ตอนนี้มีเทรนด์หนึ่งที่ทั้งโลกกำลังกลับมาให้ความสนใจก็คือ “กล้องฟิล์ม” ใช่แล้ว ไม่ใช่แค่บ้านเรานะ วัยรุ่นต่างชาติเขาก็นิยมกล้องฟิล์มเหมือนกัน วัตถุที่คนรุ่นพ่อมองว่าโบราณแต่อยู่ดีๆก็เกิดปรากฏการณ์ที่คนรุ่นใหม่พากันย้อนไปเล่นกล้องเหล่านี้ เพราะสิ่งที่ได้กลับมาคืออารมณ์ความรู้สึกของภาพที่ยังไงก็ต่างกันกับ Digital สิ้นเชิง และที่สำคัญคือดีไซน์ของกล้องที่สวยงามดูได้ทุกยุคสมัย (แม้แต่กล้องดิจิตอลใหม่ๆเดี๋ยวนี้ เช่นค่าย Fuji หรือ Olympus เองยังหันกลับไปทำกล้องดีไซน์วินเทจ แบบกล้องฟิล์มกันเลย) วันนี้เพื่อให้ผู้อ่านของเราได้เล่นกล้องฟิล์มกันสนุกมือมากขึ้น เรามีคอลัมน์คัมภีร์การเลือกซื้อกล้องฟิล์มมาฝากกัน อยากรู้ว่ากล้องถูกใจของคุณคือรุ่นไหน ลงไปอ่านกันเลยดีกว่า
________________________________________________________________________________
ทำความรู้จักกับชนิดของกล้องที่อยากได้เสียก่อน
ถ้าใครเคยลองไปเดินดูตลาดกล้องฟิล์ม คงจะทราบกันดีว่า กล้องฟิล์มเองก็มีรุ่นเล็กรุ่นน้อย ยิบยับไม่แพ้ดิจิตอลสมัยนี้ เพราะฉะนั้นก่อนท่ีเราจะกระโดดไปเล่นกล้องฟิล์ม เราควรรู้ก่อนว่าใจเราอยากได้กล้องแบบไหนกันแน่ หลักๆก็จะแบ่งออกเป็นประมาณนี้
SLR (Single Lens Reflex Camera) ทรงที่พบเห็นกันจนคุ้นตา ทำงานด้วยระบบรับภาพกระจกสะท้อนภายในตัวกล้อง ทำให้ภาพที่เรามองใน Viewfinder จะเป็นภาพเดียวกันกับที่เลนส์กล้องมองเห็นอยู่แบบตรงเป๊ะ โฟกัสก็ผ่านตัวเลนส์กันเลย
Rangefinder กล้องฟิล์ม 35mm แบบต้นตำรับ ที่ภาพจากเลนส์จะวิ่งเข้าสู่ฟิล์มโดยตรง ส่วนการโฟกัสและมองภาพก็จะเป็นการมองต่างหากผ่านช่อง Viewfinder ต้องกะระยะเอาเวลาถ่าย ตัวอย่างที่ชัดๆของกล้องทรงนี้ก็มีพวก Leica M ที่เป็นที่นิยม
Half Frame กล้องฟิล์ม 35mm ที่จะทำให้ฟิล์ม 135 จำนวน 36 เฟรม ถ่ายได้ถึง 72 เฟรม กับการแบ่งครึ่งแต่ละเฟรมเป็น 2 เบิ้ลเข้าไป เหมาะสำหรับคนที่คิดจะประหยัดฟิล์ม แต่ส่วนใหญ๋กล้องแนวนี้จะเป็นแนวโลโม่ หรือกล้องทอย ถ้าเอาแบบที่ไว้ใจ สามารถใช้ทำงานได้ก็ถือว่าราคาแพงพอสมควร เช่น Olympus Pen F/FT เป็นต้น
Compact Camera กล้องเล็กขนาดพกพา ใช้ง่าย ระบบเป็น Auto หมด ที่สมัยก่อนพ่อชอบเรียกว่ากล้องป้อกแป้กกดถ่ายอย่างเดียว
