Onitsuka Tiger Tri Color Series คู่สีสุดอมตะที่ครองใจคนทั้งโลก หลังจากการก่อตั้งปี 1949 ในประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นการเกิดขึ้นของรองเท้าที่ครองใจคนทั้งโลก อย่าง Onitsuka Tiger Tri Color นั้นเป็นคู่สีสุดคลาสสิคทั้ง สีน้ำเงิน สีขาว และสีแดง ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธงชาติของประเทศฝรั่งเศส โดยใช้พื้นสีขาวในส่วนของ Upper และ Midsole ตัดกับตะเข็บ Onitsuka Tiger Stripes สีแดงและน้ำเงิน จนได้แพทเทิร์นสุด iconic ตลอดกาล
เมื่อเราทำความรู้จักคู่สีสุด iconic แล้ว ดู๊ดดอทจะพาไปดูกันเลยว่าเราเลือกรุ่นไหนมาแนะนำให้คุณกันบ้าง
GIGATIA
Onitsuka Tiger รุ่น GIGATIA การเอาแพทเทิร์นรองเท้าแนว chunky สมัยใหม่มาเป็นแรงบันดาลใจ DNA ของรองเท้านั้นยังใช้คู่สี Tri Color สุดคลาสสิค กับลาย Onitsuka Tiger Stripes ที่เป็นจิตวิญญาณของแบรนด์
พื้นรองเท้านั้นก็ใช้เทคโนโลยีมาแบบจัดเต็ม ส้นเท้านั้นมีพื้น fuzeGELTM ที่หนานุ่ม ส่วน inner sole นั้นก็ใส่พื้น OrthoLiteTM X-40 เทคโนโลยีรองรับแรงกระแทกและส่งกลับเป็นแรงส่งให้คุณได้รู้สึกกระฉับกระเฉงสนุกกับการใส่ในทุกๆ วัน แถมยังเป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบามากๆ อีกด้วย
GIGATIA มาด้วยหน้าตาสมัยนิยม เช่นเดียวกับตลาด High Street ที่ต่างก็ทำ Chunky Sneaker ออกมากันหลายแบรนด์ เหมาะกับทุกลุค ไม่ว่าจะเป็นวันหยุดหรือวันทำงาน งานออกแบบที่ตั้งใจให้บิดเบี้ยวนั้นทำให้ GIGATIA เป็นส่วนเติมให้ลุคของผู้สวมใส่ดูน่าสนใจ คุณอาจจะใส่กางเกงขายาวแบบ กึ่ง Formal และให้เจ้า GIGATIA นั้นเติมความสนุก หรือสาวๆ ก็สามารถจับคู่ GIGATIA กับชุดเดรสก็ได้เช่นกัน
Onitsuka Tiger GIGATIA ราคา 6,500 Baht บาท
MEXICO SERIES
รองเท้ารุ่น MEXICO เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในรุ่นที่เป็นหน้า เป็นตาของ Onitsuka Tiger เรียกได้ว่าเป็นการสร้าง DNA ที่เป็นตัวตนของแบรนด์ก่อนที่จะถูกนำเสนอในรุ่นย่อยถัดๆ ไป
MEXICO 66
MEXICO 66 กับรูปทรงเพียวบาง เป็นอมตะ ที่เข้ากับการใช้ชีวิตในเมืองได้เป็นอย่างดี รูปทรงที่เข้ากับทุกลุค ทำให้ MEXICO 66 ถูกใจใครหลายๆ คนไม่น้อย รวมถึงการใช้หนังที่คุณภาพสูงมาพร้อมกับ Onitsuka Tiger Stripes ที่นอกจากจะสร้างความคลาสสิคแล้วยังช่วยให้โครงสร้างของรองเท้าดียิ่งขึ้น
รองเท้า MEXICO 66 เรียกได้ว่าเป็นตัวแม่แบบของ MEXICO SERIES ซึ่งเป็นรองเท้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความคลาสสิคของรองเท้ากีฬาในช่วงปี 60’ โดยเปิดตัวรุ่นแรกชื่อ Onitsuka Tiger Limber ในปี 1960 ก่อนที่จะพัฒนาให้เป็น MEXICO 66 ให้ลงตัวและดียิ่งขึ้นในปี 1966
