เมื่อกล่าวถึงดูไบ (Dubai) ในฐานะเมืองสำคัญของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ภาพจำแรกที่ทุกคนจะนึกถึงก็คือ เมืองที่เต็มไปด้วยตีกสูง สถาปัตยกรรมเจ๋งๆ ประหนึ่งอยู่ในเกม Sim City แถมยังเป็นพื้นที่ที่เหล่าสถาปนิก และบริษัทวิศวกรรมชั้นนำของโลก ต่างมาใช้พื้นที่เป็นสนามเด็กเล่น ก่อร่างสร้างตึกสูงกันเป็นที่สนุกสนาน

วันนี้เราเลยขอนำชมสถาปัตยกรรมสุดเด่น และดังของดูไบ ที่ไม่ใช่แค่แสดงออกถึงความก้าวหน้าทางสถาปัตยกรรมเท่านั้น แต่สถาปัตยกรรมที่เราจะยกตัวอย่างให้ดูนี้ ยังเป็นทั้งจดหมายเหตุ หรือสิ่งที่แสดงได้ถึงเอกลักษณ์ความรุ่งเรืองของอดีตเมืองท่าเก่าแห่งนี้ พร้อมแล้ว ตามธงนำชมเรามาได้เลย

= Burj Al Arab =
สถานที่แห่งแรกที่เราขอนำชมก็คือ ตึกเรือใบ ตึกแลนด์มาร์คประเภทที่ ถ้าลองถามทุกคนว่า ถ้าพูดถึงดูไบ จะนึกถึงอะไร หนึ่งคำตอบที่ถามคนหนึ่งร้อยคนจะต้องบอกว่า ตึกเรือใบ นี้ อย่างแน่นอน! ชื่อเรียกนี้แปลความหมายได้ว่า ‘หอคอยแห่งอาหรับ’ เป็นโรงแรมหรูระดับ luxury ที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก ด้วยความสูง 280 เมตร และที่ตั้งอยู่บนเกาะฝีมือมนุษย์ ห่างออกจากพื้นที่ของหาด Jumeirah ทำให้ภาพออกมาดูคล้ายกับเรือใบลำยักษ์ที่กำลังแล่นโต้คลื่นอยู่

= Dubai Museum =
หากเป็นคนช่างสังเกต จะพบว่าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติของหลายๆ ประเทศ มักตั้งอยู่ในอาคารที่ทรงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมเดิมอยู่แล้ว เช่นกันกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติดูไบ ก่อตั้งขึ้นในปี 1971 นำเสนอเรื่องราววิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมของชาวอาหรับและเอมิเรตส์ ตัวพิพิธภัณฑ์ใช้พื้นที่ของอดีตป้อมปราการเก่าแก่ โดดเด่นด้วยเรือ Dhow ขนาดเท่าของจริง ซึ่งเป็นเรือขนส่งสินค้าแบบโบราณที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมอาหรับ ภายในจัดแสดงโบราณวัตถุย้อนไปไกลจนถึงราว 3000 ปีก่อนคริสตกาล บอกเล่าเรื่องราวของดูไบตั้งแต่ยุคโบราณ ก่อนก้าวเข้าสู่การเป็นเมืองท่าสำคัญ และกลายเป็นเมืองค้าน้ำมันอย่างในปัจจุบัน

= Burj Khalifa =
ตึกที่ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในโลก ที่ทุกคนคุ้นตาจากการเป็นฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Iron Man ความสูง 829.8 เมตร ตั้งอยู่ในเขตดาวน์ทาวน์ ซึ่งเป็นเมืองใหม่ที่ทางดูไบตั้งใจให้เป็น CBD หรือพื้นที่ศูนย์กลางด้านเศรษฐกิจ นอกจากรางวัลเรื่องความสูงจากกินเนสบุ๊กแล้ว ความสวยงาม สถาปัตยกรรม และวิศวกรรมในการก่อสร้างนั้น ก็ทำให้ตึกนี้ได้รับรางวัลจำนวนมาก นับตั้งแต่เริ่มต้นก่อสร้างในปี 2004 และเปิดใช้งานในปี 2010 ตึกนี้ก็ต้อนรับนักท่องเที่ยวไปมากกว่าสิบล้านคนแล้ว

= Cayan Tower =
ตึกทรงแปลกประหลาดที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามันหมุนได้อยู่ตลอดเวลานี้ คืออีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญและความภาคภูมิใจของดูไบ ด้วยความสูง 75 ชั้น 306 เมตร ก่อสร้างและออกแบบโดยทีมเดียวกันกับตึก Burj Khalifa ที่เป็นกรณีศึกษาด้านสถาปัตยกรรมและวิศวกรรม เพราะนี่คือตึกเดียวในโลกที่หมุนถึง 90 องศา สร้างเสร็จในปี 2013 แต่ก็พ่ายแพ้เพราะถูกล้มแชมป์โดยตึก Shanghai Tower ที่หมุนไปถึง 135 องศา และสร้างเสร็จในปี 2015 ไปอย่างน่าเสียดาย

