คำว่า ‘สุภาพบุรุษผู้มีรสนิยม’ ที่เราบอกน่ะไม่ได้หมายถึงผู้ชายที่ใช้แต่ของแบรนด์เนมหรูหราราคาแพงหู่ฉี่หรืออะไรแบบนั้น แต่การเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและเหมาะกับบุคลิกของตัวเองต่างหากละที่จะช่วยเติมความเป็นสุภาพบุรุษของให้โดดเด่นขึ้น และเครื่องดื่มสักแก้วในมือก็คือหนึ่งในนั้น โดยเฉพาะค็อกเทล ‘ค็อกเทลเนี่ยนะ!! มุ้งมิ้งไปป่ะ’ อย่าเพิ่งปฏิเสธทันควันแล้วหันไปสั่งเบียร์หรือไวน์แบบที่คุ้นเคย เพราะแม้แต่คาแรกเตอร์สุภาพบุรุษสุดเท่ในหนังที่เป็นไอดอลของชายหนุ่มหลายๆ คนอย่าง James Bond ก็ยังมี Vodka Martini แบบ ‘shaken, not stirred’ เป็นเครื่องดื่มประจำตัว
แต่เราเชื่อว่าปัญหาโลกแตกของหนุ่มๆ คือไม่รู้จะเลือกค็อกเทลตัวไหนดี เพราะบางทีชื่อของแต่ละแก้วก็ปวดหัวจะแย่ แถมไม่ได้บอกว่าหน้าตาของมันจะออกมาเป็นแบบไหนอีกต่างหาก ลองนึกภาพคุณเดินมาที่บาร์แบบมาดนุ่มลุ่มลึกราวกับพระเอกฮอลลีวูดยุค 60s แต่พอค็อกเทลมาวางตรงหน้าปั๊บ กลับกลายเป็นเครื่องดื่มสีหวาน มีผลไม้โน่นนี่ เชอร์รี่ กล้วยไม้ อาจจะแถมร่มเล็กๆ อีกคัน สาวๆ อาจมองคุณเป็นเพื่อนสาวปาร์ตี้ริมสระไปทันที
เอาอย่างนี้ ลองทำความรู้จักกับ ‘5 ค็อกเทลสุดเท่ตลอดกาล’ ดูก่อน แล้วจะรู้ว่า ‘แมนๆ’ แบบที่เขาดื่มกันน่ะเป็นอย่างไร
1. Negroni
ค็อกเทลสีแดงใสในแก้วสั้นแบบ Old fashioned ให้ความรู้สึกนุ่มนวลแต่แฝงความขี้เล่นสนุกสนานอยู่ในที Negroni แก้วนี้ครองใจหนุ่มๆ มาตั้งแต่กลางยุค 1920s ที่บาร์ กาฟเฟ กาโซนี (Caffè Casoni) ในฟลอเรนซ์ อิตาลี เมื่อท่านเคานท์ กามิลโล เนโกรนี (Count Camillo Negroni) ขาประจำเกิดอยากได้เครื่องดื่มใหม่ๆ แต่ยังไม่ทิ้งลายค็อกเทลสูตร Americano แบบที่คุ้นเคย บาร์เทนเดอร์ ฟอสโก สการ์เซลลี (Fosco Scarselli) เลยปรับจากตัวเดิมที่มีส่วนผสมของแคมพารี (Campari) สวีท เวอร์มุธ (Sweet Vermouth) และโซดา โดยใส่ จิน (Gin) เข้าไปแทนโซดา และเพิ่มกลิ่นหอมของเปลือกส้มลงไป ความเข้มของสูตรนี้นี่เองจึงได้ใจท่านเคานท์และสุภาพบุรุษชั้นสูงนับตั้งแต่นั้นมา
ส่วนผสม
- 25 ml. Tanqueray Gin
- 25 ml. Campari
- 25 ml. Sweet Vermouth
นำส่วนผสมทั้งหมดคนให้กัน แล้วเทลงในแก้วทรงเตี้ย ตกแต่งด้วยผิวส้ม ง่ายๆ แต่ได้ใจเสมอ
2. Manhattan
ที่ได้ชื่อนี้เพราะคิดค้นสูตรครั้งแรกในแมนฮัตตันคลับ (Manhattan Club) นิวยอร์ก ในงานฉลองตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิยอร์กของ แซมมวล เจ ทิลเดน (Samuel J. Tilden) ในช่วงปี 1870s โดย เลดี้แรนดอล์ฟ เชอร์ชิล (Lady Randolph Churchill) แม่ของเซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพในงานนั้น แรกเริ่มเดิมทีจะใช้ ไรย์ วิสกี้ (Rye Whiskey) หรือ เบอร์เบิน วิสกี้ (Bourbon Whiskey) เป็นส่วนผสมหลัก รสชาติจึงเข้มแต่ยังคงกลมกล่อมและหอมหวาน ประกอบกับนิยมเสิร์ฟในแก้วค็อกเทลแบบมีก้าน ชายหนุ่มดื่ม Manhattan จึงดูสุขุมนุ่มลึกเป็นพิเศษ
ส่วนผสม
- 45 ml Bulleit Bourbon
- 15 ml Sweet vermouth
- 2 dashes Angostura bitters
- 1 Maraschino Cherry
นำส่วนผสมทั้งหมดใส่แก้ว เติมน้ำแข็งแล้วคนให้เย็นจัด เทเครื่องดื่มลงในแก้วค็อกเทลแช่เย็น แต่งด้วยเชอร์รี่เชื่อม สูตรเดียวกันนี้ถ้าเปลี่ยนส่วนผสมหลักจาก Bourbon Whiskey เป็น Blended Scotch whisky อย่างเช่นวิสกี้ตระกูล Johnnie Walker จะกลายเป็นค็อกเทลอีกตัวหนึ่ง ชื่อว่า ‘Rob Roy’
