บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ร่วมกับ TADAH Collaboration เผยเทรนด์การออกแบบออฟฟิศแห่งอนาคตด้วยมุมมองระดับโลก พร้อมเผยแนวคิดในการสร้างสรรค์ต้นแบบสำนักงาน GAYSORN TOWER – Office Show Suite ประสบการณ์ของออฟฟิศสมัยใหม่ที่พร้อมเปิดมิติแห่งชีวิตการทำงานบนพื้นที่จริงในคอนเซ็ปต์ Activity Based Workplace หนึ่งในแนวคิดสำคัญของการจัดสรรพื้นที่ภายใต้กลยุทธ์ ‘Workplace Strategy’ ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการทำงาน และการใช้ชีวิต ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 30%
คุณฟ้าฟื้น เต็มบุญเกียรติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษร พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า “ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้พัฒนา GAYSORN VILLAGE – Lifestyle Urban Village ใจกลางกรุงแห่งแรกของเมืองไทย ซึ่งเป็นต้นแบบในการพัฒนาไลฟ์สไตล์ และคอมมิวนิตี้ที่สมบูรณ์แบบแห่งอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘TIME WELL SPENT’ โดยรวบรวมทั้งศูนย์การค้า สำนักงาน และพื้นที่ส่วนกลางสำหรับชุมชน เพื่อมอบประสบการณ์การใช้ชีวิต ทั้งการทำงาน การช้อปปิ้งรวมถึงกิจกรรมไลฟ์สไตล์หลากหลายรูปแบบมาไว้ด้วยกันในแห่งเดียว
โดยมี GAYSORN TOWER อาคาร และสำนักงานที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทยเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนอาณาจักรแห่งนี้ทั้งด้านการทำงานและการใช้ชีวิตภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Work – Live – Play – Grow’ ซึ่งให้ความสำคัญกับการจัดสรรพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะสมกับความต้องการของกลุ่มคนทำงานยุคใหม่ทั้งด้านทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการใช้ชีวิตที่สมดุล อาทิ Wellness ที่เน้นเรื่องบรรยากาศในการทำงานที่ช่วยรักษาสุขภาพและสมดุลของผู้ทำงาน รวมถึงการจัดให้มีศูนย์บริการสุขภาพและความงามภายในอาคาร Place making ออกแบบสถาปัตยกรรมทั้งภายนอกและภายในอาคารที่มีส่วนช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และประสิทธิภาพในการทำงาน Connectivity การเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกสบายพร้อม Ratchaprasong Walk ทางเดินเชื่อมต่อสู่ 18 อาคารชั้นนำและไลฟ์สไตล์ภายในย่านราชประสงค์ และ Business Amenities พื้นที่ส่วนกลางที่อำนวยความสะดวกทางธุรกิจ รองรับเวิร์กกิ้งไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายรูปแบบซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนประกอบสำคัญของ อาคารและสำนักงาน GAYSORN TOWER
ด้านการจัดสรรพื้นที่เช่า ทางโครงการนำเสนอแนวคิด Better Product, Better Flexibility เพื่อให้ผู้เช่าสามารถออกแบบและใช้ประโยชน์จากพื้นที่สำนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ ‘Core to Window’ ความกว้างของผนังด้านในถึงหน้าต่าง 14.50 เมตร รวมถึงการออกแบบพื้นที่ให้ไม่มีเสากั้นระหว่างกลางตามแนวคิด Column Free Design ความสูงจากพื้นจรดเพดานที่มากกว่ามาตรฐาน 2.95 เมตร และความกว้างของเฟรมกระจกหน้าต่างแต่ละบานแบบ ‘Full Glass Panel’ ขนาด 2.10 เมตร ที่ให้มุมมองที่กว้างขึ้นแบบพาโนรามา
และเพื่อเป็นการนำเสนอเทรนด์การออกแบบพื้นที่ของออฟฟิศยุคใหม่ บริษัทฯ ได้ร่วมมือกับ TADAH Collaboration บริษัทออกแบบและตกแต่งภายใน และ CBRE ที่ปรึกษาด้านการปล่อยเช่าพื้นที่และด้านแนวโน้มของผู้เช่า สร้างสรรค์พื้นที่สำนักงานต้นแบบ GAYSORN TOWER – Office Show Suite ภายใต้แนวคิด Activity Based Workplace เพื่อเป็นตัวอย่างในการออกแบบสำนักงานที่จัดสรรพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพภายใต้กลยุทธ์ ‘Workplace Strategy’
โดยสามารถแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 รูปแบบ ได้แก่ Collaborative Workspace การจัดสรรพื้นที่ให้เหมาะสมกับการทำงานแบบทีมมีส่วนร่วม Hot Desk การหมุนเวียนที่นั่งของพนักงาน เพื่อลดการใช้พื้นที่สำนักงาน Focus Space พื้นที่สำหรับบุคลากรที่ต้องใช้สมาธิและความเป็นส่วนตัวสูง Social Space พื้นที่อเนกประสงค์ที่ใช้ประชุมหรือจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างเสริมวัฒนธรรมองค์กร
คุณพลกฤษณ์ แสงทอง Design Partner บริษัท TADAH Collaboration ผู้ออกแบบตกแต่ง GAYSORN TOWER – Office Show Suite กล่าวถึงเทรนด์การออกแบบสำนักงานที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคว่า “ในอดีตเทรนด์การออกแบบสำนักงานส่วนใหญ่เป็นรูปแบบของ ‘Cubical Fixed Workstations’ ซึ่งพนักงานแต่ละคนจะมีพื้นที่หลักเป็นของตัวเองไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงานหรือตู้เก็บของ โดยใช้เฟอร์นิเจอร์ขนาดมาตรฐานตามที่โรงงานที่ผลิตขึ้น และแบ่งแยกพื้นที่ต่างๆ อย่างชัดเจน ทั้งโต๊ะทำงาน ห้องประชุม ห้องผู้บริหาร และห้องรับรอง เป็นต้น โดยนิยมใช้สีที่มีความเรียบร้อย เคร่งขรึมและเป็นทางการเหมาะกับภาพลักษณ์ของแต่ละองค์กร
ต่อมาเทรนด์การออกแบบออฟฟิศเริ่มเปลี่ยนแปลงไปสู่รูปแบบของ Open Plan ที่ให้ความอิสระในการจัดสรรพื้นที่เพิ่มมากขึ้น แต่ยังคงใช้ Partition เพื่อแบ่งพื้นที่ระหว่างพนักงานเป็นสัดส่วน ซึ่งปัจจุบันเทรนด์การตกแต่งสำนักงานทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้งไปสู่กลยุทธ์ในการออกแบบสถานที่ทำงานรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘Workplace Strategy’ ที่คำนึงถึงไลฟ์สไตล์การทำงานเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม (Collaboration) ภายใต้บรรยากาศที่ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ (Inspiration) พร้อมทั้งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงาน (Productivity) และลดค่าใช้จ่าย (Save cost) ภายใต้แนวคิดที่มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกที่คำนึงถึงความต้องการของพนักงานเป็นสำคัญ
โดยเห็นได้จากการเปลี่ยนแปลงออฟฟิศทั่วโลก อาทิ โซนอเมริกา จะเห็นเทรนด์ที่ชัดเจนจากกลุ่มบริษัท Tech Company ที่มีการจัดสรรพื้นที่ซึ่งเน้นการมีส่วนร่วมระหว่างพนักงานเพิ่มมากขึ้น เช่นมุมที่พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในบรรยากาศที่สบายๆ ส่วนใน โซนยุโรป ยังคงเน้นการออกแบบอย่างเรียบง่าย เน้นฟังก์ชั่นในการใช้งานเป็นหลัก พร้อมสร้างความโดดเด่นด้วยการคุมโทนสี สำหรับโซนเอเชีย โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น ยังคงให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมองค์กรเรียงตามลำดับอาวุโส และตำแหน่งภายในองค์กร ซึ่งหัวหน้ายังคงต้องมีห้องทำงานที่ให้ความเป็นส่วนตัวแต่อย่างไรก็ตามเทรนด์การออกแบบออฟฟิศของชาวเอเชียเริ่มเปลี่ยนแปลงไป โดยนำกลยุทธ์การจัดสรรพื้นที่แบบ “Workplace Strategy” มาประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนเองในยุคนี้เพิ่มมากขึ้น”
ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากคอนเซ็ปต์การออกแบบและตกแต่งของ GAYSORN TOWER – Office Show Suite ที่นำแนวคิด Activity Based Workplace มาใช้ โดยให้ความสำคัญกับ People Interaction ซึ่งจัดสรรพื้นที่และสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมกับกิจกรรมในการทำงานประเภทต่างๆ และสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบพร้อมให้ทางเลือกแก่พนักงานในการเลือกพื้นที่ในการทำงานได้อย่างอิสระ ทำให้พนักงานรู้สึกดีกับการทำงานมากขึ้นทั้งยังเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานพื้นที่ได้อย่างคุ้มค่าด้วยอัตราส่วนพนักงาน 1 คน ต่อพื้นที่ 6-7 ตารางเมตร จากอัตราส่วนของออฟฟิศทั่วไปในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ที่พนักงาน 1 คน ต่อพื้นที่ 10 ตารางเมตร ที่สำคัญยังช่วยลดค่าใช้จ่ายภายในสำนักงานได้สูงสุดถึง 30%
