เพราะเรื่องดีๆไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในคืนวันศุกร์ เราจึงสนับสนุนให้ทุกคนออกไปท่องโลกกว้างในทุกโอกาสที่มีปาร์ตี้น่าสนใจ แต่เดี๋ยวก่อน อยากหล่อโปรแรงแบบนักดื่มรุ่นใหญ่ ต้องรู้จักรับมือชีวิตหลังแฮงก์ได้อย่างราชา โดยเฉพาะในคืนวันทำงานที่จัดหนัก แล้วอีกวันมีพรีเซนต์สำคัญกับลูกค้า ถ้าเบลอไปเปิดสไลด์ อาจจะสลบได้ ถ้าไม่ได้ฟื้นคืนชีพทันเวลา เราจึงต้องมีคู่มือสลายความแฮงก์ให้สิงห์นักดื่มที่ยังอยากคำรามดั่งจ้าวป่า พร้อมงัดร่างเยินๆออกมาประชุมอย่างมีสติครบ 100%
Know Your Hangover
เค้าบอกว่า อยากเอาชนะคู่ต้องสู้ ก็ต้องรู้จักคู่ต่อสู้ให้ดีเสียก่อน นี่ก็เหมือนกัน อยากหายแฮงก์โอเวอร์ ก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่ดื่มเข้าไป มีอานุภาพร้ายแรงขนาดไหน เพราะส่วนใหญ่อาการแฮงก์พัง จะมาจากการที่ร่างกายรับแอลกอฮอล์เข้ากระแสเลือดมากไป จนเกิดภาวะ dehydration ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดหลังจากเข้าห้องน้ำถี่ยิบ สังเกดูสิ หลังเข้าห้องน้ำบ่อย ไม่ว่าจะไปขับถ่ายรูปแบบไหน ตอนเดินกลับมา สมงสมองของคุณจะเริ่มเบลอ พร่ามัว ภาพตัด จำอะไรไม่ค่อยได้ ก็เพราะร่างกายดึงเอาน้ำจากทุกส่วนมาใช้ รวมถึงน้ำที่ต้องไปเลี้ยงสมองของคุณ
Going Black-Out
ในกลุ่มคนปาร์ตี้ฮาร์ดคอร์ อาการนี้คงคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นโมเม้นต์ที่คุณเกิดสภาวะภาพตัดฉับ! จำอะไรไม่ได้อีก เนื่องจากแอลกอฮอล์ได้เข้าไปขัดขวางตัวรับสัญญาณจากฮิปโปแคมปัสในสมอง มีผลต่อความทรงจำชั่วขณะ รวมถึงอารมณ์ที่จะพลุ่งพล่านรุนแรงเกินรับมือไหว ทำให้หลายคนอยู่ในสภาพที่ควบคุมไม่ได้ จนอาจจะแตะไปถึงจุดสูงสุดของความบ้าคลั่ง ก่อนที่ภาพจะตัดไป เหมือนแบตเตอรี่ตาย
Each Glass Does Matter
ผลการวิจัยจาก British Medical Journal บอกกับเราว่า อาการแฮงก์ที่เกิดจากแอลกอฮอล์ต่างชนิดกัน ก็ให้ผลลัพธ์รุนแรงต่างกัน ซึ่งมีตัวแปรสำคัญก็คือ Congener หรือสารเคมีที่เกิดระหว่างขั้นตอนการหมักบ่ม ยิ่งมีเยอะ ก็ยิ่งแฮงก์หนัก ยิ่งสีเข้มก็ยิ่งแฮงก์หนักมาก พูดง่ายๆ เครื่องดื่มที่มีสีใสๆอย่างรัมขาว ว้อดก้า หรือจิน จะทำให้ผู้ดื่มแฮงก์น้อยกว่า เว้นเสียแต่ว่าจะเอาไปมิกซ์กับเครื่องดื่มแรงๆ ส่วนคอวิสกี้ ไวน์แดง และบรั่นดี กลุ่มนี้ถือว่าต้องยอมศิโรราบให้ เพราะดื่มเข้ม ก็แฮงก์หนักตามระเบียบไป อย่างที่หลายคนเคยบอกว่าไวน์แดงขวดเดียว หลับสบ๊าย แต่ตื่นมารับกรรมก้อนใหญ่ เพราะจำอะไรไม่ได้อีกเลย
Fighter for Hangover
เชื่อมั้ย? แต่ละประเทศก็มีตำราการแก้แฮงก์แบบอยู่หมัด ไม่ซ้ำกัน อย่างที่เม็กซิโกจะซัดกุ้งเข้าไปหนักๆ เพื่อปลดปล่อยอาการแฮงก์แรง หรือชาวญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องการดื่ม จะกินบ๊วยดองแก้แฮงก์ ในขณะที่หนุ่มอเมริกันเลือกจิบกาแฟ ยิ่งแรงยิ่งตื่นตัว แล้ววิธีไหนแก้แฮงก์ได้เวิคที่สุดล่ะ