3. Old-Fashioned
แก้วนี้จะดูเป็นหนุ่มที่จัดว่าเข้มมากตามดีกรีของเครื่องดื่ม เจ้าค็อกเทลชื่อ Old-fashioned ตัวนี้คิดค้นโดย เพเดนนิส คลับ (Pendenis Club) ในหลุยส์วิลล์ รัฐเคนตักกี้ และยังอยู่ในหนังสือรวมค็อกเทลฉบับแรก เมื่อปี 1862 นั่นก็มากกว่า 150 ปีมาแล้ว!! และยิ่งรู้ว่าส่วนผสมหลักมีเพียงเบอร์เบิน วิสกี้ (Bourbon Whiskey) กับน้ำตาล มีเหล้าบิทเทอร์ด้วยนิดหน่อย ยิ่งทำให้น่าลิ้มลอง หรือจะลองเปลี่ยนเบอร์เบิน เป็นวิสกี้ที่คุณชอบตัวอื่นๆ อย่างเช่น Johnnie Walker Gold Label Reserve ก็น่าจะถูกใจมากยิ่งขึ้น
ส่วนผสม
- 60 ml. Bulleit Bourbon
- A cube of sugar
- 3 dashes Angostura aromatic bitters
ละลายน้ำตาลด้วยการใส่โซดาเข้าไปนิดหน่อย ตามด้วย Angostura aromatic bitters ในแก้วสั้น แล้วใส่เบอร์เบิน วิสกี้ กับน้ำแข็งลงไปคนให้เย็น แล้วเติมน้ำแข็งเพิ่มอีกสัก 2 ก้อน คนให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำแข็งเข้าไปอีก ตกแต่งด้วยเปลือกส้ม
4. Martini
ชายหนุ่มกับค็อกเทลแก้วนี้ดูเท่ ดูโก้ น่าหลงใหล ด้วยความที่เป็นเหล้าเข้มข้น แต่รสชาติกลับละมุน จึงได้รับความนิยมสูงไปทั่วโลก Martini เกิดมาในช่วงยุค 1880s หลักๆ แล้วจะใช้ไวท์ สปิริท เช่น ว้อดก้า (Vodka) หรือจิน (Gin) มาผสมกับ เวอร์มุธ (Vermouth) แต่ตอนหลังๆ มีการปรับสูตร เติมส่วนผสมอื่นๆ เข้าไปจนมี Martini หลายสูตรให้เลือกลิ้มรส เราสามารถเห็นภาพความโก้ของคนที่ รัก Martini ได้ชัดๆ จาก James Bond ที่พอจับคู่กับ Vodka Martini ทีไรก็หล่อกระชากใจสุดๆ
ส่วนผสม
- 75 ml. Tanqueray Gin or Ketel One Vodka
- 10 ml. Dry Vermouth
ดั้งเดิมแล้วนั้นจะผสม Martini โดยการคนเวอร์มุธกับน้ำแข็งในแก้วแล้วเทส่วนที่เป็นน้ำออก รินเหล้าจินตามลงไปในแก้วนั้น คนจนเย็นจัดแล้วกรองแต่ของเหลวลงในแก้วแช่เย็น ตกแต่งด้วยมะกอกดอง หรือเปลือกมะนาวเหลือง แต่ในช่วงหลังเริ่มมีการผสมโดยการเขย่า เพราะจะทำให้สัมผัสนุ่มนวลขึ้น
5. Sidecar
ค็อกเทลเปรี้ยวอมหวานตัวนี้คาดว่าเกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งชื่อ Sidecar มาจากรถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่ใช้ในการสงคราม Sidecar เริ่มมีครั้งแรกที่ไหนไม่มีบันทึกแน่ชัด แต่โรงแรมริทซ์ (The Ritz Hotel) ในปารีส บอกว่าตนเองเป็นต้นกำเนิด และมีการตีพิมพ์สูตรเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1922 ในหนังสือสูตรค็อกเทลโดย Harry Mac Elhone ด้วยส่วนผสมหลักเป็นคอนยัค (Cognac) ทำจากองุ่นหมักก่อน กลั่นออกมาความนุ่มและเข้มข้นจึงให้ความรู้สึกสุขุม แต่เมื่อนำมาผสมกับเหล้าหวานกลิ่นส้มและน้ำเลมอนกลับแฝงมากับความสดชื่นใต้ความสุขุมนั้น
ส่วนผสม
- 50 ml Hennessy VS Cognac
- 20 ml Orange Liqueur
- 20 ml fresh-squeeze lemon juice
ใช้มะนาวทาปากแก้วค็อกเทลแบบมีก้าน แล้วโรยน้ำตาลให้ติดที่ปากแก้ว ใส่ Hennessy VS Cognac ออร์เรนจ์ลิเคียวร์ (Orange Liqueur) และน้ำเลมอนสดลงในกระบอกเขย่า เติมน้ำแข็งแล้วเขย่าอย่างแรงจนเย็นจัด เทใส่ในแก้วแช่เย็นที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยเลมอนสไลด์
RECOMMENDED CONTENT
“Smile” ซิงเกิ้ลล่าสุดจากวงดนตรีวงดนตรีที่ดีที่สุดของสห […]