
หากหนัง La La Land (Damien Chazelle, 2016) เปรียบได้กับโลกด้านสว่างเหมือนฝันหวานของเมือง Los Angeles หนังสือ ‘Dark City: The Real Los Angeles Noir’ ก็เหมือนตัวทำลาย California Dream ของเราจนหมดสิ้น
หนังสือชุดภาพถ่ายเล่มนี้กำลังเผยให้เห็น ‘อีกด้านหนึ่ง’ ของเมืองซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของอุตสาหกรรมบันเทิงและวัฒนธรรมเลิศหรูอย่างลอสแองเจลิส โดยได้รวบรวมภาพถ่ายเหตุการณ์ในมุมมืดต่างๆ ที่เกิดขึ้นในลอสแองเจลิส จากหนังสือพิมพ์แท็ปลอยด์ แม็กกาซีน พิพิธภัณฑ์ และสื่อต่างๆ ระหว่างปี 1920s ถึง 1950s ช่วงเวลาเดียวกับที่ควันของสงครามโลกครั้งยังคุกรุ่น ส่งผลต่อสภาพบ้านเศรฐกิจและบ้านเมือง ณ ขณะนั้น นำมาซึ่งความเฟื่องฟูของยาเสพติด นักการเมืองคอรัปชั่น การพนัน ค้าประเวณี ความตกต่ำทางศีลธรรม สู่การกำเนิดของแก๊งนอกกฎหมาย บรรดาเจ้าพ่อ และคดีอาชญากรรมต่างๆ จนกระทั่งเป็นแรงบัลดาลใจให้เกิดหนัง ‘ฟิล์มนัว’ (film noir) ในยุคนั้น
หนังสือภาพชุดนี้อาจทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังดูภาพนิ่งจากหนัง Crime/ Triller สักเรื่อง แต่แย่หน่อยตรงที่มันไม่ใช่หนัง แถมเป็นเรื่องจริงที่มีฉากหลังเป็นฝันสลายของเมืองชื่อ ‘ลอสเเองเจลิส’
Dark City: The Real Los Angeles Noir , published by Taschen.
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย