Afternoon tea คือที่สุดแห่งไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ที่สุดของโลก สะท้อนวิถีเรื่องราว การใช้ชีวิตของชาวตะวันออกและชาวตะวันตกที่คัดสรรใบชารสเลิศสู่การจับคู่ของว่างและขนมนานาชนิดจนเกิดเป็นเซตเมนูยามบ่าย (Afternoon tea set) เปรียบดังสะพานระหว่างมื้ออาหารที่ผสานวัตถุดิบและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของแต่ละชนชาติจนก่อเกิดเป็นอัตลักษณ์เด่น โดย
ย่านราชประสงค์ ในฐานะศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ครบวงจรใจกลางของกรุงเทพฯ ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ ผู้สนับสนุนกิจกรรมด้านความบันเทิงและไลฟ์สไตล์ระดับพรี่เมี่ยม และ 8 Tea Room จากโรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ และศูนย์การค้าภายในย่านฯ ได้แก่
1. โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ
2. โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์
3. โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ
4. โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล กรุงเทพ
5. โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์
6. โรงแรมเดอะ เซนต์ รีจิส กรุงเทพฯ
7. 1823 ทีเลานจ์ บาย รอนเนอเฟลด์
และ 8. ทไวนิงส์ ที บูทีค
หยิบยกเสน่ห์แห่งรสนิยมของอารยธรรมการดื่มน้ำชาจากหลากหลายประเทศมาเสิร์ฟความรื่นรมย์ท่ามกลางบรรยากาศฤดูร้อน กับเทศกาล ไฮ ที จูบิลี่ แอท ราชประสงค์ (High Tea Jubilee @ Ratchaprasong) ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ภายใต้คอนเซ็ปต์ Summer Tea Party ให้คุณได้ดับร้อนไปกับชุดชายามบ่ายหลากหลายสไตล์เคียงคู่กับเมนูขนมหวานที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน เสิร์ฟพร้อมเมนูคาว-หวาน และซิกเนเจอร์เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟ รังสรรค์โดยสุดยอดเพสตรี้เชฟและทีมาสเตอร์ที่คิดค้นสูตรผ่านการผสานแรงบันดาลใจโดยนำวัฒนธรรมการดื่มชาของชนชั้นสูงจากประเทศต่างๆ อาทิ ไทย อังกฤษ ฝรั่งเศส โมร็อกโก และจีน เป็นต้น พร้อมให้ลิ้มลองรสชาติแห่งความสมบูรณ์แบบแล้วตั้งแต่วันนี้ถึง 30 เมษายน 2560
สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ส่วนลดสูงสุด 20% สำหรับ Signature High Tea เพื่อลิ้มลองสุดยอดรสนิยมการดื่มชายามบ่าย หรือเลือกดื่มด่ำกับเครื่องดื่มชาและขนมจากร้านอาหารชื่อดังภายในย่านฯ พร้อมรับส่วนลด 5-15% อาทิ “The Mandarin Oriental Shop, Tea Lounge, Kuppadeli, CC Café, Camelot, Chaho, Crepes & Co, Harajuku Café Crepes, Ampersand Boutique, Emack & Bolio’s, Gelate, Mr.Jones เป็นต้น ที่จัดขึ้นพิเศษเฉพาะช่วงเทศกาลเท่านั้น สามารถดูรายละเอียดแคมเปญหรือโปรโมชั่นต่างๆ ได้ที่ www.bkkbowntown.com หรือ www.facebook.com/HeartOfBangkok
RECOMMENDED CONTENT
“โรคร้ายไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว” เพราะโรคร้ายไม่ได้ทำร้ายแค่ผู้ป่วยเพียงคนเดียว แต่ยังมีคนในครอบครัวและคนอีกหลายคนที่ต้องเจ็บปวดและได้รับผลกระทบเช่นกัน การช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษานั้น เท่ากับเราได้ช่วยเหลือคนมากกว่าหนึ่งคน