fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#TastingNote : “HAIL TO THE GLASS OF WHISKY” รินความเก๋าลงแก้ว แล้วดื่มวิสกี้อย่างมีชั้นเชิง
date : 7.สิงหาคม.2015 tag :

Jude Law stars in the latest film for JOHNNIE WALKER BLUE LABEL Blended Scotch whisky; The Gentleman's Wager available to view here: http://www.Youtube.Com/johnniewalker

ในบรรดาเครื่องดื่มที่เรียงแถวอยู่บนบาร์ วิสกี้จัดว่ามีคาแร็กเตอร์คงเส้นคงวาในเรื่องของความเจนจัดชัดลิ้นที่สุด ด้วยส่วนผสมที่บ่มหมักจนได้รสสัมผัส ขั้นตอนการกลั่นอันสุดจะพิถีพิถันชั้นเยี่ยม ไปจนถึงธรรมเนียมการดื่มอันแสนละเมียดที่ช่วยส่งให้เครื่องดื่มแต่ละแก้วมีความหมาย จึงไม่แปลกถ้าผู้ชายส่วนใหญ่จะยกให้วิสกี้เป็นเครื่องดื่มคู่ใจ เพื่อสะท้อนความเคร่งขรึมและคมคาย ยิ่งถ้าดื่มอย่างผู้รู้จริง จะยิ่งเพิ่มเสน่ห์ชวนหลงใหลให้สาวๆใจละลายเมื่อดื่มด้วยกัน

HAIL TO THE GLASS OF WHISKY dooddot 2

WHERE WHISKY CAME FROM?

คำว่า วิสกี้ เดิมทีมาจากภาษาเกลิคที่แปลว่า water of life หรือน้ำของชีวิต ในภาษาอังกฤษจะเขียนว่า whisky แต่ถ้าอังกฤษแบบไอริชจะเขียน whiskey โดยวิสกี้เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ใช้เทคนิคการกลั่นจากธัญพืชสารพัดชนิดขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา ส่วนต้นกำเนิดวิสกี้นั้น มีหลักฐานพบว่ามีมาตั้งแต่ยุคสมัยอาณาจักรบาบิโลเนียและเมโสโปเตเมียเลยทีเดียว ซึ่งในยุคนั้นเริ่มเรียนรู้วิธีการผลิตน้ำหอมและกลิ่นโดยการกลั่น ต่อมาในยุคกลาง ศาสนาคริสต์ต้องใช้เครื่องดื่มมึนเมาประกอบพิธีทางศาสนา ทำให้ต้องคิดค้นสูตรน้ำหมักจากพืชพรรณธัญญาหารขึ้นมา และเชื่อกันว่ากรรมวิธีดังกล่าวมีที่มาจากประเทศไอร์แลนด์และสก็อตแลนด์เป็นหลัก ทำให้วิสกี้จากทั้งสองประเทศเป็นยอดชายในหมวดวิสกี้จากทั่วโลกที่ได้รับการยอมรับในความเข้มข้นละมุนละไม

HAIL TO THE GLASS OF WHISKY dooddot 3

TYPES OF WHISKY

อย่างที่บอก วิสกี้ถูกกลั่นมาจากธัญพืชหลายชนิดด้วยกัน โดยส่วนมากจะใช้ข้าวมอลต์ แต่ก็มีบ้างที่เป็นข้าวไรย์ ข้าวโพด หรือข้าวสาลี โดยวิสกี้จากแต่ละที่ แต่ละชนิด ก็มีปริมาณแอลกอฮอล์ และคุณภาพแตกต่างกันออกไป ซึ่งถูกแบ่งสรรเข้าหมวดได้ตามนี้

– Single Malt Whisky : วิสกี้ที่ใช้ข้าวมอลต์ 100% ผสมกับน้ำ กลั่นมาจากโรงกลั่นเดียวเท่านั้น ก่อนจะส่งไปให้โรงผสมวิสกี้จัดการต่อ รสสัมผัสที่ได้จึงค่อนข้างแจ่มชัด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

– Blended Malt Whisky : ส่วนผสมของวิสกี้ที่ใช้ข้าวมอลต์ชนิดเดียว แต่กลั่นจากหลายโรงกลั่น สังเกตได้จากฉลากแปะข้างขวดที่เขียนว่า Pure Malt หรือ Malt เฉยๆ ซึ่งจะบ่งบอกว่าวิสกี้ตัวนี้เป็น Blended Malt

– Blended Whisky : สำหรับวิสกี้ชนิดนี้จะผสมผสานวิสกี้หลายๆชนิด จากหลายๆโรงกลั่นเข้าด้วยกัน โดยเป็นหน้าที่ของโรงผสมวิสกี้ที่จะต้องหาจุดกึ่งกลางของรสชาติให้ได้ และจะนิยมใช้ชื่อแบรนด์ มากกว่าที่จะใช้ชื่อโรงกลั่นใดโรงกลั่นหนึ่งแปะหราหน้าขวด

