วันวาเลนไทน์ปีนี้ถ้าใครยังไม่มีแผนไปเที่ยวไหนกับคนรัก เรามีหนังรักตั้งแต่เก่ายันใหม่ แยกมาเป็นความรักประเภทต่างๆมาแนะนำกัน
รักคลาสสิค: Casablanca (1942)
เริ่มกันด้วยหนังรักสุดอมตะ เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นสายลับอเมริกันในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เมือง Casablanca ที่เขาต้องเลือกระหว่างคนรักคนสำคัญและความถูกค้องในการปฏิบัติหน้าที่ หนังสร้างขึ้นในยุคที่ภาพยนตร์อเมริกันอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของ film-noir เรื่องนี้จึงเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความโรแมนติกของหนังรักและภาพบรรยากาศของฟิล์มนัวร์
Puppy Love: Moonrise Kingdom (2004)
หนังรักของ Wes Anderson ผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์การทำหนังและการใช้สีไม่เหมือนใคร นำเสนอเรื่องราวความรักแบบน่ารักๆของเด็กชายกับเด็กสาวแอบรักกันบนเกาะเล็กๆ ที่แม้จะมองจากภายนอกว่าดูเป็น Puppy Love แต่ความรักของทั้งสองก็กล้าทำอะไรที่ใหญ่ไม่แพ้คนโตเลย
คู่รักฆาตกร: Badland (1973)
ที่มาของเรื่องราวสุดโหด ของวัยรุ่นอเมริกันสองคนที่ไม่มีเป้าหมายอะไรในชีวิต หลงรักกันและมองว่าความรักเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง จึงไม่มีอะไรจะมาหยุดพวกเขาทั้งสองได้ ผลงานการกำกับระดับขึ้นหิ้งของ Terrence Mallick ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องการใช้ภาษาภาพเล่าเรื่องแทนคำพูด (หนังภาพสวยมากๆๆ) จนกลายเป็นต้นแบบให้นักทำหนังรุ่นใหม่หลายคน ซึ่ง Moonrise Kingdom ของ Wes Anderson เองก็ได้อิทธิพลจากหนังเรื่องนี้มาเต็มๆ
เพื่อนรักเพื่อน : When Harry Met Sally (1989)
ต่อกันด้วยประเด็นหนังรักยอดฮิตประเภท หนังรักเพื่อน เมื่อเพื่อนกันฉันเธอเกิดหลงรักกัน เรื่องราวส่วนใหญ่ก็มักจะวุ่นวายเกิดขึ้นอยู่แล้ว ใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ลองลากเพื่อนของคุณมาดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน รับรองว่ามันจะช่วยนำเสนอมุมมองเรื่องเพื่อนรักเพื่อนออกมาได้อย่างลึกซึ้งและตรงไปตรงมา (รับประกันว่าไม่ใช่ Puppy Love แน่นอน) นำแสดงโดย Meg Ryan และ Billy Crystal
รักที่ไม่เหมือนใคร: As Good As it Gets (1997)
เมื่อชายโสดวัย (เกือบ) สูงอายุ มีอาชีพเป็นนักเขียนนิสัยไม่เอาใคร ไม่คบหาสมาคม ไม่มีเพื่อน ไม่อะไรทั้งนั้นคือพูดง่ายๆภาษาสมัยนี้คือเป็น “คนเยอะ” เกิดตกหลุมรักอย่างจังเข้ากับสาวเสิร์ฟในร้านอาหารโปรดของเขา แต่ด้วยบุคลิกที่พิสดารของเขาคงไม่ได้ทำให้ความรักครั้งนี้เรียบง่ายแน่ๆ ผลงานการแสดงระหว่าง Jack Nicholson กับHelen Hunt ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในใจของใครหลายๆคน (คนเขียนเองล่ะคนนึง)
รักออนไลน์: You’ve Got Mail (1998)
นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องในสาย Romantic-Comedies ที่ใครดูก็ต้องชอบ ผู้กำกับและนักแสดงนำคู่เดียวกันกับ Sleepless in Seattle (อันนั้นก็เป็นหนังรักที่ครองใจสาวๆทั้งหลายเช่นกัน) เรื่องนี้ Tom Hanks และ Meg Ryan กลับมาอีกครั้ง ในสมัยที่ตอนนั้นโลกยังเพิ่งรู้จักกับ Internet ใหม่ๆ เมื่อคนสองคนสามารถจีบกันได้ผ่านโลกออนไลน์กันโดยที่ไม่รู้ว่าแท้จริงเป็นคนใกล้ตัวด้วยกันนี่เอง แล้วมันจะไม่โรแมนติกได้ยังไงล่ะ!? อีกหนัง Chick Flicks (หนังสำหรับผู้หญิง) ที่ผู้ชายบางคนดูแล้วอาจจะมีซึ้งได้โดยไม่รู้ตัว
รักกันชั่วคราว: Before Sunrise (1995), Before Sunset (2004)
หนังภาคต่อที่ล่าสุดเพิ่งมีอีกภาคไป (Before Midnight) แต่เราหยิบสองภาพแรกมาพูดเพราะมันเป็นภาคต่อสุดคลาสสิค หนังรักที่ตีแผ่ความรักความสัมพันธ์ของคนสองคนที่พบกันเพื่อเพียงผ่าน ภาคแรกเป็นวัยหนุ่มสาวเจอกันตอนออกเดินทางท่องเที่ยว ส่วนภาคสองเมื่อทั้งคู่แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตและบังเอิญมาเจอกันอีกครั้ง แค่ฟังบทสนทนาที่คุยกันของหนังก็รู้สึกถึงความโรแมนติกแล้ว แถมยังได้เห็นภาพเมืองสวยๆที่ทั้งคู่ได้เจอกันอีกด้วย
รักสับราง: Manhattan (1979)
ผลงานสุดอมตะกับการกำกับหนังขาวดำของ Woody Allen เรื่องนี้ ขอใช้คำว่าเป็นอุทาหรณ์ชั้นดีสำหรับหนุ่มนักรักนักสับรางทั้งหลาย ซึ่ง Woody Allen กำกับเองเล่นเอง ภายใต้บรรยากาศอันคึกคักของเมือง New York เรื่องราวความสับสนวุ่นวายของความรักที่เกิดขึ้นของคนสองสามคนในเวลาเดียวกัน จะจบลงอย่างไร เรื่องนี้ดูกับแฟนไปพร้อมกันก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะว่าหนังไม่ได้ด่าคนเจ้าชู้แต่สอนให้เห็นถึงความลึกซึ้งของความรักที่เกิดขึ้นได้แยบยลจริงๆ
รักของเด็กมีปัญหา: Submarine (2010)
หนังรักจากเกาะอังกฤษที่แสดงตัวตนของวัยรุ่นที่มีจุดยืนของตัวเองชัดเจน (บางคนอาจจะเรียกว่าอินดี้ เด็กแนว Hipster) ทำออกมาได้อย่างเห็นภาพและตรงไปตรงมา (มีเพลงประกอบฝีมือของ Alex Turner นักร้องนำวง Arctic Monkey มาทำให้ จะเอาอะไรที่ Hip ไปกว่าอีก) พูดถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มพูดน้อยที่ต้องดูแลทั้งความสัมพันธ์กับที่บ้าน และดูแลหัวใจของแฟนสาวร่วมชั้นเรียนของเขาไปด้วยพร้อมๆกัน ให้รู้ไปว่าเด็กมีปัญหาก็มีหัวใจรักใครได้เหมือนกัน
รักในยุค 90’s: Reality Bites (1994)
ผลงานการกำกับของ Ben Stiller ที่เพิ่งประกาศให้โลกรู้ไปหมาดๆว่าข้าก็ทำหนังได้จาก The Secret Life of Walter Mitty นี่คือผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขา หนังรักที่มีกลิ่นอายแฟชั่น ดนตรี และไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่นยุค 90’s คน Generation X ลอยอยู่ฟุ้งเต็มไปหมด ก็เล่นได้นักแสดงนำอย่าง Winona Ryder กับ Ethan Hawke ไอดอลของยุคนั้นมาร่วมด้วย คู่รักคนไหนที่รู้ตัวว่าหลงรักยุค 90’s ได้หนังเรื่องนี้เข้าไปรับรองว่าอยู่หมัด
