หลายคนอาจรู้จักและคุ้นเคยกับแบรนด์แฟชั่นหรูสัญชาติอิตาเลียนนามว่า ‘Fendi’ ซึ่งเริ่มต้นผลิตกระเป๋าและเฟอร์ฯชั้นดีมาตั้งแต่ปี 1925 โดยได้รับความนิยมอย่างมากไปทั่วโลกถึงการผลิตแบบแฮนด์เมดจากช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญและใส่ใจรายละเอียดในทุกขั้นตอน

จนเมื่อดีไซเนอร์รุ่นเดอะชาวฝรั่งเศสอย่าง คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ แห่ง Chanel มานั่งแท่นทำหน้าที่  ไดเร็กเตอร์ให้กับแบรนด์ สัญลักษณ์ Double F ก็ได้กลายมาเป็นไอคอนิกและตอกย้ำความหรูหราให้กับ House of Fendi

หัวใจสำคัญของแบรนด์ Fendi คือ “ดีไซน์” ที่มีเอกลักษณ์ สะท้อนถึงความประณีต ละเมียดละไมในการออกแบบชิ้นงานต่าง ๆ โดยมีเซเลบริตี้ที่เป็นแฟนคลับตัวจริงของ Fendi จำนวนมากทั่วโลก อาทิ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ,คาเรมอน ดีแอช ,เคิร์สเตน ดันสท์ ,ลู่ หาน ,เคนดัลล์ เจนเนอร์ หรือแม้กระทั่ง ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต

แรงบันดาลใจจากแบรนด์แฟชั่นหรูสู่การสร้างสรรค์เฟอร์นิเจอร์ในชื่อ Fendi Casa ซึ่งเริ่มก่อตั้งในปี ค.ศ. 1989 ต่อยอดความคิดที่ว่าต้องการจะ ‘แต่งตัวให้กับบ้าน’ เหมือนกับที่ Fendi ได้ออกแบบเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับสุดประณีตให้กับผู้หญิงและผู้ชาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นของ Fendi Casa ผสมผสานระหว่างแฟชั่นและดีไซน์อย่างลงตัว แถมยังไม่ลืม DNA หลักของแบรนด์นั่นก็คือความคลาสสิกและความร่วมสมัยไปพร้อมกัน โดยคัดสรรวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นผ้า,หนัง,ไม้ และหลายๆขั้นตอนของกระบวนการผลิตเป็นงานแฮนด์เมด เช่น การเดินตะเข็บ หรือ “Selleria” ที่สันของโซฟา และอาร์มแชม หรือบางชิ้นงานมีการปักหมุด เพื่อเพิ่มความหรูหรา รวมทั้งใช้สัญลักษณ์ FF และ Horse Print เพื่อเป็นตัวแทนของแบรนด์ Fendi Casa โดยทุกขั้นตอนต้องใช้ช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญและมากด้วยประสบการณ์เป็นคนทำทั้งสิ้น

วันนี้ Dooddot เลยขอแนะนำวิธีเปลี่ยนบ้านของคุณให้เรียบหรูคลาสสิกด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Fendi Casa

เริ่มจากการตกแต่งบริเวณ Outdoor ของบ้านให้หรูหราราวกับกำลังล่องเรือยอชร์ทอยู่ในริเวียร่า ด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่เบลนด์ความโมเดิร์นและคลาสสิกเข้าไว้ด้วยกัน โดยภายนอกควรเน้นการใช้สีขาวเพื่อให้ความรู้สึกสบายตา ที่สำคัญควรเติมความสบายในชั่วโมงพักผ่อนด้วยโซฟาหนานุ่มที่ทำจากวัสดุชั้นดีไม่กลัวแสงแดด

ส่วนภายในห้องรับแขกที่เป็นเหมือนหน้าตาของบ้านก็ต้องดูดีไม่แพ้กัน ลองใช้เฟอร์นิเจอร์สีโทนสว่างอย่าง สีทอง เงิน และสีเลื่อมมุกที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น วางโซฟาและอาร์มแชร์บุหนังจระเข้ที่มีคุณสมบัติคือความนุ่มสบาย ช่วยเพิ่มระดับความลักซ์ชัวรี่ให้กับห้องด้วยเฟอร์นุ่มๆ ในโทนสีอ่อนผลิตจากวัสดุคุณภาพและทุกชิ้นผลิตแบบงานฝีมือล้วนๆ จะยิ่งช่วยให้ห้องของคุณดูไม่โล่งเกินไป