โดยจัดสรรพื้นที่แบ่งเป็นส่วนพื้นที่โถงประชุมกลาง Cocoon ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการทำงานแบบอิสระทั้งแบบนั่งและแบบยืน การประชุมพนักงานกลุ่มย่อยการประชุมทั่วไป หรือแม้กระทั่งการจัดปาร์ตี้ในออฟฟิศ ซึ่งการเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายใน Cocoon ยังออกแบบให้มีช่องสำหรับจัดเก็บของเพิ่มประโยชน์ของพื้นที่ได้อย่างสูงสุด นอกจากนี้บริเวณ Workstation ยังสะท้อนให้เห็นจุดเด่นในการจัดสรรพื้นที่ของอาคารเกษรทาวเวอร์ ซึ่งสามารถเพิ่มความสูงของเพดานขึ้นไปได้ถึง 3 เมตร ซึ่งให้ความรู้สึกที่โปร่ง โล่ง สบายตา และเปิดรับแสงธรรมชาติเข้ามาในพื้นที่มากที่สุด รวมถึงการจัดวางโต๊ะทำงานที่สร้างความเรียบง่าย โดยนำโซฟาเข้ามาตกแต่งเพิ่มบรรยากาศสบายๆ ในการทำงาน หรือมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างอิสระ สำหรับบริเวณพื้นที่ Scrum Space นับเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่เปิดกว้างให้พนักงานต่อยอดความคิดได้อย่างสร้างสรรค์ ที่ซ้อนฟังก์ชั่นการใช้งานของผนังให้สามารถเขียนข้อความลงไปได้เหมือนกระดานดำ รวมถึงโซนคาเฟ่ที่สามารถมานั่งทำงาน และรับประทานอาหารได้ในพื้นที่เดียวกัน
นอกจากนี้หัวใจสำคัญในการออกแบบ GAYSORN TOWER – Office Show Suite นั่นคือความเรียบง่ายโดยนำหลักการ Bring the outdoor in มาใช้เพื่อดึงความเป็นธรรมชาติเข้ามาสู่ภายในสำนักงาน อาทิ การนำต้นไม้ หิน ไม้ และสีเขียวเข้ามาใช้ในพื้นที่เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย โปร่งสบาย รวมถึงการใช้แสงธรรมชาติเพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่นให้กับพื้นที่การเลือกใช้วัสดุปิดทับที่ดูมีความเป็นธรรมชาติ อาทิ ไม้จริง วีเนียร์ลายไม้ พรมที่มีลักษณะเหมือนสนามหญ้า พรมที่มีลักษณะเหมือนพื้นหินมอส โดยการจัดวางลวดลายนั้นต้องมีการสั่งทำพิเศษโดยเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ รวมถึงการนำผลงานศิลปะจาก Hay Paper Collective ที่มีความหมายเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการออกแบบ
นอกจากนี้ ยังใช้รูปทรงของ Built-in Furniture ที่มีความเรียบง่ายสามารถสร้างจุดเด่นในแต่ละบริเวณอาทิ Community Table ที่เป็นโต๊ะลอยแบบไม่มีขา ซึ่งจัดระดับให้อยู่ในความสูงที่คนสามารถยืนพูดคุยกันได้ 2-3 มุมในโต๊ะเดียวกัน ซึ่งจากองค์ประกอบโดยรวมของการออกแบบ GAYSORN TOWER – Office Show Suite ได้คำนึงถึงทุกองค์ประกอบในการใช้งานจริงของพนักงานทุกรายละเอียด ตั้งแต่ในเรื่องของจำนวนพนักงานที่จะเข้ามาใช้พื้นที่แต่ละส่วน อิริยาบถที่เหมาะสมในการใช้งานพื้นที่แต่ละจุด หรือการวางแผนผังของแต่ละส่วนของออฟฟิศให้สามารถใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและลื่นไหล เพื่อช่วยสร้างความสุขระหว่างการทำงานของพนักงานได้อย่างสูงสุด ซึ่งแสดงถึงความเอาใจใส่ของบริษัทที่มีต่อพนักงาน และสามารถสะท้อนถึงวัฒนธรรมการทำงานของคนรุ่นใหม่ได้อย่างแท้จริง” คุณพลกฤษณ์กล่าวสรุป
สัมผัสประสบการณ์การทำงานแห่งอนาคต ‘GAYSORN TOWER – Office Show Suite’ ต้นแบบออฟฟิศสุดทันสมัยภายใต้แนวคิด ‘Activity Based Workplace’ ได้ที่ชั้น 14 อาคาร เกษรทาวเวอร์ โดยสามารถนัดหมาย เข้าชมออฟฟิศได้ที่ โทร. 089-495-6551
—
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นวงดนตรีอินดี้ป็อปที่มาแรง และได้รับการตอบรับมากที่สุดในขณะนี้ สำหรับศิลปินคู่หู “Whal & Dolph” ประกอบด้วย "ปอ" - กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ (ร้องนำ) และ "น้ำวน" - วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ (กีต้าร์) จากค่ายเพลง What The Duck