“เราท่องทั่วแผ่นดินไทย เพื่อค้นหาสรรพรสและกลิ่นอารยะไทยที่น่าหลงใหล ตราบทุกยุคทุกสมัย ณ Eathai เราเชิญชิมความเป็นไทย”
เชื่อว่าถึงตอนนี้ หลายคนคงจะทราบกันดีถึงห้างเปิดใหม่สุดหรูในย่านเพลินจิตอย่าง “Central Embassy” ห้างสรรพสินค้าระดับ “Super Luxury Iconic Retail” ที่ได้รวมร้านแบรนด์เนมระดับโลกเอาไว้มากมาย เรียกได้ว่ามากที่สุดในประเทศไทย กับสโลแกน “Landmark แห่งเอเชีย” ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2014 ที่ผ่านมา สำหรับใครที่ยังไม่เคยได้ไปเยือนห้างแห่งนี้ เพราะรู้สึกไม่ค่อยกล้าเข้าไปเดินในห้างที่มีแต่ความหรูหรา หรือรู้สึกว่าห้างหรูขนาดนี้ ฉันจะไปเดินซื้ออะไรได้ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม วันนี้เราขอมาบอกให้คุณทราบว่า อย่างน้อยถ้าคุณได้มาที่ Central Embassy คุณจะได้มาเอ็นจอยอาหารการกินอย่างแน่นอน เพราะ ณ ห้างสุดหรูแห่งนี้ เขามีฟู๊ดคอร์ทอย่างดีเตรียมต้อนรับคุณอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เราขอแนะนำคุณให้รู้จักกับ “Eathai”ฟู๊ดคอร์ทที่เรียกตัวเองว่าเป็นสถานที่ที่นำเสนออาหารไทยที่ดีที่สุดและครอบคลุมมากที่สุดในโลก!
“Eathai” ตั้งอยู่บนชั้น LG ของห้าง Central Embassy โดยมีพื้นที่กว้างถึง 5,000 ตารางเมตร เป็นฟู๊ดคอร์ทที่รวบรวมร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงในประเทศมาไว้ในที่เดียวกัน โดยแบ่งออกเป็นสองโซน คือ “ครัวสี่ภาค” และ “สตรีทฟู๊ด” ที่นี่จะมีทางเข้า/ออกอยู่สองช่องด้วยกันตรงบริเวณใกล้ๆกับโซนสตรีทฟู๊ดและโซนตรงกลางใกล้กับครัวสี่ภาค การตกแต่งของที่นี่จะเป็นในสไตล์ของไทยโมเดิร์น (Thai Modern) หรือไทยประยุกต์ มีบริเวณเดินกว้างขวาง ส่วนโซนที่นั่งก็มีหลายมุมให้เลือกแล้วแต่ใจชอบ จะนั่งแถวโซนสตรีทฟู๊ด แถวบริเวณยกระดับตรงกลาง หรือจะแถวด้านหลังที่เป็นกำแพงครกเรียงกันเป็นแถวอย่างเก๋ไก๋ ที่เขาว่ากันว่าเป็นโซนฮิตสำหรับถ่ายรูปก็ได้ ส่วนระบบการจ่ายเงินของที่นี่ ได้ใช้ระบบแบบ e-coupon รับบัตรแทนเงินสดเพื่อซื้ออาหาร และชำระเงินที่ cashier ตอนสุดท้ายที่ทางออก
