Acne Studio, Paris
ในเมื่อการช้อปปิ้งเดี๋ยวนี้ง่ายแค่ปลายนิ้วแตะ แทบไม่ต้องก้าวเท้าออกจากบ้านเลยด้วยซ้ำ Boutique Shop ยุค 2017 เลยต้องโน้มน้าวให้เราอ้อยอิ่งอยู่นานๆ ด้วยการสื่อสารกับเราในทุกรายละเอียดตั้งแต่ประตูทางเข้า เสื้อตัวสวยต้องแขวนไว้ในจุดที่ใช่ รองเท้าที่วางโชว์ต้องทำให้มือสั่นอยากเสียเงิน เพลงที่เปิดต้องไม่ทำให้รู้สึกคุกคาม ยันน้ำหอมที่ใช้ต้องไม่แรงจนขมคอ ฯลฯ และสิ่งสำคัญที่แบรนด์ระดับไฮเอนต์ต่างๆ ของโลกกำลังแข่งกันก็คืองานสถาปัตกรรม การออกแบบภายใน (รวมถึงภายนอก) อันชาญฉลาดที่ต้องทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในมิวเซียมหรือเดินดูงานศิลปะดีๆ ในแกลเลอรี่ ซึ่งเราอยากใช้เวลาทั้งชาติอยู่ในนั้น!
__________
Simone Rocha / Wooster Street / New York
เราชอบความละมุนในช็อป Simone Rocha สาขานิวยอร์กนี้มาก มันเหมือนการโคจรมาเจอกันของร้านเสื้อผ้ากับงาน Art Gallery เบาๆ ซึ่งดีไซเนอร์อดีต Art Collector เจ้าของแบรนด์อย่าง Simone Rocha บรรจงใช้โทนสีครีม ดำ และสีชมพู มีดีเทลเล็กๆ อย่างลายดอกไม้บนขอบปูน ขับเน้นความรู้สึกอ่อนหวานของเพศหญิง เล่นกับเลเยอร์ของแผ่นอะครีลิกใส ความน่ารักในแบบเรียบง่ายของเก้าอี้ที่ถอดแบบมาจากศิลปะการพับกระดาษออริกามิของญี่ปุ่น แชนเดอเลียสีขาวเนื้อด้าน ย้อนแย้งกับความแข็งแกร่งของวัสดุอย่างกรงเหล็กดุดันที่ใช้เป็นดิสเพลย์สำหรับโชว์เสื้อผ้าในแต่ละคอลเล็กชั่น ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นช็อปที่ใช้โทนสีชมพูได้เก่งมาก ทั้งที่มีสีชมพูแซมอยู่น้อยมาก งงมั้ย?
Acne Studios / Brera District / Milan
ดูเผินๆ อาจคิดว่าอาคารแกรนิตสีเทาในเขต Brera ของเมืองมิลานแห่งนี้คือมิวเซียมอะไรสักอย่าง แต่จริงๆ แล้วมันคือบ้านใหม่ของแบรนด์สุดเก๋สัญชาติสวีเดน Acne Studios ที่ต้องการให้การออกแบบไปกันได้ดีกับสถาปัตยกรรมเก่าแก่ทั้งหลายบนจตุรัส Piazza del Carmine ทั้งตัวโบสถ์ Santa Maria จนถึงรูปปั้นอะไรต่างๆ นานา ถ้ามองแต่บานหน้าต่างทรงโค้ง ละก็ใช่ แต่พอมองงานอะลูมิเนียม งานเหล็ก งานเพดานสีชมพู และชั้นวางทำจากสเตนเลส ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของช็อป Acne ทั่วโลกมันก็จะดูย้อนแย้งๆ หน่อย แล้วพอดูโต๊ะหินแกรนิตตรงกลางร้านนั่นก็…เอ่อ มันก็ไปกันได้นะ แม้แต่ตัว Jonny Johansson ไดเร็กเตอร์ของแบรนด์เองยังบอกว่ามันช่างเหมือน ‘อนุสาวรีย์โบราณ’ เสียจริงๆ
Balenciaga / Rue St Honoré / Paris
เราเชื่อว่าคุณเคยได้ยินสไตล์ Industrial Loft บ้างละ แต่สิ่งนี้คือความ Beyond กว่านั้น ช็อปของ Balenciaga บนถนนแซงต์ ออนอเร่ ที่เพิ่งตกแต่งใหม่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้คือการเปลี่ยนนิยาม ‘สไตล์โรงงาน’ ให้เป็นโรงงานจริงๆ ทั้งผนังคอนกรีตงี้ โต๊ะอะลูมิเนียมที่อินสไปร์มาจากโต๊ะผ่าตัดงี้ (!!) เพดานก็บุด้วยฟอยด์อะลูมิเนียมงี้ ไหนจะเจ้าสายพานลำเลียงเหมือนที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมเป๊ะๆ ซึ่งก็เป็นซิกเนเจอร์เดียวกับ Headquarter ของ Balenciaga ในอิตาลีใช้ แม้แปลกและแหกคอก แต่ถ้าแพนกล้องไปยังดีไซเนอร์จอมขบถแห่ง Balenciaga นามว่า Demna Gvasalia ผู้พลิกโฉมวัฒนธรรม Pop Culture กับแบรนด์ Vetements แล้วนั้น… นี่น่ะ ยังน้อยไปค่ะซิส!