Medium Format กล้องที่ใช้ฟิล์มขนาด 120 ม้วนนึงถ่ายได้ 12 รูป สำหรับคนที่เบื่อภาพเฟรมสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 2:3 ของ 135 แล้ว ก็ลองมาใช้ 120 บ้างก็ได้ ยังมีฟิล์มดีๆให้เลือกอยู่ทั้ง Kodak และ Fuji ไม่ต้องห่วง
Twin Lens Reflex หนึ่งในตระกูลกล้องใช้ฟิล์ม 120 แต่ที่เราแยกออกมาเป็นอีกกลุ่มก็เพราะรูปทรงที่แปลกออกมาชัดเจน Twin Lens เป็นการมองผ่าน Viewfinder จากด้านบน กล้องทรงสี่เหลี่ยมที่บางคนอาจจะเคยเห็นมาบ้างแล้วจากภาพของช่างภาพหญิง Vivian Maier ที่กำลังฮิตกันอยู่ตอนนี้ แบรนด์ดังๆก็มี Hasselblad, Rolleiflex, Yashica, Mamiya เป็นต้น
________________________________________________________________________________
1. ดูเงินในกระเป๋าให้เข้ากับราคากล้อง
จริงๆแล้วกล้องถ่ายรูป นอกจากความชื่นชอบอยากได้เป็นส่วนหนึ่ง อีกเรื่องที่ต้องคำนึงถึงไม่แพ้กันคงเป็นเรื่องของความพร้อมในการซื้อ เพราะกล้องฟิล์มก็มีเรตราคามากมายต่างกันออกไป ทั้งเรื่องคุณภาพเลนส์หรือการผลิต รวมถึงชื่อแบรนด์ต่างๆนาๆ ทั้งนี้เราลองจัดราคามาให้คร่าวๆ โดยคัดมาจากรุ่นดังๆที่เห็นกันตามตลาดแล้วว่าควรจะเล่นกล้องรุ่นไหนบ้าง
สำหรับคนที่มีงบไม่เกิน 10,000 บาท
ก่อนอื่นลองมองหากล้อง Compact คุณภาพเยี่ยมเล่นก่อนไหม ถึงแม้จะ Auto ให้เราหมด กดถ่ายอย่างเดียว แต่ถ้าเราฝึกจนคล่องมือมันก็เป็นกล้องที่ใช้ได้ดีเช่นกัน ที่แนะนำคือ Olympus XA/XA2, Pentax PC35 AF-M ราคาไม่น่าจะเกิน 3,000 บาทแน่นอน
ภายในงบใกล้เคียงคุณสามารถเลือกซื้อบรรดา Rangefinder รุ่นเล็กที่เป็นระบบ Auto บ้างแล้ว กล้องรุ่นประมาณนี้มักจะมีขายอยู่มากมายตามเพจกล้องเก่า เพราะรูปทรงที่สวยและขนาดที่เล็กพอดีๆพกพาได้ สามารถหาได้ในราคาไม่แพงเช่นกัน เช่น Olympus Trip 35, Yashica Electro 35 GSN, Canon Canonet QL17 GIII, Minolta Himatic F (กล้องที่พี่หมอกในฮอร์โมนใช้) จะอยู่ประมาณที่ 3,000 – 4,000 บาท
ส่วนสำหรับใครที่มีงบอยู่ในกระเป๋าเกิน 5,000 ก็ลองมองหา SLR รุ่นคลาสสิคมาตรฐาน Olympus OM1 ที่โด่งดังสุดในยุคฟิล์มรุ่งเรือง ที่เราขอแนะนำ OM1 เป็นพิเศษกับดีไซน์ที่ออกแบบได้ล้ำมากสมัยนั้น สามารถปรับชัตเตอร์สปีดจากด้านหน้าตรงฐานเลนส์ได้เลย ใช้ได้สะดวกมือมากๆ ส่วนตัวอื่นๆที่น่าสนใจก็เช่น Pentax K1000, Canon AE1 หรือถ้างบไม่ถึงก็ลองดู SLR รุ่นเล็กลงมาที่เป็นระบบกึ่งออโต้ พวก Nikon EM, Pentax ME Super ก็สามารถฝึกถ่ายได้ดี ราคาจะต่ำลงมาประมาณ 3,000 บาท