คราวนี้มาพูดถึงเรื่องอาหารกันเลยดีกว่า สำหรับ “ครัวสี่ภาค” นั้น โซนนี้จะรวบรวมร้านอาหารอันเลิศรสที่ขึ้นชื่อในเรื่องอาหารของแต่ละสี่ภาคของไทยเอาไว้ด้วยกัน โดยแบ่งออกเป็น ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง และภาคเหนือ รับรองว่าคุณอยากทานอาหารจานไหนเป็นพิเศษที่นี่มีพร้อมเสิร์ฟแน่นอน ขอประเดิมด้วยภาคกลาง กับ “ข้าวผัดน้ำพริกกุ้งเสียบ” (ราคาประมาณ 150-160 บาท) จากร้าน “White Café” ร้านอาหารไทยชื่อดังแถวทองหล่อ ที่ขอนำเสนอเมนูข้าวผัดน้ำพริกแบบไทยๆรสชาติเข้มข้น ต่อด้วย “ข้าวผัดต้มยำทะเล” จากร้าน “ครัวสุพรรณิการ์” อีกหนึ่งร้านอาหารไทยชื่อดังแถวย่านทองหล่อเช่นกัน และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ “ขนมจีนน้ำยาปูแม่ติ๋ม” (185 บาท) จากร้าน “ขนมจีนแม่ติ๋ม” ที่รสชาติเข้มข้นอร่อยเกินคาด เนื้อเป็นเนื้อ แถมยังได้ผักเครื่องเคียงแบบไม่อั้นและไข่ต้มผ่าครึ่งมาอีกลูกเบ่อเร่อ ต่อมาก็เป็นของทางภาคอีสาน กับร้าน “ไก่ย่างโคราช” ที่คนไทยทุกคนต้องรู้จัก ซึ่งทางร้านขอนำเสนอ “ผัดหมี่กระเฉด” และ “ส้มตำปูปลาร้า” เรื่องรสชาตินั้นหายห่วง เข้มข้นจัดจ้านถูกใจตามแบบฉบับร้านไก่ย่างโคราช และอีกร้านจากทางอีสานตอนเหนืออย่าง “Le Dalat Deli” ที่ได้นำเสนอ “ไก่ย่างข้าวเหนียวทอด” มาให้ลองชิมอักด้วย ซึ่งตัวไก่ย่างนั้นเป็นแบบเสียบไม้ รสชาติอร่อยไม่แพ้ไก่ย่างบ้านเราเลย ส่วนของภาคเหนือนั้น ก็มี “ข้าวซอยไก่” (110 บาท) จากร้าน “K Cuisine” และ “Sizzled Soft Tofu with Black and White Sesame” หรือ เต้าหู้คลุกงาราดน้ำสลัด จากร้าน “คุณเชิญ” ร้านอาหารมังสวิรัติชื่อดังแถวเอกมัยที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ และภาคสุดท้ายกับภาคใต้ กับจาน “หอยเชลผัดพริกเผา” จากร้าน “แหลมเจริญซีฟู๊ด” ร้านอาหารทะเลระดับต้นๆของประเทศ “หมูผัดกะปิ” จากร้าน “บ้านไอซ์” ร้านอาหารใต้ชื่อดังในซอยทองหล่อ ที่รสชาติเข้มข้นสมกับเป็นเมนูแบบปักต์ใต้แท้ๆ และสุดท้าย กับร้าน “เอี้ยวฮั้วสุกี้โบราณ” ร้านสุกี้เก่าแก่เจ้าแรกในประเทศไทย เปิดเมื่อปี 1955 กับจาน “สุกี้โบราณหม้อหิน” ที่เสิร์ฟแบบร้อนๆ ควันลอยฉุย เห็นแล้วคุณจะต้องน้ำลายไหล ในหม้อมีทั้งหมูห่อสาหร่าย เกี๊ยวกุ้ง เนื้อหมู ลูกชิ้นปลา ลูกชิ้นกุ้ง และกุ้งสด พร้อมน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้บดรวมกับพริกสดและหอมชนิดต่างๆ เรียกได้ว่าทานแล้วไม่มีผิดหวัง!
