ถือได้ว่าในช่วงสองสามปีที่ผ่านมานี้ คือยุคของ ‘เก่าเกิดใหม่’ หรือ Reborn กระแสถวิลหาอดีตถูกกลับมาทำให้อยู่บริบทใหม่ ใส่ความโมเดิร์นลงไป ผลออกมาแทนที่จะดูประดักประเดินไม่เข้ากัน แต่เชื่อหรือไม่ว่า เกือบแทบทุกโปรเจ็กต์นั้น มักออกมาสวยงาม ลงตัว และควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมกันต่อไป
เช่นกันกับกลุ่มบ้านจีนโบราณเก่าแก่สี่หลัง ที่แทรกแซมอยู่ในย่านเก่าของเมืองซูโจว เมืองที่รับฉายาว่า ‘เมืองสวรรค์ในโลกมนุษย์’ ประวัติศาสตร์ของเมืองที่ยาวนานมาตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก โดดเด่นด้วยสวนจีนแบบโบราณมากกว่า 200 แห่ง ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พร้อมด้วยหลักฐานของการเป็นเมืองท่าค้าขายทางเรือ ด้วยคลองสาขาที่มากที่สุดแห่งหนึ่งในแถบลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียง
กลุ่มบ้านจีนโบราณนี้ ตั้งอยู่ในอาณาบริเวณ 2,500 ตารางเมตร เดิมทีตระกูลเป่ย (Bei) เคยถือครองเป็นเจ้าของที่ดิน และได้สร้างหมู่เรือนพักอาศัยและสวนเก่าแก่เอาไว้ตั้งแต่ยุคราชวงศ์ฉิง (Qing Dynasty) ด้วยอายุกว่าร้อยปี ทำให้พื้นที่แสนเก่าแก่แห่งนี้ถูกหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนเจ้าของมาหลายรุ่น ถูกบูรณะมาก็หลายครั้ง ก่อนที่ปัจจุบันจะถูกเปลี่ยนมือ และถูกรีโนเวทใหม่เหมือนใหม่ประหนึ่งวิลล่า โดยทีมสถาปนิก B.L.U.E. Architecture Studio
เริ่มต้นจากการบูรณะบ้านจีนโบราณสี่หลัง ที่เดิมโครงสร้างนั้นทำมาจากไม้ทั้งหมด ทีมสถาปนิกเลือกที่จะเสริมโครงสร้างด้วยคอนกรีต เพื่อให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์สมัยใหม่ โดยยังคงไว้ซึ่งโครงสร้างและส่วนตกแต่งบางอย่างที่มีเอกลักษณ์และควรอนุรักษ์เอาไว้ โดยคำนึงถึงปัจจัยที่ครอบครัวในยุคใหม่ต้องการ อาทิ ห้องหับที่สามารถติดตั้งเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความร้อนได้ ห้องอาบน้ำในตัวอาคาร พื้นที่เปียกและแห้งที่แบ่งสัดส่วนชัดเจน
สีของเนื้อไม้ที่เดิมถูกทาด้วยสีแดงฉานดูเก่าแก่คร่ำครึ ถูกบูรณะด้วยการทาสีกันความชื้นและกันปลวกสีดำขลับมัน ช่วงเสริมส่งความขรึมขลัง และยังสร้างความโมเดิร์นในความเก่าแก่ได้อีกด้วย บานประตูและหน้าตาที่เป็นของเดิมและสวยงามยังคงเก็บรักษาไว้ ในขณะที่เฟอร์นิเจอร์ยุคใหม่ก็ถูกจัดวางแทรกแซมในส่วนต่างๆ โดยเน้นหนักที่ความเรียบง่าย และสีธรรมชาติ เพื่อไม่ให้แย่งซีนความโดดเด่นซึ่งกันและกันไป
ส่วนที่เป็นพื้นที่สีเอิร์ธโทนนั้น ทีมสถาปนิกตั้งใจออกแบบให้มีความรู้สึกถึงความส่วนตัว ไพรเวท และสามารถเติมแต่งด้วยของตกแต่งตามที่เจ้าของบ้านแต่ละหลังต้องการ ส่วนพื้นที่ส่วนกลางที่มีความพับลิค จะเน้นโทนสีไปที่สีเทา เพื่อจับความเก่าแก่โบราณของสวนด้านนอก ต้นไม้ และหินแกะสลัก ให้โดดเด่นชัดขึ้นมาอีกด้วย
แต่เพื่อไม่ให้บ้านทั้งสี่หลังมีความปลีกวิเวกมากจนเกินไป ทีมสถาปนิกจึงออกแบบในบ้านแต่ละหลังต้องมีส่วนที่สามารถใช้พื้นที่ร่วมกันกับบ้านหลังอื่นๆ เช่นที่บ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดจะมีส่วนรับแขก และครัวที่ใช้ร่วมกัน ส่วนบ้านหลังอื่นๆ ก็จะมีทั้งห้องอ่านหนังสือ ห้องทำงาน แกลลอรี่ บาร์ หรือแม้แต่ห้องสปา ที่ทุกคนสามารถมาร่วมกันใช้พื้นที่ได้อย่างไม่เคอะเขิน แต่ก็แบ่งส่วนห้องหับที่ต้องการความส่วนตัวเอาไว้ด้วย
ส่วนหน้าบ้านหลังหลัก แต่เดิมคือลานกว้างสำหรับใช้จัดงาน กิจกรรม และพิธีกรรมต่างๆ ภายในครอบครัว ทีมสถาปนิกได้สร้างสวนที่ควบรวมเอาความโบราณและความโมเดิร์นเอาไว้ด้วยกัน โดยพยายามยึดหลักการและแนวคิดในการตกแต่งสวนให้สื่อถึงโลกสวรรค์กับโลกมนุษย์ไว้อยู่ ตรงกลางของบ่อน้ำถูกขุดเป็นหลุมสำหรับนั่งเล่น ให้ความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นการจัดการกับพื้นที่ได้อย่างชาญฉลาด แถมยังแน่นในคอนเซ็ปต์อีกด้วย
เมื่อมองจากภายนอก กลุ่มบ้านโบราณทั้งสี่หลังนี้อาจดูธรรมดาๆ แต่ใครจะเชื่อล่ะว่า ข้างในได้ซุกซ่อนความเรียบหรูเอาไว้ในทุกระเบียด และเป็นตัวอย่างที่ดีของโลกสมัยใหม่ ที่ไม่จำเป็นต้องไปข้างหน้าเสมอไป หากแต่ลองจูงมืออดีตให้เดินเคียงข้างควบคู่กันไปดู ผลออกมาก็เป็นอย่างที่เห็นนี่เอง
RECOMMENDED CONTENT
บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม จำกัด ร่วมกับ บริษัท บีฮีมอธ แคปปิตอล จำกัด, บริษัท นอร์ธสตาร์ สตูดิโอ จำกัด, บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส จำกัด พร้อมส่งภาพยนตร์เรื่องราวเเห่งแรงบันดาลใจที่สร้างจากเรื่องจริงของโปรกอล์ฟ