ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมงาน “Exiled to Nowhere: Burma’s Rohingya” ผลงานของ Greg Constantine ช่างภาพชาวอเมริกันที่เล่าเรื่องราวความยากลำบากของ “โรฮิงยา” ชาวมุสลิมในประเทศพม่า ผ่านผลงานภาพถ่ายขาวดำอันทรงพลังและรูปแบบการจัดแสดงที่น่าสนใจ
หลังจากที่เดินดูงานโดยรอบ เราก็ไม่รอช้าที่จะคุยกับช่างภาพเจ้าของผลงาน (Greg จะนั่งอยู่ในงานเป็นประจำทุกวัน) เขาเล่าว่างานชุดนี้เริ่มทำตั้งแต่ปี 2006 (8 ปี) เป็นโปรเจคต์ที่ตั้งใจทำขึ้นเองไม่ได้รับมอบหมายจากหนังสือหรือนิตยสารใดๆทั้งนั้น ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุนจากองค์กรที่ดูแลเรื่องสิทธิมนุษยชนมากมาย หนึ่งในนั้นก็มีสถานทูตแคนาดาในประเทศไทยรวมอยู่ด้วย (Greg เป็น Canadian-American) งานชุดนี้เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ชุด Nowhere People ที่ซึ่ง Greg มีความสนใจถึงกลุ่มคนที่พลัดถิ่นฐานและไม่มีพื้นที่ให้ยืนในประเทศของตนเอง ภายใต้กรอบแนวความคิดนี้เขาทำผลงานออกมาตลอดเวลาเป็นภาพขาวดำ (แถมเกร็ดเล็กๆน้อยๆที่สอบถามจากเจ้าตัวคือเถ่ายด้วยฟิล์มขาวดำ Kodak Tri-X 400 ใช้กล้องสลับไปมาระหว่าง Nikon F100 กับ Leica M6) ที่แต่ละชุดต่างก็ได้รับรางวัลจากสถาบันต่างๆมากมาย จนมาถึงงานชุดล่าสุดที่นำมาจัดแสดงคือ “Exiled to Nowhere: Burma’s Rohingya” การถูกเนรเทศไปสู่ดินแดนอันไม่มีอยู่จริงของ “โรฮิงยา” ชาวมุสลิมในประเทศพม่าที่ทุกวันนี้ยังคงถูกกดขี่และขับไล่จนไม่เหลือพื้นที่แม้แต่จะยืนอยู่ในประเทศบ้านเกิดก็ตาม สาเหตุที่ Greg เลือกถ่ายทอดเรื่องราวของชาวโรฮิงยา เพราะตลอดเวลา 8 ปีที่เข้าไปสัมผัสความขัดแย้งนี้ด้วยตนเอง เขาเล่าว่า “มันน่าเศร้าและน่าหดหู่เมื่อคิดว่าคนเหล่านี้เหลือความหวังในการใช้ชีวิตแต่ละวันอยู่อย่างริบหรี่ พวกเขาได้ถูกลิดรอนสิทธิของตัวเองออกไปหมดอย่างย่อยยับ มันโหดร้ายเสียจนพวกเขาไม่สามารถมองเห็นว่าอนาคตของชีวิตตัวเองและพวกพ้องจะเป็นอย่างไรต่อไป และจนถึงทุกวันนี้มันยังมีปัญหาก่อตัวอยู่มากมาย ซึ่งผมเชื่อเลยว่ามันไม่มีทางจะจบลงง่ายๆในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน” ซึ่งเขาเน้นย้ำเลยว่านี่เป็นปัญหาใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น และองค์กรต่างๆภายในโลกที่ดูแลเรื่องนี้ควรให้ความสนใจอย่างจริงจัง
สิ่งหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับคนที่เข้ามาดูงานอย่างมากคือสเปซพื้นที่ในการจัดงานที่เป็น “ตึกร้าง” ฟังจากคนที่รับผิดชอบดูแลตึกเล่าว่า “ตึกนี้ไม่มีคนใช้งานเกือบ 15 ปี (หลังจากวิกฤติฟองสบู่แตก) มีคนแรกก็คือช่างภาพฝรั่งคนนี้ (Greg) เขาเข้ามาจัดการเรื่องปัดกวาดเก็บถูเองหมด” ซึ่งนอกจากทำความสะอาดแล้วยังรวมไปถึงการเดินสายไฟที่ใช้จัดแสดงผลงานอีกด้วย Greg ให้เหตุผลว่า ส่วนตัวเขาชอบความสวยงามที่มีในตึกร้างอยู่แล้ว ตลอดเวลาช่วงปีที่ผ่านมา (อาศัยอยู่ในไทย) เขาใช้เวลาเดินหาตึกร้างตามที่ต่างๆในกรุงเทพ จนได้มาเจอกับอาคารเก่าย่านสุรวงศ์แห่งนี้ และตัดสินใจใช้จัดแสดงผลงานชุดโรฮิงยาเพราะสถานะของชาวโรฮิงยาทุกวันนี้ก็ไม่ต่างอะไรกัน