– Cask Strength : วิสกี้ชนิดหายาก และมักจะเป็นวิสกี้ที่คัดสรรมาอย่างดีแล้วเพื่อบรรจุขวดในแบบนี้ เพราะเป็นวิสกี้บริสุทธิ์ บรรจุลงถังไม้ ไม่เจือปนอะไร รสชาติที่ได้เหมือนสวรรค์ของคอวิสกี้ตัวจริง

– Single Cask : นี่เป็นวิสกี้จากแต่ละถังไม้ที่บรรจุขวด แล้วแปะชื่อเฉพาะของถัง รวมถึงหมายเลขถัง และปีที่บ่ม ทำให้ได้รสจริงใจ ต่างจากวิสกี้ที่ผลิตในโรงผสมภายใต้ชื่อแบรนด์

A MAN IN A KILT HOLDS A GLASS OF WHISKY BEHIND HIS BACK. PIC: P.TOMKINS / VisitScotland / SCOTTISH VIEWPOINT Tel: +44 (0) 131 622 7174   E-Mail : info@scottishviewpoint.com Web: www.scottishviewpoint.com This photograph cannot be used without prior permission from Scottish Viewpoint.

DOES SCOTCH DO IT BEST?

ใครๆก็คิดว่าชาวสก็อตแลนด์บ่มวิสกี้ได้รสดีที่สุด ทำไมล่ะ? สก็อตวิกี้โดยส่วนมากจะใช้ข้าวมอลต์ผสมกับธัญพืชอื่นๆที่ให้กลิ่นหอมแตะจมูก ใช้การกลั่นสองครั้ง หรือมากกว่านั้น และต้องกลั่นในประเทศสก็อตแลนด์ โดยจะมีกำหนดอายุการบ่มในถังไม้โอ้คขั้นต่ำ 3 ปีขึ้นไป ทำให้ทุกขวดของวิสกี้จากประเทศนี้ ต้องระบุอายุที่น้อยที่สุดที่ผลิตวิสกี้ เพื่อการันตีความเก๋าของรสชาติ ส่วนถังไม้โอ้ค ก็ต้องเป็นถังไม้โอ้คยุโรป ซึ่งจะให้วิสกี้ที่สมบูรณ์แบบกว่า เนื่องจากไม้โอ้คจะมีรูพรุนตามกาลเวลา เมื่อวิสกี้เข้าไปแทรกซึมตามรูเหล่านั้น จะทำให้เกิดการรวมพลังระหว่างกลิ่นไม้โอ้คกับวิสกี้ รวมถึงรสชาติที่เข้ากันเป็นอย่างดี จนนักสะสมวิสกี้ยกให้เป็น Angel’s share หรือแปลง่ายๆว่า รสชาติเทพที่ยากจะลืมเลือน

WHAT ABOUT OTHER’S WHISKY?

ไม่ใช่แค่สก็อตแลนด์ที่มีวิสกี้ขั้นปรมาจารย์ เพราะที่อเมริกาก็มีวิสกี้รสชาติสวรรค์เหมือนกัน อย่าง Bourbon หรือเบอร์เบินที่ทำจากข้าวโพดอย่างน้อย 51% ทำให้ได้กลิ่นที่หอมหวาน และรสชาติที่ไม่แสบคอ ส่วนไอร์แลนด์ที่ร่วมสร้างวิสกี้มาด้วยกัน ก็ได้ชื่อว่ากลั่นวิสกี้ได้ดีติดอันดับโลก โดยจะใช้ธัญพืชอย่างข้าวบาร์เลย์เป็นหลัก และกลั่นในเครื่องกลั่นแบบ Pot still โดยมีวิสกี้ดังๆอย่าง Jameson ที่รสชาติดื่มเพลินลื่นคอ ในขณะที่ญี่ปุ่นก็นิยม Single malt whisky แบบสก็อตแลนด์ แต่ใช้วิธีกลั่นแบบไอร์แลนด์ มีแบรนด์ดังอย่าง Suntory (เห็นได้จากฉากหนึ่งในภาพยนตร์ Lost in Translation) และ Nikka ที่น่าจะถูกจริตคอวิสกี้ไทยไม่น้อยเหมือนกัน

HAIL TO THE GLASS OF WHISKY dooddot 5

DRINK IT LIKE A PRO!

