนี้ ลองชมภาพบรรยากาศที่เราเก็บมาฝากกัน เรียกว่าเป็น 2 วันที่ผู้เข้าร่วมได้ความรู้และเครือข่าย Network คนในสายงาน ติดมือกลับบ้านไปเพียบ ใครที่พลาดปีนี้ปะ ปีหน้าติดตามข่าว Creative Unfold แล้วรีบจองตั๋วกันล่ะ