เป็นความสวยงามที่ถูกทอดทิ้งจากสังคมในพม่ารวมถึงสายตาของคนทั้งโลก ซึ่งหลังจากตระเวนจัดแสดงไปทั่วทั้งลอนดอน วอชิงตัน บรัซเซล และกำลังจะไปต่อกันที่โตเกียว น่าเสียดายว่าผลงานชุดนี้จะจัดแสดงอยู่ในกรุงเทพให้เราชมกันอีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์แล้ว (ตั้งแต่วันที่ 13 จบวันเสาร์ที่ 22 มีนาคม) ทั้งหมดเพียง 9 วัน เขาให้เหตุผลส่วนตัวว่า การจัดแสดงในเวลาอันสั้นมันก็มีข้อดีในแง่ความรู้สึกว่าผลงานจบและสมบูรณ์ในตัวของมันเอง ต่างจากการเลือดจัดแสดงระยะยาวที่เมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้ความหมายและความแข็งแรงในเนื้อหาของงานหลุดลอยไปไหนได้ง่าย
สุดท้ายนี้ Greg กล่าวว่างานชิ้นนี้คงไม่อาจเป็นเสียงพูดแทนความเจ็บปวดของชาวโรฮิงยาที่เกิดขึ้นได้ แต่เขาหวังว่าการนำมาจัดแสดงมันจะสามารถตั้งคำถามกลับไปหาคนที่มาดู และรับรู้ถึงความเป็นไปที่เกิดขึ้นในพม่าตอนนี้เท่านั้นก็เพียงพอ มันเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่า “ภาพถ่ายที่ดีควรจะเป็น” ตามแรงบันดาลใจที่เขาได้รับจากช่างภาพระดับโลกที่ตั้งใจทำผลงานและโปรเจคต์ชิ้นใดชิ้นหนึ่งเป็นเวลานานอย่างเช่น W. Eugene Smith (ผู้ซึ่งเป็นเหมือนฮีโร่ของ Greg เลยคนหนึ่ง) และอีกหลายคนเพียงเพราะเชื่อมั่นว่างานที่ทำอยู่เป็นงานที่ไม่ควรปล่อยผ่านและมองข้ามไป… ยอมรับว่าถ้าถามในมุมเราที่เป็นคนดูจากทั้งตัวผลงานและการจัดแสดงก็ค้นพบเลยว่าช่างภาพคนนี้ใส่ใจรายละเอียดต่องานที่เขารักและทำจริงๆ นับเป็นงานภาพถ่ายดีๆ ที่ใครไม่ได้ชมถือว่าพลาดโอกาสไปอย่างมาก (แต่เรามีรูปภายในงานมาฝากสำหรับคนที่ไม่มีเวลา) ช่างภาพหรือคนรักการถ่ายรูปคนไหนได้ยินแล้วก็อย่าลืมหาเวลาไปกันล่ะ สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรีแล้วเดินต่อมาถนนสุรวงศ์ได้เลย
นิทรรศการ Exiled to Nowhere: Burma’s Rohingya, Photography Exhibition by Greg Constantine
13 มีนาคม – 22 มีนาคม 2557 (เปิดนิทรรศการวันที่ 13 ตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ถึง 2 ทุ่มครึ่ง)
เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 11:00 น. ถึง 18:30 น.
จัดที่ตึกร้าง ตรงหัวมุมแยกตัดระหว่างถนนนราธิวาสและถนนสุรวงศ์
สามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS ลงสถานีช่องนนทรีแล้วเดินต่อเข้าไปได้
(ดูแผนที่ได้จาก http://goo.gl/maps/ySMQq)
Facebook: https://www.facebook.com/events/497081727070540/
เวปไซต์ของช่างภาพ www.exiledtonowhere.com www.nowherepeople.org
Writer: Pakkawat Tanghom
Photographer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
อาดิดาส เปิดตัวซีรีส์ภาพยนตร์ต้อนรับการแข่งขันยูโร 2020 (UEFA EURO 2020TM) เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก้แฟนบอล นักฟุตบอล และทุกคนได้มองเห็นถึงโลกแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมกับแสดงให้เห็นถึงสิ่งความแตกต่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้การแข่งขันและเราทุกคนแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น