รักต่างแดน: Lost in Translation (2003)
หนังรักที่จะทำให้คนดูรู้สึกเหงา (เหงาแล้วก็เหงาขึ้นไปอีก อึดอัดแต่ก็อบอุ่นไปด้วยพร้อมกันอย่างบอกไม่ถูก เมื่อตัวเอก Bill Murray เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น และไม่มีใครสามารถสื่อสารกับเขาพูดภาษาอังกฤษได้เลยสักคน จนได้ไปเจอกับ Scarlett Johansson (สมัยแรกๆ) สาวสวยที่ในเวลานั้นแค่การโต้ตอบพูดคุยกันได้ก็ถือเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุดแล้ว ความรักที่เกิดขึ้นในต่างแดนที่รอบข้างล้วนเป็นคนแปลกหน้าของทั้งคู่จึงก่อตัวขึ้นอย่างที่ทั้งคู่หลีกหนีไม่ได้
ตุ๊กตายางฉันรักเธอ: Lars and the Real Girl (2007)
ได้ยินถูกแล้ว… ตุ๊กตายางนั่นล่ะ ผลงานการแสดงของ Ryan Gosling ในยุคที่ยังเป็นเจ้าชายของวงการหนังนอกกระแส หนังเรื่องนี้ทำให้คอหนังอินดี้เริ่มจำหน้าเหนื่อยๆเนือยๆของเขาได้แม่น ก็บทผู้ชายซึมๆเงียบๆ แต่หักมุมด้วยการหลงรักกับตุ๊กตายางคู่ใจของเขา หนักไปจนถึงขั้นพามากินข้าวกับที่บ้าน (กึ๋ยสุดๆ) ใครล่ะจะไม่ชอบ!
รักที่ไม่อยากลืม: Eternal Sunshine at the Spotless Mind (2004)
หนังรักที่เวลาไปถามใครว่าชอบหนังเรื่องอะไรมากที่สุด? หนังเรื่องนี้มักจะต้องอยู่ในลิสต์เสมอๆ ผลงานการแสดงของ Jim Carrey ที่เขาได้โชว์ให้เห็นความสามารถด้านไม่ขำของเขาให้เราเห็น จับคู่กันกับ Kate Winslet แล้วมันก็ออกมาได้เศร้าแบบไม่ขำจริงๆ ประเด็นที่เชื่อว่าใครหลายๆคนยังคงเป็นกันอยู่ อารมณ์ที่อยากรักแต่ยังลืมคนเก่าไม่ได้ ดูเรื่องนี้รับรองว่าอินชัวร์ (แนะนำให้ดูคนเดียวนะ)
แก่กว่าแล้วไง : Harold and Maude (1971)
ก็ในเมื่อรักเด็กกว่าได้ แล้วทำไมผู้ชายจะรักคนแก่กว่าไม่ได้ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน เพียงแต่เป็นระดับห่างกันรุ่นยายกับหลาน! อะไรจะขนาดนั้น เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ดันไปรู้จักกับยาย เมื่อทั้งสองพูดคุย ทำความรู้จัก ได้ผจญภัยร่วมเดินทางไปด้วยกัน เด็กหนุ่มเริ่มเกิดความรู้สึกดีๆจนพัฒนาไปจนถึงขั้นหลงรักกันเลยทีเดียว จะลงเอยอย่างไรต้องลองดู
รักรวมฮิต: Love Actually (2003)
อย่างที่บอกไปว่ารักรวมฮิต หนังเรื่องนี้รวมเอาความรักแต่ละแบบรวมมาไว้ในหนังเรื่องเดียว ใครที่ไม่อยากเช่าหลายเรื่อง หยิบเรื่องนี้มาเรื่องเดียวรับรองว่าค่ำคืนวาเลนไทน์ของคุณได้ความรักเต็มอิ่มแน่นอน “I feel it in my fingers, I feel it in my toes” (เพลงประกอบ)
Writer: Pakkawat Tanghom
RECOMMENDED CONTENT
เปิดตัวแล้วกับคอลเล็คชั่น OBEGRÄNSAD/ อูเบแกรนซัด ผลงานการร่วมออกแบบระหว่างอิเกียและ Swedish House Mafia วงดนตรีอิเล็กทรอนิกชื่อดังสัญชาติสวีเดน พร้อมให้คุณสร้างสรรค์ผลงานที่บ้านอย่างไร้ขีดจำกัดตามแรงบันดาลใจของการออกแบบคอลเล็คชั่นนี้ โดยคำว่า OBEGRÄNSAD/ อูเบแกรนซัด ซึ่งเป็นภาษาสวีเดนมีความหมายว่า “ไร้ขีดจำกัด”