“ตัวเอกของเรื่อง ต้องวนกับเหตุการณ์เดิมๆในชีวิตทุกวันซ้ำแล้วซ้ำเล่า” ได้ยินพล็อตเรื่องแบบนี้แล้วคล้ายๆกับ Groundhog Day (1993) ของ Bill Murray ไหม? เราเชื่อว่าถึงทุกวันนี้หลายคนคงเคยดูหนังที่มีเรื่องของการย้อนเวลาเกิดขึ้นกันมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองถึงสามเรื่องแน่ๆ กับหนังที่เรากำลังจะพูดถึงกันในวันนี้เช่นกัน “Edge Of Tomorrow” เป็นการจับเอาสามธีมหลัก “การย้อนเวลา” “เทคโนโลยีไฮเทค” “สงคราม” มารวมกันไว้ในหนังเรื่องเดียว!
นำแสดงโดย Tom Cruise (หลังๆมาเล่นแต่หนัง Sci-Fi โลกอนาคตตลอดเลย) คราวนี้รับบทเป็น William Cage หนุ่มทำงานสายโฆษณาที่วันดีคืนดีถูกโยนไปสู้ในสงครามล้างโลกครั้งใหญ่ แล้วก็แน่นอนว่าเขาตายทันที แต่ไม่ได้ตายแล้วหนังจบปกติเหมือนคนธรรมดาทั่วไป Cage ตื่นขึ้นมาในวันก่อนออกรบอีกครั้ง เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตายแล้วเกิดใหม่เรื่อยๆทำให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นในทุกๆครั้ง จนได้พบกับ Rita Vrataski (รับบทโดย Emily Blunt) ทหารสาวผู้เก่งกาจในฝีมือการรบ ช่วยหาทางออกให้กับสงครามครั้งนี้ (ครั้งแล้วครั้งเล่า) ด้วยกัน หนังเรื่องนี้เท่าที่ดูใน Trailer ดูท่าจะไม่ใช่มนุษย์รบกัน แต่เป็นเอเลี่ยนที่ชื่อว่า “Mimics” ตั้งใจมาบุกโลกและสามารถอ่านความคิดลอกเลียนพฤติกรรม การวางแผนของมนุษย์ได้อย่างแยบยล หุ่นเหล็กที่เราเห็นกันในใบปิดหนังที่นักแสดงใส่ คืออุปกรณ์การรบที่ชื่อว่า “Jackets” ซึ่งสมรภูมสุดท้ายในการชี้ชะตาโลกใบนี้มีเพียง Cage และพลังในการย้อนเวลาเกิดใหม่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้
ผลงานของผู้กำกับ Doug Liman ผู้ทำหนังบู๊แอคชั่นและบางทีชอบผสมกลิ่น Sci-Fi วิทยาศาสตร์หน่อยๆออกมาตลอดเวลา อย่างเช่น The Bourne Identity (2002), Mr. and Mrs. Smith (2005), Jumper (2008) กับ Edge of Tomorrow ตอนนี้ใน Blockbuster ของอเมริกาถือว่าเป็นม้ามืดวิ่งแรงเรื่องหนึ่งของปี หลังจากที่ X-Men ภาคล่าสุดโกยรายได้ไปเมื่อช่วงสองสามอาทิตย์ที่แล้ว ดูท่าว่าคนยังอินกับแนวคิดเรื่องย้อนเวลาได้เสมอ หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “All You Need Is Kill” เป็นหนังที่คิดว่าคงถูกใจคอหนังแอคชั่นไอเดียดีๆไม่น่าเบื่อ ก่อนกลับบ้านถ้าฝนตกหนัก เข้าไปดูหนังกันในโรงรอฝนหยุดก็คงไม่เสียหาย หนังเข้าโรงฉายบ้านเราวันที่ 5 มิถุนายน 2557
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
ผลงานของ อาจารย์ Osamu Tezuka 'Astro Boy'