อีกรุ่นที่ยอดนิยมโคตรๆ คือ Nikon FM2 ที่ต้องแยกมาพูดถึงต่างหาก เพราะนี่คือกล้อง SLR คลาสสิค รุ่นสามัญประจำบ้านของหลายคน ในช่วงไม่ถึงห้าปีที่แล้ว FM2 ยังราคาใกล้เคียงกันกับรุ่นข้างบน แต่ตอนนี้เริ่มกระโดดห่างแล้ว เราเคยเจอบางคนขาย 7,000+ ก็มี ดีกรีที่จะการันตีคือ นี่คือกล้องคู่ใจตัวเก่าของ Steve McCurry ช่างภาพ NG ที่ใช้ FM2 นี่ล่ะถ่ายภาพ Afgan Girl ปกสุด Iconic ตลอดกาล
ก่อนจะปิดงบ มีกล้องที่เราอยากแนะนำคือ Rollei 35 /S /SE กล้อง Rangefinder มีขนาดจิ๋วกะทัดรัดเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่สามารถปรับเล่นได้เยอะเอาซะกล้องตัวใหญ่ตัวอื่นอายได้เลย เลนส์ก็ยอดเยี่ยมไม่ว่าจะตัว Made in Germany (ที่ราคาแพงกว่า) หรือตัว Made in Singapore ก็สุดยอดไม่แพ้กัน ราคาของ Rollei 35 ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ต้องลองเดินหาดูดีๆ แต่ก่อนอื่นขอเอาภาพจากหนัง Royal Tenenbaum ของ Wes Anderson ที่ตัวเอกถือ Rollei S มายั่วก่อน อิอิ
สำหรับคนที่มีงบ 10,000+ บาท
งบหมื่นบาทขึ้นไปกับกล้องฟิล์ม ค่อนข้างที่จะเลือกกล้องแปลกๆไม่ค่อยมีใครใช้กันได้แล้ว (มันเริ่มถือว่าแพงแล้วเหมือนกันนะสำหรับการซื้อกล้องฟิล์ม) เราแนะนำนี่เลย Konica Hexar AF กล้องออโต้โฟกัสคุณภาพคับเลนส์ ที่มีชัตเตอร์เงียบกริบ หลายคนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อกล้องรุ่นนี้เท่าไรนัก เพราะไม่ค่อยมีวางขายให้เห็น แต่ครั้งนึงเราเคยเห็นภาพของ Annie Liebowitz ช่างภาพแฟชั่นระดับโลกที่มีกล้องนี้คล้องคอ เท่านั้นล่ะ ก็อยากได้กล้องนี้ทันทีเลย!
Olympus PEN F/FT กล้องฟิล์มดีไซน์สวยระเบิด ที่เป็นที่หมายปองของใครหลายคน ทำงานแบบระบบ Half-Frame นี่คือกล้องที่เป็นตัวต้นแบบของ PEN ที่ฮิตกันทุกวันนี้ ความอัศจรรย์คือมันสามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ แล้วก็ระบบเยี่ยมมากๆ ถึงขนาด W.Eugene Smith ช่างภาพชั้นครูจากแก๊งค์ MAGNUM ยังเคยเป็นพรีเซนเตอร์ให้มาแล้ว (กลายเป็นกล้องโคตรหล่อเลย) ราคาอยู่แถวๆ 20,000 บาท อืม มันเป็นฮาฟเฟรมที่แพงมากจริงๆ
