วิธีการในการสร้างสรรค์กาแฟแก้วกลมกล่อมด้วยมือผู้ดื่มเองนั้นกลายเป็นกระแสนิยมที่ใครหลายคนอยากมีโอกาสได้เริ่มต้นลองลงมือทำ เมื่อพื้นที่เล็กๆ ในบ้านกลายเป็นที่ฝึกฝีมือของบาริสต้ามือใหม่ ด้วยข้อดีในการสามารถควบคุมตัวแปรต่างๆ ได้ตลอดทั้งกระบวนการ ทั้งเรื่องของความละเอียดของเมล็ดกาแฟที่ถูกบด อุณหภูมิน้ำ จำนวนแก้วที่ชงในแต่ละครั้ง อีกทั้งวัสดุและอุปกรณ์ในปัจจุบันนี้ยังสามารถหาซื้อได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
การชงกาแฟแบบ Drip brewing หรือ Filtered Coffee เป็นวิธีการชงกาแฟแบบที่ได้รับความนิยมในบ้านเรามากขึ้น เห็นได้ชัดจากหลายร้านกาแฟมีการนำการชงแบบนี้มาเป็นจุดขาย เพราะเสน่ห์ของวิธีการชงที่ต้องใช้ฝีมือ ความประณีต การรู้จักละเลียดและเข้าใจความหมายของการรอคอยเพื่อให้มาซึ่งรสชาติที่ต้องการ ลองมาทำความเข้าใจง่ายๆ เกี่ยวกับกาแฟดริป กาแฟดริปคือกาแฟที่ชงด้วยเทน้ำร้อนในอุณหภูมิที่ประมาณ 90 องศาเซลเซียส ผ่านเมล็ดกาแฟที่ผ่านการบดที่ถูกบรรจุอยู่ในฟิลเตอร์ แล้วค่อยๆ เทน้ำให้ไหลผ่านกาแฟที่บดแล้วในลักษณะเป็นวงก้นหอย ปล่อยให้น้ำกาแฟค่อยๆ หยดผ่านลงสู่ภาชนะที่รองรับอยู่ด้านล่าง ง่ายๆ เพียงเท่านี้ภายในระยะเวลาที่ไม่กี่นาที ก็จะได้มาซึ่งกาแฟดริปหอมกรุ่น และรสชาติของความเข้มข้นที่ถูกใจ
สำหรับการเลือกเครื่องชงกาแฟแบบดริปนั้น เริ่มต้นจากการลองสำรวจความต้องการส่วนตัวของผู้ชงกาแฟกันก่อน เริ่มจากเรื่องพื้นฐานอย่างเมล็ดกาแฟ ลองดูว่าเราเป็นคนชอบที่จะเลือกเมล็ดกาแฟมาบดด้วยตัวเอง เพราะสามารถกำหนดความหยาบ-ละเอียดของเมล็ดกาแฟได้ หรือว่าเราต้องการความสะดวกสบาย เมล็ดกาแฟแบบบดสำเร็จก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เสียหาย เพียงต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับเครื่องชงกาแฟดริปที่เลือกใช้ อีกคำถามสำคัญคือ จำนวนแก้วที่ชงในแต่ละครั้ง ถ้าหากชงสำหรับดื่มเองเพียง 1 แก้วต่อการชง 1 ครั้ง ลองเลือกวิธีการชงผ่าน “Cone Filter Holders” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ สีสัน และวัสดุ ลองมาดูตัวอย่างจากยี่ห้อยอดนิยมอย่างเช่น BeeHouse ถ้วยกรองที่ผลิตขึ้นจากเซรามิกมาพร้อมกับด้ามจับอันเป็นเอกลักษณ์ ด้านล่างเป็นรู 2 รู ทำหน้าที่ค่อยๆ ให้กาแฟหยดไหลผ่านในจังหวะที่ช้า ส่งผลให้กาแฟดริปที่ชงจาก BeeHouse นั้นมีรสชาติที่ละมุนและให้ความหวานที่มากกว่า หรือ V60 ที่มาพร้อมกับลวดลายก้นหอยภายในแก้วทำหน้าที่คอยยึดฟิลเตอร์สำหรับการชงแต่ละครั้ง ผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลายทั้งเซรามิก พลาสติก แก้ว และก้นหอยนี่เองที่เป็นเหมือนแนวทางบังคับให้กาแฟค่อยๆ ไหลลงผ่านรูขนาดใหญ่ด้านล่าง ผู้ชงจึงต้องใช้เวลาราวๆ 10-20 วินาทีในการค่อยๆ เทน้ำวนเป็นก้นหอยในจังหวะที่กาแฟพองตัวขึ้นก็จะต้องหยุดรอ และค่อยๆ เริ่มเทน้ำใหม่อีกครั้ง จนได้ผลลัพธ์เป็นกาแฟดริปที่พึงพอใจ