= Dubai Miracle Garden =
นอกจากเรื่องความสูงและความอลังการที่ดูไบชอบทำกันกับอาคารสูงแล้ว ภูมิสถาปัตย์ หรือ สวน ดูไบก็ไม่เว้น เพราะนี่คือสวนดอกไม้ที่มิราเคิลสมชื่อจริงๆ สถานที่นี้เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวในวันวาเลนไทน์ ปี 2013 แน่นอนว่าก็ต้องต้อนรับคู่รักนับหมื่นนับพันคู่มาแล้ว โดยทั่วทั้งพื้นที่ 72,000 ตารางเมตรนี้ เต็มไปด้วยดอกไม้ชนิดต่างๆ สีสันมากมายจำนวนมากกว่า 109 ล้านต้น และกลายเป็นสวนดอกไม้ธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปโดยปริยาย ซึ่งถ้าดูจากผังแล้ว บอกได้คำเดียวว่า งานพืชสวนโลกกลายเป็นน้องๆ ไปเลย

= Sheikh Zayed Grand Mosque =
ขอแถมอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ได้อยู่ในดูไบ แต่ก็ไม่ใกล้ไม่ไกล แค่เมืองอาบูดาบีเท่านั้นเอง กับมัสยิดหลวง เชค ซายิดฯ ถึงแม้ว่ามัสยิดหลวงแห่งนี้จะเพิ่งสร้างใหม่ แต่ก็รวมรวบเอาสุดยอดสถาปัตยกรรมแห่งอาหรับมาไว้ในทีเดียว แถมยังเต็มไปด้วยที่สุดในโลกมากมายภายในสถาปัตยกรรมภายในที่งดงามราวกับอยู่ในความฝัน อาทิ พรมทอขนแกะแบบอิหร่านผืนใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมีน้ำหนักถึง 35 ตัน, โคมไฟระย้าที่ทำจากคริสตัล Swarovski นับล้านชิ้น และใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และเสาหินอ่อนประดับมุข 96 ต้น พร้อมด้วยผังแบบเฉพาะของสระน้ำรอบมัสยิด ที่สวยงามและสมมาตรในทุกเวลา แค่นี้ก็ถือว่าที่นี่คือหนึ่งใน the must ที่ต้องมาเยี่ยมเยียนแล้ว

ซึ่งสมาชิกโปรแกรม BMW The Ultimate JOY Experience ที่ได้มีโอกาสไปร่วมทริป BMW Golf Cup Special Edition – Dubai ระหว่างวันที่ 9-14 ธันวาคมนี้ นอกจากที่ได้ไปไดรฟ์กอล์ฟในสนามสุดท้าทายอย่าง Emirate Golf Club รวมถึง Jumeirah Golf Estate ที่รายล้อมไปด้วยตึกสูง สุดยอดสถาปัตยกรรมนำสมัยของมหานครดูไบแล้ว

สมาชิกของทริปนี้ยังจะได้ทำกิจกรรมสุดพิเศษมากมาย ทั้งนั่งรถโฟร์วีลไปสัมผัสประสบการณ์สุดมันและประทับใจจนลืมไม่ลง พร้อมชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลทราย และช้อปปิ้งในตลาดที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมอาหรับ และห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่เต็มไปด้วยช้อปของแบรนด์เนมดัง รวมถึงสถานที่อันงดงามทางสถาปัตยกรรมอื่นๆ ที่เราได้แนะนำไป อาทิ Dubai Museum, Dubai Miracle Graden และ มัสยิดหลวง เชค ซายิดฯ เรียกได้ว่ามีแต่กิจกรรมน่าอิจฉาทั้งนั้นเลยทีเดียว

ใครที่ไม่อยากพลาดทริปสุดพิเศษและ exclusive จากโปรแกรม BMW The Ultimate JOY Experience ง่ายๆ ก็แค่เพียงคุณเป็นเจ้าของรถยนต์ BMW รุ่นใดก็ได้ มือหนึ่งหรือมือสองก็ได้ แล้วไปลงทะเบียนเป็นสมาชิกฟรี! ที่ www.bmwultimatejoy.com/th/ จากนั้นก็เตรียมรับสุดยอดประสบการณ์ ส่วนลด และกิจกรรมพิเศษ ที่ทาง BMW พร้อมเอามามอบให้คุณอีกเพียบแน่นอน

#TheUltimateJOYExperience #BMWultimateJOY #BMWprivilege