– จังซี่ต้องถอน : ไม่อยากจะเชื่อวาการถอนช่วยแก้แฮงก์ได้จริง และไม่ใช่มีแค่ในไทยที่ชอบพูดแบบนี้ตอนแฮงก์ เพราะที่เมืองนอกก็ทำ! โดยเรียกกันว่าเทคนิค Hair of the Dog คือการดื่มซ้ำย้ำเข้าไปตอนเช้าอีกวัน เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวชั่วคราว จนลืมว่าเมื่อคืนยับแค่ไหน แต่ไม่ใช่วิธีที่แก้จากต้นเหตุนะ ถ้าใครเยินจนซ่อมร่างแทบไม่ได้ อาจจะทำให้ยิ่งพังกว่าเดิม
– วิตามินบีหนักๆ : B* Better Have My Money เพราะในที่นี่ร่างกายต้องการวิตามินบีมาช่วยประกอบร่าง อย่างวิตามินบี 1 และ 6 ที่มีคุณสมบัติในการเยียวยาระบบประสาท ซึ่งหายไปเยอะในช่วงเมาหนัก ก็ต้องจัดหนักเข้าไปทดแทน อย่าง Berocca 1 เม็ดใส่น้ำหนึ่งแก้ว ชะงัดดีเหมือนกัน
– กับแกล้มหนักมาก : ถ้ารู้ตัวว่าพรุ่งนี้มีนัดสำคัญ แบบที่ให้ตายก็ต้องตื่นขึ้นมา ก่อนดื่มควรกินข้าวปลาอาหารให้อิ่ม และพักจากแอลกอฮอลล์ไปกินกลับแกล้มบ้าง อย่างน้อยก็ไม่ทรมานตอนตื่นนอนเกินไป
– เครื่องดื่มเกลือแร่ : อย่าง Gatorade แบบน้ำตาลน้อย ดื่มพรวดเข้าไปตอนตื่นเช้า อย่างน้อยก็ช่วยลดอาการบวมของร่างกาย และอาการขาดน้ำได้ ไม่ปลิดทิ้ง แต่พอไหวอยู่
กล้วยหอม : ครับ ไม่ต้องเป็นมินเนียนก็ร้องหา Bananaa! ได้ โดยเฉพาะในเช้าที่สภาพคุณไม่ต่างอะไรกับมินน่วม เพราะกล้วยหอมมีโปแตสเซียมสูง ช่วยบรรเทาความเยินของร่างกายหลังแฮงก์ ยิ่งถ้าแฮงก์แบบอาเจียนหนัก ยิ่งต้องจัดไปเลย
อย่ากินไก่ทอด! : ไม่รู้ทำไม ดื่มเสร็จต้องกินไก่ทอดก่อนกลับบ้าน ทั้งที่ช่วงเวลานั้นก็จำความอร่อยแทบไม่ไหวแล้ว ซึ่งนอกจากไก่ทอด สิ่งที่ไม่ควรกินก็คือบรรดาของทอดๆมันๆ เพราะน้ำมันจะยิ่งไทำให้คุณผะอืดผะอม พร้อมตื่นมาแบบอยากอ้วกตลอดเวลา ไม่น่าจะปฏิสัมพันธ์กับคนที่ทำงานได้
ผสมเครื่องดื่ม แฮงก์หนักจริงดิ?
มีคำเล่าลือกันว่า ดื่มช็อตไม่แฮงก์เท่าดื่มผสม อย่างพวกค็อกเทลที่จับคู่แอลกอฮอลล์แรงๆ เพราะถือเป็นแมทช์วัดใจ แต่จริงๆแล้ว ตามหลักวิทยาศาสตร์ การผสมเครื่องดื่มไม่มีผลกับอาการแฮงก์แต่อย่างใด เพราะถ้าเจอช็อตวิสกี้เพียวๆ ซัก 3 ช้อตค็อกเทลสาวๆที่ว่าแน่ก็สู้ไม่ได้ มีตายกลางอากาศแน่นอน
Writer: Natty Pongpiboonkiat
RECOMMENDED CONTENT
เพลงนี้เล่าถึงแรงเสียดทานในชีวิตที่ทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดบนโลกก็ล้วนแล้วแต่ต้องพบเจอแรงเสียดทานนี้ ที่เกิดขึ้นจากการกดทับโดยบริบททางสังคม วัฒนธรรม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันในแบบต่าง ๆ ที่คนคนหนึ่งต้องเจอ เพราะถึงแม้จะนับ 1 ถึง 100 เพื่อที่จะทำให้ตัวเองสงบใจ แต่สุดท้ายวันหนึ่งสิ่งนี้มันก็อาจจะเกินกว่าที่จะทนไหว และปลดปล่อยความรู้สึกที่ถูกเก็บไว้ออกมาก็เป็นได้