ถ้าเบื่อใช้ฟิล์ม 135 แล้วอยากเปลี่ยนไปใช้ 120 บ้าง ก็ลองดูพวกก Medium Format กล้องแบบเดียวกันกับที่ช่างภาพญี่ปุ่นถ่ายลูกสาวลูกชายเลือกใช้กันเช่น Pentax 6X7/6X7 II หรือ Maimya 645 ที่ราคาประมาณ 20,000+ บาท ก็น่าสนใจเช่นกัน ดูอย่างรูปประกอบที่แนบมา เนี่ย ใช้แล้วจะเป็นแบบนี้ล่ะ ญี่ปุ่นจริงๆ
อีกตัวเลือกของคนอยากใช้ฟิล์ม 120 ก็คงต้องเป็นพวกกล้อง TLR แบบที่ Vivian Maier ใช้ทั้ง Rolleiflex รุ่นต่างๆหรือจะเป็นแบรนด์อื่นเช่น Hasselblad หรือ Yashica, Mamiya ก็จะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 20,000 บาท ได้กล้องรูปทรงสีเหลี่ยมมองด้านบนไปลองใช้เท่ๆเลย แต่คำเตือนคือมันจะมองกลับหัวนะเวลาถ่าย ต้องปรับตัวสักพัก แต่ก็สนุกไปอีกแบบเหมือนกัน
Contax G2 ก่อนที่เรตราคาจะกระโดดไปไกลกว่านี้ ในงบ 20,000 ปลายๆ 30,000 ต้นๆ เราแนะนำให้ลองมองดู Rangefinder เปลี่ยนเลนส์ได้ที่ต้นตำรับมาจากฝั่งยุโรป แต่ทุกวันนี้ถูกซื้อโดยแบรนด์ญี่ปุ่น และเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางในช่างภาพรุ่นใหญ่ มาพร้อมเลนส์ของค่ายที่ทำออกมาได้โหดมากๆ (ไม่รู้สิ เรานึกถึง Contax มันเหมือนกับ Lexus ที่เปรียบเสมือนเบนซ์ญี่ปุ่นเลย) ช่างภาพดังๆที่ใช้กล้องนี้ก็มีอย่างเช่น Juergen Teller ช่างภาพแฟชั่นชาวเยอรมันที่มีลายเซ็นเฉพาะตัว
สำหรับคนที่มีงบ “ไม่อั้น” (50,000 บาทขึ้นไป)
ถ้ามีงบเท่านี้แล้วอยากเล่นกล้องฟิล์มสักตัว ถึงตรงนี้เราว่าคุณคงซื้ออะไรก็ได้บนโลกนี้แล้วล่ะ นี่เลย Hasselblad XPan กล้องพาโนรามาคุณภาพเยี่ยมเลนส์สุดโหดตัวนี้ ดีไซน์ที่ดูโตและสุขุมทำให้มันเป็นกล้องผู้ใหญ่เล่นประมาณหนึ่ง (เด็กที่ไหนจะมีเงินซื้อละท่าน) เคยเห็นของจริงครั้งนึงยังอยากใช้เลย ถ้าหาได้สภาพนิ๊งๆเราว่ามีอย่างต่ำประมาณ 60,000 บาทแน่ๆ หึย พูดแล้วอยากได้
ตัวต่อไปคือกล้อง Medium Format ชื่อแปลก Plaubel Makina 6X7 ที่นักเล่นกล้องรู้จักกันดี เป็นกล้องคู่ใจผู้กำกับชาวเยอรมัน Wim Wender รวมถึงช่างภาพเกาะอังกฤษอย่าง Martin Parr ในยุคถ่ายฟิล์มก็ใช้เช่นกัน มาพร้อมเลนส์ Nikkor คมชัดแจ๋ว ใส่ปิ๊ง เบ็ดเสร็จประมาณ 70,000 – 80,000 บาท แต่ถือไปไหนรับประกันว่าคนต้องมองชัวร์ๆ (ไม่มองทึ่งก็มองเพราะงงแหละ กล้องไรวะเนี่ย!?)