Dolce & Gabbana/ Aoyama/ Tokyo
อาโอยาม่า โตเกียว คือย่านช็อปปิ้งเงินสะพัดที่บรรดาแบรนด์รีเทลระดับโลกต้องมา! เช่นเดียวกับ Dolce & Gabbana งานอลังการดาวล้านดวงจากอินทีเรียดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศส Gwenael Nicolas ที่ได้รับบรีฟจาก Dolce & Gabbana เพียงแค่ว่า ‘เซอร์ไพรส์ผมหน่อยสิ!’ แล้วเขาก็เซอร์ไพรส์จริงๆ เสียด้วย พื้นที่ 550 ตารางเป็นช็อปที่ตีความคำว่า ‘หรูหรา’ อย่างชาญฉลาด ด้วยการเล่นกับความย้อนแย้งกันระหว่างความมืดกับความสว่าง แสงและเงา ผื้นผิวสีอ่อนกับสีเข้ม
ความฉลาดแรกคือการใช้แสงสว่างเฉพาะบางจุดที่ต้องการขับเน้น ด้วยไฟสปอร์ตไลต์กว่า 400 ตัวที่ซ่อนไว้ตามมุมต่างๆ ของเพดานและผนังโดยรอบ และใช้แท่นวางสินค้าสีดำด้าน ซึ่งพอสปอร์ตไลต์ส่องลงมากระทบก็จะสะท้อนกลับเป็นแสงสีขาวนวลๆ เหมือนเวลาที่แดดส่องลงมาผ่านช่องเพดานอย่างไรอย่างนั้น ทำให้ของที่วางอยู่โดดเด่นขึ้นมา และเมื่อคุณเดินไปลองรองเท้าตรงจุดอื่นแสงนี้ก็จะตามไปฉายอยู่ตรงหน้าด้วย (กรี๊ด!) ซึ่งไอเดียการใช้แสงแบบนี้อินสไปร์มาจากภูมิทัศน์และแสงแดดบนเกาะซิซิลี ต้นกำเนิดของแบรนด์อิตาลี Dolce & Gabbana นั่นเอง (กรี๊ดอีก!!)
และอีกหนึ่งไฮไลต์ที่เรียกความสนใจเราได้เป็นอย่างดี คือแสงบริเวณบันได เหมือนเเดดอ่อนๆ ยามเย็น พาเราไปสู่ห้องสีทองของแผนกเครื่องประดับ ซึ่งตัดกันกับความมืดของสีดำภายนอก
ไม่เพียงในร้านที่มลังเมลือง แต่ภายนอกก็เลอค่า ตัวตึกใช้หินอ่อน Carnico marble สีชาโคล โดยให้ช่อง Window Display ที่สูงจรดตัวตึกสว่างวาบด้วยหินอ่อนสีขาวอลาเบสกาโต้ (Arabescato marble) แล้วให้แสงส่องลงมาพอดิบพอดี ช่วยขับเน้นให้หุ่นโชว์ที่ยืนโพสต์อยู่ในนั้นดูเด่นขึ้นไปอีก ราวกับเปลวเทียนที่จุดขึ้นบนถนนมืดมิด
กราบใจมาก..กกก!
—
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นศิลปินที่กำลังมาแรงและเป็นที่พูดถึงมากที่สุดอีกหนึ่งคน สำหรับศิลปินเดี่ยว “Morvasu” หรือ “มอร์ - วสุพล เกรียงประภากิจ” นักร้องนำวงดนตรีอินดี้อย่าง “Ten To Twelve” สังกัดค่ายเพลง What The Duck ที่กลับมาทำผลงานเพลงในโปรเจ็กต์เดี่ยวเป็นของตัวเองครั้งแรก