มีนัดกับสาวสวย ลองสั่งวิสกี้มาดื่มหล่อๆ แล้วโชว์เก๋าด้วยการดื่มอย่างโปร รับรองว่านอกจากจะน่าประทับใจแล้ว บาร์เทนเดอร์จะต้องปรบมือ (ในใจ) ให้กับความทรงภูมิของคุณ

1. CHOOSE IT : เลือกแก้ววิสกี้แบบมือฉมัง ต้องเลือกแก้วทรงทิวลิป ซึ่งจะช่วยให้คุณจิบวิสกี้ได้อย่างคล่องมือ และได้กลิ่นที่ลอยมาแตะจมูกจากคอแก้ว หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็สามารถใช้แก้วแชมเปญจ์หรือแก้วไวน์ก็ได้ ดีกว่าแก้วคอสั้นๆแบบที่คนนิยมใช้กันในบาร์

2. POUR IT : เวลาจะรินวิสกี้ ให้รินปริมาณน้อยๆและรินอย่างช้าๆ ไม่ควรเกิน 1 ออนซ์ จากนั้นให้เขย่าแก้ววนๆ อย่างเบามือ เพื่อให้วิสกี้ฉาบภายในแก้วบางๆ ซึ่งจะได้อรรถรสการดื่มยิ่งขึ้นกว่าเดิม

3. SCENT IT : ดมวิสกี้ก่อนดื่ม โดยสูดกลิ่นวิสกี้จากปากแก้ว แล้วนำจมูกออกห่าง เพราะกลิ่นแรกที่แตะจะเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์หนักๆ แสบจมูก จากนั้นให้กลับมาดมอีกครั้ง คราวนี้จะได้กลิ่นวิสกี้เต็มๆ ใช้เวลาซัก 20-30 นาที เพื่อดมกลิ่นวิสกี้ให้ชัดขึ้น หลายคนจะได้กลิ่นไหม้ของมอลต์และบาร์เลย์ ได้กลิ่นผลไม้จางๆ ได้กลิ่นหวานจากส่วนผสมอื่นๆ อย่างวานิลลา หรือน้ำผึ้ง หรือกลิ่นไม้ที่มาจากถังไม้โอ้ค

4. SIP IT : จิบน้อยๆ ให้วิสกี้อยู่ที่ลิ้นแบบพอดีๆ กลั้วปากด้วยวิสกี้อีกหน่อย จะได้สัมผัสความนุ่มที่แตกต่างจากวิสกี้แต่ละตัว

5. ADD IT : นักดื่มวิสกี้ชี้แจงว่า การเติมน้ำลงในวิสกี้ในปริมาณที่พอเหมาะ คือราวๆ 1 ช้อนชา จะช่วยเจือจางแอลกอฮอล์ลงอีก 30% เพื่อให้ได้กลิ่นของส่วนผสมชั้นดีที่อาจจะถูกแอลกฮอฮอล์กลบไว้ อีกอย่าง การเจือจางจะช่วยให้นักดื่ม กลายสภาพจากเด็กน้อยไปเป็นผู้ชาย เพราะจะเข้าถึงประสบการณ์การดื่มที่เท่ขึ้นได้ โดยไม่ต้องเมาแอ๋ก่อนจบงาน

6. INDULGE IT : อย่าดื่มแบบกระโชกโฮกฮากเหมือนกระหายมาจากไหน แต่ให้ดื่มแบบใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป และชวนสาวข้างๆ ทดสอบกลิ่นวิสกี้ไปด้วยกัน เป็นไงล่ะ หล่อกว่าเดิมไปอีกเท่าตัว

WARNING!

เปิดวิสกี้ขวดแล้ว เก็บไว้ได้นานเท่าไหร่? กูรูบอกว่า ถ้าเปิดมาแล้วก็ต้องดื่มให้หมดภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี หรือเร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะอ็อกซิเจนจะไปทำลายคาแร็กเตอร์ของวิสกี้จนหมด และทำให้วิสกี้เปรี้ยวขึ้น เหมือนน้ำส้มสายชู ทางที่ดีจึงควรดื่มให้จบตั้งแต่เปิดขวด และดื่มอย่างมีความรับผิดชอบด้วยนะครับคุณๆ ทั้งหลาย เอ้า Cheers!

Writer: Natty Pongpiboonkiat
I
mages by http://lemoutonrouge.co.ukalphacoders.combusinessinsider.com
http://imgs.ntd.tv/http://www.independent.co.ukgawkerassets.com

RECOMMENDED CONTENT

5.มกราคม.2023

Skrillex ศิลปินชาวอเมริกันสาย Electronics Sound กลับมาอีกครั้งในรอบ 1 ปี พร้อมเพลงใหม่ 'Rumble' ที่ได้ดีเจและโปรดิวเซอร์ดาวรุ่ง Fred again.. และ MC Flowdan มาร่วมงาน