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด แน่นอนว่าเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Leica M6 (ตระกูล M ตั้งแต่ 1-6 คือกล้องฟิล์ม) กล้อง Rangefinder ที่ตอนนี้ตลาดกล้องเมืองไทยกำลังเล่นกันแบบดุดัน พี่ M6 จะตัวดำตัวเงินก็เท่โคตรมันทั้งสองสี ราคาก็สุดแล้วแต่จะตกลงกันไป รู้แต่ว่าทั้งเลนส์ทั้งกล้องขายคู่กันมีเหยียบ 100,000+ แน่ๆ (ตัวกล้องประมาณ 50,000 กว่าๆ + เลนส์อีกประมาณ 50,000 – 65,000 บาท แม่เจ้า) ตำนานของ Leica M ในประวัติศาสตร์การถ่ายรูปมีอยู่หนาแน่น เป็นกล้องคู่ใจของช่างภาพดังมากมาย ทั้ง Henri Cartier Bresson, Robert Capa, Elliott Erwitt (เอาแค่ใน MAGNUM ก็ล่อไปครึ่งเอเจนซี่แล้ว) หรือเจ้าพ่อ Street อย่าง Joel Meyerowitz ก็ใช้เช่นกัน ฮือ แม่จ๋าหนูอยากได้!
2. ถ่ายเสร็จล้างที่ไหน?
ผู้ใหญ่หลายคนเวลาได้ยินว่ามีคนถ่ายกล้องฟิล์ม มักจะตั้งคำถามกันขึ้นมาว่า “ยังมีที่ล้างอยู่อีกเหรอ” คำตอบคือมี แล้วยิ่งช่วง 2-3 ปีมานี้เริ่มคึกคักมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ามองหาพวก Photo Lab เบสิคพื้นฐาน ก็จะเป็นย่านปากทางลาดพร้าวที่มีหลายร้านเลย แต่คุณภาพก็จะเป็นมาตรฐาน Lab ทั่วไป ถ้าอยากตั้งใจเอาคุณภาพงานขึ้นมาหน่อยก็ต้องเป็น IQ LAB ที่มีบริการสแกนแบบ High Quality อยู่มานานและไว้ใจได้พอสมควร (แต่ราคาก็เพิ่มตามขึ้นมานะ) สุดท้ายที่เป็นทางเลือกใหม่ในช่วงหลังมานี้ คือร้านแบบบุคคลที่เกิดจากช่างภาพเปิดร้าน ล้างฟิล์มเองด้วยมือ เราแนะนำเช่นร้านปาตานี ที่เปิดใหม่ย่านหัวลำโพง ก็ได้คุณภาพงานที่น่าสนใจและราคาน่าคบหาเช่นกัน เอาน่ะ ลองซื้อมาถ่ายดู เรื่องที่ล้างนี่เราการันตีว่าหายห่วงแน่นอน
3. ซื้อกล้องฟิล์มที่ไหนดี?
แหล่งกล้องฟิล์มยอดนิยม ตั้งแต่สมัยไหนๆก็คงต้องเป็นภิรมย์พลาซ่า (สะพานเหล็ก) ที่รวมกล้องฟิล์มนานาชนิดไว้เพียบ จวบจนถึงสมัยนี้ก็ยังคงเป็นย่านภิรมย์พลาซ่าทั้งตึกเก่าและฝั่งตรงข้ามเช่นเคย หรือตามตลาดนัดเปิดท้ายขายของเก่าเช่น ตลาดรถไฟ ตลาดจตุจักรหรือ ตลาดนัดเจเจกรีน ที่มีวันเสาร์อาทิตย์ก็มีร้านประจำขายกล้องเก่าอยู่ แต่ทุกวันนี้ในโลกยุคอินเตอร์เน็ตก็มีทั้งเพจขายกล้องเก่าตาม Facebook หรือตาม Webboard ของคนเล่นกล้อง ถ้าคนมีงบแบบไม่ต้องคิดมากแล้วสื่อสารอังกฤษได้ดี เราว่าเลือกซื้อจาก ebay ต่างประเทศโดยตรงเลย ก็จะได้กล้องรุ่นแปลกๆที่คนอื่นยังไม่เอาเข้ามาขายได้ ถึงตรงนี้ไม่ว่าจะซื้อจากที่ไหน ช่องทางมีอยู่ร้อยแปดแล้ว ยังไงก็เลือกซื้อกล้องฟิล์มกันให้ถูกใจละกัน 🙂
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์