Onitsuka Tiger MEXICO 66 ราคา 4,500 บาท
MEXICO 66 SD M PF
MEXICO 66 SD PF
MEXICO 66 SD PF การเกิดมาของ MEXICO66®SD รุ่นแรกนั้นเป็นรุ่นฉลองความสำเร็จ 100ปีของ Kihachiro Onitsuka ผู้ก่อตั้ง Onitsuka Tiger โดยการทำงานต่อยอดจาก MEXICO 66 ด้วยทรงข้อสูง ตัวรองเท้าทำจากหนังคุณภาพพรีเมี่ยม คาดด้วย Onitsuka Tiger Stripes ที่ได้รับความนิยมมากจากแฟนๆ เพราะใส่กับอะไรก็เท่ไปหมดทุกลุค โดยเฉพาะคู่กับ Skinny Jeans โชว์ข้อสูงของรองเท้าวัสดุที่ทำจากหนังยังให้ความหรูหราได้กับผู้ใส่เป็นอย่างดี
แน่นอนมาพร้อมรุ่นข้อต่ำในโค้ทเนม MEXICO 66 SD PF พื้นรองเท้ายังใช้ เทคโนโลยี fuzeGEL (ส้นเท้า)และ OrthoLiteTMX40 (inner-sole) ที่เป็น Original ของ Onitsuka Tiger รับรองว่าใส่สบายใส่เดินได้ทั้งวันแน่นอน
Onitsuka Tiger MEXICO 66 SD M PF ราคา 6500 บาท
Onitsuka Tiger MEXICO 66 SD PF ราคา 5,900 บาท
MEXICO 66 SABOT
รองเท้าแบบสลิปออน “MEXICO 66 SABOT” ถูกเปลี่ยนเป็นสไตล์ Sabot แต่ยังคงรูปทรง และ iconic logo ไว้อย่างครบถ้วน โดยใช้วัสดุตาข่ายแบบสานห่างที่ส่วน Upper ช่วยให้ระบายอากาศได้ดีเป็นพิเศษสำหรับใช้ช่วงฤดูร้อน รองเท้ามีแผ่นรองพื้นรองเท้า ORTHOLITETM เพื่อให้คุณรู้สึกสบายสูงสุด
Onitsuka Tiger MEXICO 66 ราคา 4,500 บาท
MEXICO 66 SD MR
รุ่นนี้ทำมาเพื่อตอนโจทย์ความคลาสสิคของการเป็น Retro Shoes หรือกลิ่งอายของการย้อนยุค MEXICO 66 SD MR นั้นเป็นรุ่นย่อยภายใต้ MEXICO 66 โดยการใช้ Upper หนังสีเฟด เหมือนกับคุณได้ใช้รองเท้าจากยุค 60’s และยังใช้สีของ Onitsuka Tiger Stripes ที่ออกตุ่นๆ ลงไป 1 เบอร์ที่ทำให้ลุคของรองเท้าคู่นี้นั้นคลาสสิคสุดๆ
Onitsuka Tiger MEXICO 66 SD MR ราคา 5,900 บาท
SERRANO
SERRANO นั้นเป็นตัวแทนของยุคต่อมา กับแรงบันดาลใจจากรองเท้าผ้าใบส้นแหลม ที่เป็นที่นิยมในปี 1970 แผนหนังที่เย็บที่ส้นเท้าเป็นเหมือนกับแพทเทิร์นที่สร้างความกระชับให้กับรองเท้าได้เป็นอย่างดี หัวรองเท้านั้นถูกออกแบบมาให้เชิดขึ้นด้านบนเพื่อรองรับการเคลื่อนไหวดังรองเท้ากรีฑายุค 70’s นั้นเอง
Onitsuka Tiger SERRANO ราคา 3,500 บาท
สิ่งหนึ่งที่สำผัสได้คือ Onitsuka Tiger ยืนหยัดในสไตล์ตัวเองอย่างยาวนาน เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และความคลาสสิค ที่ไม่ว่ายุคไหน ก็ไม่เคยตกยุค ดูได้จากดีไซน์ที่ใช้มาอย่างยาวนานและทุกวันนี้ยังคงได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนแปลง
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์