คราวนี้ก็มาถึงคิวของโซนสตรีทฟู๊ดกันบ้าง โซนนี้ก็ได้รวบรวมร้านอาหารแนวสตรีทฟู๊ดและเครื่องดื่มชื่อดังเอาไว้มากมายไม่แพ้โซนครัวสี่ภาค ไม่ว่าจะเป็นร้านขายหมูสะเต๊ะ (ไม้ละ 10 บาท) ร้าน “หมูปิ้งนายอ้วน” (ไม้ละ 20 บาท) ร้านหอยทอดซีฟู๊ด (ราคา 100-120 บาท) ร้าน “เป็ดย่าง หมูแดง แสนยอด” ร้าน “เย็นตาโฟ นายอ้วนเสาชิงช้า” ร้าน “ข้าวมันไก่ประตูน้ำ” ร้าน “โรตีอลาดิน” ร้าน “ชาชักอลาดิน” และอีกมากมายสารพัดจะกิน ยัง…ยังไม่หมด พวกผลไม้ ขนมหวานก็มี อย่างพวก มันเชื่อม ชุดทองหยิบ ฝอยทอง (100 บาท) ชุดข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวทุเรียน (95 บาท สำหรับขนาดกลาง และ 130 บาทสำหรับขนาดใหญ่) ร้าน “ลอดช่องวัดเจษ” ร้าน”ขนมเบื้องคุณดาว” ร้าน”ขนมครกแม่ศรีเรือน” และยังมีโซนครื่องดื่มน้ำสมุนไพรไทยขายอีกด้วย อย่างเช่นน้ำใบเตย น้ำอัญชัน (35 บาท) และน้ำแอปเปิ้ลโมจิโต้ (120 บาท)
ทานอาหารจนอิ่มแปล้เสร็จแล้ว ก็อย่าลืมแวะเข้าไปชมโซน “ตลาด Eathai” ติดๆกับโซนสตรีทฟู๊ด ซึ่งโซนนี้อันที่จริงก็เป็นเหมือนโซนซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดย่อม ข้างในจะมีขนมแห้ง ผลไม้ไทย และผลิตภัณฑ์คุณภาพชั้นดีมากมายให้คุณได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน หรือจะซื้อเป็นของฝากก็ยังได้
โดยรวมแล้ว ถึงแม้ราคาอาหารใน Eathai อาจจะสูงไปสักนิด แต่มันก็ถือว่าคุ้มกับรสชาติและคุณภาพของอาหารที่นี่ ที่อร่อยและให้ในปริมาณแบบสมราคา ซึ่งตอนนี้ฟู๊ดคอร์ทที่นี่ก็กำลังเป็นที่สนใจของชาวกรุงเทพฯอย่างมาก บอกไว้ก่อนว่าถ้าจะมากินอาหารที่นี้ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ คนจะแน่นมาก มีสิทธิต้องยืนรออยู่สักพัก เพราะอาจไม่มีโต๊ะนั่งได้ง่ายๆ แต่ถ้าเป็นช่วงวันธรรมดา บรรยากาศจะเงียบสงบหน่อย เพราะคนไม่เยอะเท่า เห็นไหมว่าห้างระดับหรูอย่าง Central Embassy ก็ไม่ได้มีแต่ร้านแบรนด์เนมไฮโซเท่านั้น ร้านอาหารอร่อยๆที่นี่ก็มีให้บริการไม่แพ้ห้างอื่นๆเหมือนกัน ถ้าไม่อยากเอ้าท์ วันไหนว่างๆมาลองทานอาหารที่ Eathai ดู รับรองว่าคุณจะต้องติดใจ จนต้องกลับมาอุดหนุนอีก
ตั้งอยู่ที่: ชั้น LG ห้าง Central Embassy (BTS เพลินจิต)
เวลา: 10.00 น. – 22.00 น.
Website: http://www.centralembassy.com/
Facebook: https://www.facebook.com/centralembassy
Writer: Thip S. Selley
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
“Gimme Love” ซิงเกิลใหม่จาก Joji ต่อจากซิงเกิล “Run” ที่ปล่อยออกมาให้ฟังไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และ “Sanctuary” ที่โกยยอดขายไปแล้ว RIAA Gold เมื่อกลางปี 2019 โดยทั้งสามซิงเกิลนี้เป็นการเปิดตัวอัลบั้มใหม่ชุดที่สอง