ภายในห้องนอนยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งคุณเองก็สามารถเสกความเริ่ดหรูได้ง่ายๆ เช่นกัน คีย์สำคัญแค่ต้องแมทช์สีของเฟอร์นิเจอร์ให้เข้ากับสีของห้อง อย่างตู้ของ Fendi Casa ก็ตอบโจทย์นั้นได้ชัวร์ เพราะทำจากหนังคุณภาพเยี่ยม เพิ่มความรู้สึกอบอุ่นให้กับห้องด้วยพรมผ้าไหมเนื้อดีนุ่มนิ่ม เปลี่ยนห้องนอนแสนธรรมดาให้คุมโทนสีทองและสีเลื่อมมุกเรียบๆ แต่เรียบหรูดูแพงเวอร์ได้ทันที นอกจากจะตอบโจทย์ความลักซ์ชัวรี่โมเดิร์นและคลาสสสิกให้กับห้องหลักๆ ของคุณได้แล้ว เฟอร์นิเจอร์ของ Fendi Casa ยังสามารถนำไปใช้ตกแต่งห้องต่างๆ ภายในบ้านได้อีก

ทั้งนี้ สินค้าทุกชิ้นยังถูกผลิตขึ้นจากวัตถุดิบชั้นดี ไม่ว่าจะเป็นผ้า, หนัง, ไม้ หลาย ๆ ขั้นตอนเป็นงาน Hand Made เช่น การเดินตะเข็บ หรือ “Selleria” ที่สันของโซฟาและอาร์มแชร์ โดย Fendi Casa มีการพัฒนาการออกแบบและเทคนิคการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนค้นคว้าหาวัสดุใหม่ๆ มานำเสนออยู่เสมอ

ด้วยความพิถีพิถันในทุกขั้นตอน ทำให้เฟอร์นิเจอร์ Fendi Casa สามารถถ่ายทอดความหรูหราและลักซ์ซัวรี่ พร้อมกับบ่งบอกถึงไลฟ์สไตล์และรสนิยมของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Fendi Casa จะเป็นแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้น ๆ ของโลก

อีกทั้งประสบการณ์ที่ยาวนานของ Fendi Casa ที่ได้พัฒนาการออกแบบและเทคนิคการผลิตอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนค้นคว้าหาวัสดุใหม่ ๆ ด้วยการนำวัสดุอย่าง ผ้า, หนัง และไม้ มาผสมผสานกัน บวกกับเทคนิคการเดินตะเข็บ หรือที่เรียกว่า ‘Selleria’ ตรงสันของโซฟาและอาร์มแชร์ ซึ่งแสดงถึงความประณีตของงานออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างแท้จริง ทำให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเรียบง่ายในชีวิตประจำวันแต่ก็ไม่ลืมเติมเต็มรสนิยมหรูหราคลาสสิก

Fendi Casa ได้รับความนิยมอย่างมากในต่างประเทศ และเร็วๆ นี้เตรียมพบกับคอนโดมิเนียมสุดหรูแห่งแรกในประเทศไทย ที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จาก Fendi Casa ซึ่งผู้พัฒนาโครงการอย่าง บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำก้ด ได้ซุ่มคัดสรรและบรรจงเลือกใช้เฟอร์นนิเจอร์ของ Fendi Casa ในพื้นที่ส่วนกลางของโครงการ LAVIQ Sukhumvit 57 ซึ่งไม่แน่ว่า เมื่อโครงการนี้สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วอาจจะเป็นอีกหนึ่ง high-rise landmark ของกรุงเทพมหานครก็เป็นได้

สำหรับใครที่สนใจและอยากครอบครองเฟอร์นิเจอร์ระดับไฮเอนด์อย่าง Fendi Casa แบบนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม Fendi Casa ชั้น 3 สยามพารากอนและ www.dm-home.com