หรือถ้าหากต้องการชงต่อครั้งแบบทีละหลายๆ แก้ว ตัวเลือกเครื่องชงกาแฟดริปแบบอิเล็กทรอนิกส์คือคำตอบที่ดี เครื่องชงกาแฟดริปประเภทนี้ก็มีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบเรียบง่ายต่อการชง 1-2 แก้ว หรือแบบเครื่องชงต่อ 6-10 แก้วที่มาพร้อมกาต้มกาแฟ (Carafe) ขนาดใหญ่ เครื่องชงประเภทนี้ได้เปรียบตรงที่สามารถกำหนดอัตราส่วนระหว่างน้ำและกาแฟ ควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ ไปจนถึงระบุระดับความละเอียดของการบดเมล็ดกาแฟได้ เครื่องชงกาแฟแบบอิเล็กทรอนิกส์นี้ง่ายดายต่อการจัดเก็บและการทำความสะอาด แต่อาจไม่สามารถมอบความสุนทรียะในการชงกาแฟได้มากเท่ากับการชงแบบแก้วต่อแก้ว
สิ่งที่ทำให้กาแฟดริปนั้นแตกต่างจากการชงกาแฟประเภทอื่นๆ ก็คือ “ฟิลเตอร์ (filter)” ลองมาดูความแตกต่างของฟิลเตอร์ประเภทต่างๆ เพื่อการใช้งานที่ถูกต้อง แบบแรกคือ ฟิลเตอร์แบบกระดาษ เป็นประเภทฟิลเตอร์แบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง มีคุณสมบัติในการซึมซับเอาน้ำมันที่ได้จากเมล็ดกาแฟ ช่วยลดความเสี่ยงเรื่องคอสเรสเตอรอลที่เพิ่มสูงขึ้นได้ ฟิลเตอร์ประเภทนี้ไม่เป็นภาระเรื่องทำความสะอาด เพียงแค่นำทิ้งลงถังขยะแล้วปล่อยให้ย่อยสลายตามธรรมชาติ ไม่เหลือแบคทีเรียตกค้างในแก้วสำหรับการชงกาแฟครั้งต่อๆ ไป ประเภทต่อมาคือ ฟิลเตอร์แบบถาวร ข้อดีคือสามารถนำมาล้างทำความสะอาดและใช้ซ้ำได้ ผลิตขึ้นจากวัสดุอย่างโลหะหรือไนลอนสานเป็นตาข่าย การผลิตจากวัสดุที่แตกต่างกันนั้นส่งผลให้ราคาแตกต่างกันตามไปด้วยเช่นกัน ฟิลเตอร์แบบถาวรมีอายุการใช้งานอย่างยาวนานอยู่ที่ประมาณหนึ่งปี กาแฟที่ผ่านฟิลเตอร์ประเภทนี้จะให้รสชาติที่เข้มข้นมากกว่าฟิลเตอร์ประเภทกระดาษ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าด้วยอายุการใช้งานที่ทนทานกว่าประเภทอื่นๆ และสุดท้ายคือ ฟิลเตอร์แบบผ้า ฟิลเตอร์ที่ผลิตขึ้นจากเส้นใยอย่างคอตตอนหรือใยกัญชง มีขนาดใหญ่กว่าฟิลเตอร์แบบกระดาษแต่เล็กกว่าฟิลเตอร์แบบถาวร เหมาะสมกับเมล็ดกาแฟแบบบดละเอียดมากๆ สามารถนำทำความสะอาดได้ด้วยการนำมาซัก อายุการใช้งานอยู่ที่ 3-6 เดือนเท่านั้น
กาแฟแบบดริปเป็นเพียงหนึ่งในวิธีการชงกาแฟที่หลากหลาย แต่ด้วยเอกลักษณ์อันแตกต่างและกระบวนการที่ดึงดูดใจให้คนรักกาแฟหลายคนเริ่มเทใจให้ เพราะความสุขของคนรักกาแฟที่นอกเหนือจากการดื่มด่ำกับกลิ่นหอมและรสชาติแล้ว การได้ลงมือ “ชง” ด้วยตัวเอง ก็เป็นความสุขเล็กๆ ที่น่าปรารถนาเช่นกัน
writer: Kamolkarn K.
RECOMMENDED CONTENT
Jackson Wang ร่วมงานกับดูโอ้ดีเจเพลงอิเล็กทรอนิกส์ชาวสวีเดนระดับโลก Galantis ส่งซิงเกิลใหม่ “Pretty Please” ในสไตล์ Pop Dance พร้อมมิวสิกวิดีโอที่มาในบรรยากาศแบบหนังจีนฮ่องกงคลาสสิกที่แจ็คสันได้ลงนั่งกำกับ เขียนบท และตัดต่อเองด้วยตัวเขาเอง