เมื่อต้นอาทิตย์นี้เรามีโอกาสได้เข้าร่วมงานแถลงข่าวของ Diageo Moet Hennessy (Thailand) เครือยักษ์ใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังการนำเข้าแบรนด์เครื่องดื่มชั้นนำของโลกมากมาย พวกเขากำลังจะมีโปรเจคต์ใหญ่ที่จัดเป็นประจำทุกๆปีชื่อว่า “Diageo Worldclass” การเฟ้นหาสุดยอดบาร์เทนเดอร์ระดับโลก งานใหญ่ประจำวงการเครื่องดื่มที่หลายคนพูดถึง และท่ีสำคัญคือดิอาจิโอเมืองไทย ได้เปิดโอกาสให้บาร์เทนเดอร์ชาวไทยสามารถเข้าร่วมการแข่งขันด้วยเช่นกัน!

เริ่มต้นจัดครั้งแรกในปี 2009 ที่สหราชอาณาจักร โครงการ Diageo Worldclass มีบาร์เทนเดอร์มืออาชีพจากทั่วโลกเข้าร่วมการแข่งขันปีละไม่ต่ำกว่า 15,000 ชีวิต (ครอบคลุมมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก) ฉะนั้นการจะก้าวไปเป็นสุดยอดของเวทีนี้ได้ถือว่าเป็นความยากระดับโลก นับแต่นั้นมาทำให้ชื่อ Diageo Worldclass ถือเป็นหลักประกันชั้นเยี่ยมในวงการเครื่องดื่มและบาร์เทนเดอร์ โดยหากเปรียบเทียบง่ายๆ ถ้าในวงการอาหารหรือสายอาชีพเชฟมี Michellin’s Star เป็นเป้าหมายสำคัญ ในวัฒนธรรมการดื่มก็ต้องมี  Worldclass นี่ล่ะเป็นเครื่องหมายการค้าช่วยการันตีฝีมือของบาร์เทนเดอร์ได้อย่างดี ทางด้านของคุณเจนณรงค์ ภูมิจิตร ซีเนียร์แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ ดิอาจิโอ รีเสิร์ฟ กล่าวว่า “โครงการเวิล์ดคลาส คือการรับรู้และเฉลิมฉลองให้กับฝีมือและความสามารถของบาร์เทนเดอร์ทั่วโลก ผู้ที่ได้รับการรับรองจากโครงการนี้ เปรียบได้ว่าเป็นผู้ที่มีระดับ มีความเชี่ยวชาญ มีการบริการที่สมบูรณ์แบบและสร้างสรรค์ เป็นตัวจริงในการผสมเครื่องดื่มค็อกเทล”

ทั้งนี้ถือเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างยิ่ง ที่ทางเครือ Diageo ในประเทศไทย มองเห็นความสำคัญตรงนี้และตัดสินใจนำเอาโครงการดีๆอย่าง Diageo Worldclass เข้ามาให้บาร์เทนเดอร์ในไทยมีโอกาสร่วมแข่งขันด้วยเป็นปีที่ 5 แล้ว ซึ่งภายในงานนี้เราก็มีโอกาสได้ชิมฝีมือการทำเครื่องดื่มของสองเวิล์ดคลาสบาร์เทนเดอร์ เจ้าของตำแหน่งสุดยอดบาร์เทนเดอร์ประเทศไทย ทั้งปี 2012 คุณศุกวิชญ์ มุฑารัตร์ และปีล่าสุด 2014 คุณรณภร คณิวิชาภรณ์ มาพร้อมกับ Cocktail สูตรพิเศษของพวกเขา พร้อมทั้งพูดคุยกับทางดิอาจิโอ ถึงสาระสำคัญในการจัดการแข่งขัน Diageo Worldclass ขึ้นในไทย นอกจากจะเป็นการสร้าง Value และแรงบันดาลใจใหม่ๆให้กับบาร์เทนเดอร์ที่มีฝีมืออยู่ในประเทศไทยได้อย่างล้นหลามแล้ว สิ่งที่ทาง Diageo กำลังทำอยู่เราถือว่าเป็นเรื่องที่แบรนด์เครื่องดื่มระดับพวกเขาให้ความสนใจได้อย่างถูกจุดเป็นที่สุด เพราะถ้าย้อนมองไปในช่วงไม่ถึง 5 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่า Culture การดื่มในบ้านเราได้เติบโตเร็วขึ้นอย่างมาก ในบาร์หรือร้านอาหารชั้นนำเริ่มมีการนำเสนอ Cocktail และเครื่องดื่มชื่อแปลกใหม่เพิ่มขึ้นมามากมาย นั่นแสดงให้เห็นถึงฝีมือและวิธีการคิดของบาร์เทนเดอร์ที่ถูกยกระดับขึ้นเช่นกัน จากที่จริงๆแล้วเสน่ห์ท่ีสำคัญของเราคือ เรามี Ingredient โลกตะวันออกที่น่าสนใจและยังไม่ถูกหยิบมาใช้มากมาย อีกทั้งด้วยธรรมชาติของเรายังมีการรับรสที่ครบเครื่องทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด หอม ทำให้วงการค็อกเทลยิ่งมีสีสันและเป็นที่น่าจับตามองในตลาดโลก ถ้าเมื่อวงการบาร์เทนเดอร์มีความคึกคักและก้าวหน้า ก็น่าจะทำให้ Scene การกินดื่มของบ้านเราในอนาคตนี้มีความน่าสนใจและน่าจับตามองอย่างมากด้วยเช่นกัน

สำหรับการสมัครเข้าแข่งขัน Diageo Worldclass 2015 ชื่อของบาร์เทนเดอร์ผู้เข้าร่วม จำเป็นต้องถูกนำเสนอผ่านโดยนามของโรงแรม บาร์​ และสถานที่สังสรรค์ต่างๆทั่วประเทศที่ละ 2 คน เริ่มแข่งรอบคัดเลือกครั้งแรกในวันที่ 21 มกราคมนี้ ณ โรงแรมเรดิสัน บลู พลาซ่า กรุงเทพมหานคร ส่วนครั้งที่ 2 คือที่ภาคใต้วันที่ 18 มีนาคม โดย 16 คนจากทั้งสองสนาม จะถูกนำมาคัดเลือกหา 4 ตัวแทนประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งทั้ง 4 คนนี้จะได้เข้าทำการ Workshop กับบาร์เทนเดอร์ Worldclass รุ่นพี่ ทั้งเทคนิคการชงค็อกเทล การใช้ประสาทสัมผัสทั้งรูป รส กลิ่น รวมถึงเสียง เพื่อตอบโจทย์การแข่งขันและการบริการที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงการ Grooming ดูแลตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าในฐานะบาร์เทนเดอร์ของ Worldclass แบบเต็มตัว เพราะต้องมั่นใจว่าบาร์เทนเดอร์ที่เป็นผลผลิตจากโครงการนี้จะสร้างชื่อเสียงระดับโลกเมื่อจบออกไป

บาร์เทนเดอร์มืออาชีพคนไหนที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Diageo Moet ประเทศไทย ส่วนสำหรับนักดื่มนักชิมท่านใดที่อ่านคอลัมน์นี้ ถึงแม้จะไม่ได้ฝึกชงค็อกเทลด้วย แต่ต่อไปนี้ก็รู้แล้วล่ะว่าถ้าร้านไหนมีเครื่องหมาย Diageo Worldclass ติดอยู่ รับประกันได้เลยว่าเครื่องดื่มในร้านต้องยอดเยี่ยมแน่นอน

Photographer: Pakkawat Tanghom