เมื่อ Hermès Birkin กระเป๋าหลักแสนหรือบางใบถึงหลักล้านที่หญิงสาวทั่วโลกเฝ้าถวิลหากลายเป็นของควรค่าแก่การลงทุน นักชำนาญการหลากวงการต่างเห็นพ้องต้องกันว่า กระเป๋า Birkin ให้ผลกำไรที่มากกว่าและคุ้มค่ากว่าการเก็งกำไรรูปแบบอื่นทั้งปวง แม้แต่ทองหรือหุ้น S&P 500 ก็สู้ซื้อกระเป๋า Hermès Birkin ไม่ได้!
เมื่อปีที่แล้วหลายคนอาจได้ยินข่าวที่ Jane Birkin เจ้าของนามสกุลที่เป็นชื่อของกระเป๋าออกมาเรียกร้องให้ Hermès ถอดถอนสกุลตัวเองออกจากกระเป๋าเนื่องจากรับไม่ได้กับการทารุณกรรมจระเข้เพื่อให้ได้มาซึ่งหนังที่สมบูรณ์ที่สุด ข่าวนี้ดูจะเป็นภัยต่อวงการกระเป๋าอยู่พอสมควร แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะเมื่อ Hermès ออกมาเคลียร์ว่าทางแบรนด์ไม่ได้มีการใช้วิธีอันตรายใดๆ กับจระเข้ ทุกคนในโลกรวมทั้ง Jane Birkin ก็ดูจะยอมรับแต่โดยดี ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างแรกเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนก็ยังพร้อมที่จะเทิดทูน Hermès ไว้บนหิ้งเสมอ
หลังเหตุการณ์นั้นผ่านไป ราคาของ Hermès Birkin ก็ไม่มีทีท่าว่าจะถูกกระทบกระเทือนแต่อย่างใด หลายฝ่ายรวมถึงนักบัญชีตัวยงและเว็บไซต์ศูนย์กลางการขายกระเป๋าแบรนด์เนมทั้งหลายจึงย้อนกลับไปดูประวัติของเจ้ากระเป๋าใบนี้แล้วก็พบข้อมูลที่น่าตกใจ 35 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่วินาทีที่คุณ Hermès เอาความเห็นของ Jane Birkin ที่ต้องการช่องใส่ของในกระเป๋า หลังพบกันโดยบังเอิญบนเครื่องบิน ไปเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ราคาของกระเป๋า Hermès Birkin ก็ไม่เคยตกลงแม้แต่น้อยไม่ว่าเศรษฐกิจในช่วงนั้นหรือช่วงไหนจะเป็นอย่างไร ราคากระเป๋าพุ่งสูงขึ้นมาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้ได้สูงขึ้นถึง 500 เปอร์เซ็นแล้ว
บทวิเคราะห์ชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่า ระหว่างปี 1980 ถึง 2015 ผลกำไรของทองในแต่ละปีจะสูงขึ้นประมาณ 1.9 เปอร์เซ็น ในขณะที่หุ้นจะสูงขึ้นราวๆ 8.65 เปอร์เซ็น แต่สำหรับ Hermès Birkin นั้นมีตัวเลขที่โดดกว่าอย่างขาดลอย โดยราคาของ Hermès Birkin จะสูงขึ้นประมาณ 14.2 เปอร์เซ็นต่อปี ซึ่งนอกจากจะให้ผลกำไรที่สูงกว่าการลงทุนอื่นๆ แล้ว มูลค่าของกระเป๋าก็ไม่เคยผันผวนขึ้นๆ ลงๆ ให้ใจแป้วหรือดีใจกันระยะสั้นๆ และคาดกันว่าตัวเลขจะสูงขึ้นเป็นสองเท่าในสิบปีข้างหน้า
Hermès Birkin หนังจระเข้สีชมพูถูกประมูลไปในราคาถึง 156,000 ปอนด์ และก่อนหน้านั้น Hermès Birkin รุ่น Himalaya ประดับเพชร ก็ถูกประมูลไปในราคาถึง 129,000 ปอนด์เช่นกัน ทั้งๆ ที่ราคาเริ่มต้นของกระเป๋า Hermès Birkin อยู่ราวๆ 9,000 ปอนด์เท่านั้น แต่ตอนนี้ราคาของกระเป๋า Hermès Birkin สีดำเรียบๆ ก็ทะยานไปถึง 26,000 เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งนี่เป็นเพียงราคาของกระเป๋ามือหนึ่งที่ซื้อจากทางบูธีคเท่านั้น คิดดูว่าราคาของกระเป๋ามือสองที่นำมาขายทอดตลาดกันจะสูงขนาดไหน
Hermès Birkin มีมูลค่าและคุณค่าสูงเพียงนี้ ก็ด้วย ‘คุณภาพ’ เพราะ Hermès เป็นแบรนด์หรูเพียงแบรนด์เดียวที่ยังคงสร้างสรรค์ทุกอย่างด้วยมือ ไม่ได้ทำด้วยเครื่องจักร และใช้หนังสัตว์ที่มีคุณภาพดีที่สุดเท่านั้น กระเป๋าแต่ละใบจึงถูกรังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของช่างฝีมือเก่าแก่ในฝรั่งเศส โดยแผ่นหนังแต่ละชิ้นจะใช้เวลาประกอบกันกว่า 18 ชั่วโมง ส่วนรุ่นประดับเพชรหรือแฟนซีหน่อยก็จะใช้เวลามากกว่านั้น นอกจากนี้ Hermès ยังมีนโยบายรับซ่อมตลอดอายุการใช้งาน ทำให้กระเป๋าใบหนึ่งๆ มีระยะเวลาในการใช้งานที่ยาวนาน สามารถส่งต่อให้รุ่นลูกหลานได้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการหายาก Hermès จะจำกัดการผลิตไว้เพียงไม่กี่ใบต่อปี โดยบางคนต้องต่อคิวลงชื่อขอซื้อกันถึง 6 ปี ความต้องการจะล้นตลาดตามกฎอุปสงค์-อุปทาน ซึ่งยิ่งเอื้อต่อการเพิ่มมูลค่าของกระเป๋าขึ้นไปอีก!
Hermès Birkin คือตัวอย่างชั้นเยี่ยมในการนิยามถึง Ultra Luxury Brand เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะย่ำแย่เพียงใด พวก Hermès ก็ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น แม้พวกแบรนด์อื่นหรือแม้แต่หุ้นจะตกระเนระนาดไปหมดแล้วก็ตาม สำหรับท่านไหนที่กำลังมองหาการลงทุนที่คุ้มค่า ลองนำ Hermès Birkin ไว้ไปพิจารณา เพราะมีแต่คุ้มกับคุ้มจริงๆ!
Writer: jt.
RECOMMENDED CONTENT
“MALEE” เดินหน้าพลิกโฉมภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์ผลไม้กระป๋องให้มีความทันสมัย หลังได้รับความสำเร็จจากการเปิดตัวผลไม้กระป๋องสูตรหวานน้อยลงกว่าสูตรปกติ 40% แคลอรี่ต่ำ และปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าสูตรปกติประมาณ 35% ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนทำงาน ประชาชนทั่วไป ทุกเพศทุกวัย