จะไม่พูดถึง Cannes Lion 2017 การประกาศรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเวทีหนึ่งของโลกไม่ได้ ถ้า Cannes Film คือเสาหลักของวงการหนังนอกกระแส Cannes Lion เองก็เป็นเสาหลักของวงการโฆษณาและสื่อประชาสัมพันธ์เช่นกัน สำหรับปีนี้สิ่งสำคัญที่ Cannes Lion มองหาในแต่ละโฆษณาคือความสามารถของสื่อที่สามารถนำเสนอความหลากหลาย ปัญหา และความเป็นสากลที่คนทั้งโลกสามารถรับรู้ได้ตรงกัน
ในปีนี้ ‘Fearless Girl’ รูปปั้นทองแดงจาก McCann, New York ก็คว้ารางวัล Grand Prix ไปถึง 4 รางวัลใหญ่ในสาขา Glass Grand Prix, Outdoor Grand Prix, PR Grand Prix, The Titanium Grand Prix และ 14 สาขาย่อยทำให้เด็กสาวสุดสตรองคนนี้กลายเป็นชื่อที่ถูกพูดถึงที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
Fearless Girl สร้างความเซอร์ไพส์ด้วยการปรากฏตัวอย่างกระทันหันเผชิญหน้ากับรูปปั้นกระทิงสุด Iconic ของ Wall Street ในวันที่ 7 มีนาคมเพื่อเฉลิมฉลองให้กับ International Women’s Day แต่ก่อนหน้านี้ Fearless Girl ไม่ได้ถูกชื่นชมซักเท่าไหร่ ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญการตลาดของบริษัทที่ปรึกษาการเงินขนาดยักษ์อย่าง State Street Global Advisors และการถูกวิจารณ์อย่างหนักจาก Arturo Di Modica ว่า Fearless Girl เป็น ‘เกมการตลาด’ ที่ส่งผลเสียต่อผลงาน Changing Bull ของเขา
ซึ่ง Devika Bulchandani, MD ของ McCann New York ก็ได้พูดถึงประเด็นดังกล่าวว่ามันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ Arturo Di Modica จะพลาดโอกาสในการรับรู้ถึงผลงานและสารที่เกี่ยวกับเฟมินิสท์แบบร่วมสมัยในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง “อเมริกันเปลี่ยนไปแล้ว ในวันที่ผู้หญิงมีบทบาทต่อโลก Fearless Girl เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่เกิดขึ้นและจะเป็นส่วนสำคัญเกี่ยวกับความสำเร็จครั้งใหม่ของอเมริกาอีกด้วย”
“รูปปั้นกระทิงเป็นภาพแทนของการเติบโตทางเศษฐกิจมาโดยตลอด แต่ในวันที่เศรษฐกิฐเติบโตแบบก้าวกระโดด เมื่อเราเกิดการมีส่วนร่วมที่มากขึ้น มีความหลากหลายทางเพศเพิ่มขึ้น เรารู้สึกว่ามันคือการเชื่อมต่อและการขยายตัวของจุดยืนเกี่ยวกับ The can-do spirit of America”
Fearless Girl ไม่ได้เป็นเพียงสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำหรับส่งเสริมการตลาด แต่เธอจะกลายเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณแห่งอเมริกันชนในปัจจุบัน เป็นสัญญะของความเท่าเทียม ความกล้าหาญ และการต่อสู้ที่ทุกคนต่างเข้าใจไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี
more info : adweek.com / fortune.com / creativereview.co.uk
—
RECOMMENDED CONTENT
“People on Sunday” (2562) เป็นการตีความ บทสนทนาโต้ตอบ และสาส์นแสดงความนับถือต่อภาพยนตร์บุกเบิกจากประเทศเยอรมันเรื่อง “Menshen Am Sonntag” (2473) หรือ “ผู้คนในวันอาทิตย์” ผลงาน “People on Sunday” (2562) ได้นำภาพยนตร์ต้นฉบับดังกล่าวกลับมาตีความใหม่ผ่านบริบทที่แตกต่างจากเดิม ทั้งยุคสมัย ภูมิประเทศ ตลอดจนสภาพในการทำงาน