ลิปสติก ไอเทมเสริมสวยที่สาวๆมักต้องมีไว้เป็นเหมือนอาวุธคู่กายมากกว่า 1 แท่งขึ้นไป แต่น้อยคนนักจะรู้ว่าลิปสติก มีเรื่องราวเบื้องหลังที่น่าสนใจมากกว่าที่คิด
ลิปสติกกับประวัติศาสตร์
ต้นกำเนิดของลิปสติกอาจย้อนไกลไปได้สมัยสุเมเรียน หรือว่า 5,000 ปีที่แล้วเลยทีเดียวโดยสมัยก่อนนั้นเกิดจากการนำอัญมณีมาบดแล้วนำมาตกแต่งที่ใบหน้า โดยเฉพาะรอบดวงตาและปาก หลังจากนั้นมีการพัฒนาขึ้นด้วยการใช้สีตามธรรมชาติมาทาตกแต่ง
ในสมัยก่อนมีความเชื่อว่าหญิงที่ทาปาก อาจเป็นแม่มดเพราะใช้เป็นเครื่องมือยั่วชาย จนมียุคหนึ่งที่ใครแต่งหน้าจะโดนมองว่าเป็นสาวที่ไม่ดี อย่างไรก็ตามบางยุคบางสมัย การทาลิปสติกเป็นการบ่งบอกชนชั้นและฐานะ ผู้ชายก็นิยมทาปากด้วยเช่นกัน George Washington ประธานาธิบดีคนแรกของสหรัฐอเมริกาก็ทาปากและแต่งหน้าใส่วิก ตามเครื่องแบบในสมัยนั้น
Elizabeth Taylor และ Marilyn Monroe สองแฟชั่นไอคอนในตำนาน ผู้นำในการทาลิปสติกในหมู่สาวๆในช่วงยุค 1950s
Queen Elizabeth II กับลิปสติกสีแดงที่สั่งทำขึ้นพิเศษจากแบรนด์ Clarins ชื่อว่า ‘The Balmoral Lipstick’
ความเชื่อเรื่องลิปสติกเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เริ่มตั้งแต่ยุค 1930s ที่นักธุรกิจหญิง Elizabeth Arden เจ้าของบริษัท Elizabeth Arden, Inc เป็นผู้นำเทรนด์ทำลิปสติกให้มีสีสันหลายเฉดสีมากขึ้น นำออกมาขายในท้องตลาด แต่ยุคนั้นยังมีความเชื่อว่าคนที่แต่งหน้าคือสาวงามเมือง ทำให้เด็กสาวถูกห้ามไม่ให้แต่งหน้า แต่ความเชื่อนี้ก็มะลายไปในยุค 1950s มีนักแสดงฮอลลีวู้ดอย่าง Marilyn Monroe และ Elizabeth Taylor เป็นผู้นำในการทาลิปสติก โดยเฉพาะ Elizabeth Taylor ที่คลั่งไคล้การทาปากสีแดงมาก ที่ในยุคนั้นเมาท์กันว่าเธอถึงกับสั่งห้ามไม่ให้นักแสดงคนอื่นที่แสดงหนังเรื่องเดียวกับเธอทาปากสีนี้ ยกเว้นเธอคนเดียว!
ด้าน Queen Elizabeth II เมื่อครั้งที่ทรงเสด็จขึ้นครองราชย์ในปี 1952 พระองค์ก็ทรงมีลิปสติกที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษโดยเฉพาะ ชื่อว่า ‘The Balmoral Lipstick’ ที่เป็นเฉดสีเดียวกับผ้าคลุมสีแดงของพระองค์
ลิปสติก มีแค่ 3 แท่งก็เกินพอ
อย่าไปเชื่อเวลาผู้ชายบอกว่าไม่ชอบผู้หญิงแต่งหน้า หรือไม่ชอบผู้หญิงทาลิปสติก จงมั่นใจและเติมสีสันให้กับเรียวปากสวยตามสไตล์ของคุณได้เลย แต่ถ้าอยากดูฮ็อตในสายตาผู้ชายล่ะก็ มีแค่ลิปสติกแค่ 3 เฉดสีก็เกินพอ ได้แก่ สีชมพู Light pink สีส้ม Coral และสีแดง Wine Red เพราะ 3 สีนี้เข้าได้กับโทนสีผิวทุกสี อย่างสีชมพู Light pink นั้นเหมาะกับเวลาที่อยากดูแบ๊วๆ หรือแต่งหน้าสไตล์ธรรมชาติ เห็นแล้วสวยสบายตา ส่วนสีส้ม Coral เหมาะสำหรับเวลาอยากเติมความเปรี้ยวให้กับใบหน้าขึ้นอีกนิด เพราะหนุ่มๆบอกว่าสีนี้ทำให้สาวๆดูขี้เล่น และเข้าถึงง่าย ส่วนสีแดง Wine Red เป็นสีที่ดูยั่วยวนที่สุด และเซ็กซี่ ดูมีราคา ทำให้สาวๆดูโดดเด่นและยังดูสุภาพไปพร้อมๆกัน
Kristen Stewart และ Drew Barrymore กับลุคลิปสติกเฉดสี Light Pink สุดอ่อนหวาน
อยากได้ลุค glow เปล่งปลั่ง สุขภาพดี แบบสองสาว Jennifer Lopez และ Kate Bosworth ลิปสติกสีส้ม Coral ช่วยได้
ลิปสติกเฉดสีแดง Wine Red ทาแล้วไม่ทำให้ผิดหวัง สร้างลุคสุด glam ให้สาวๆดูสวยสะดุดตาได้เสมอ ดั่งเช่นสาว Keira Knightley และ Emma Stone ทางด้านบน
ลิปกลอส มีไว้สำหรับสาวน้อย
แม้ว่าสาวๆ จะชอบลิปกลอส เพราะทาแล้วดูแวววาว ฟรุ้งฟริ้งอวดริมฝีปากฉ่ำ แต่บอกเลยว่า ผู้ชายหลายคนไม่ชอบเวลาสาวๆทาลิปกลอส พวกเขาเกลียดความมันฉ่ำเยิ้มของมัน รวมถึงประเภทมีกลิตเตอร์ด้วน ถ้าทาให้ดูว่าน่ารักเฉยๆน่ะพอได้ แต่พวกเขาคิดว่า ลิปกลอสเป็นสิ่งที่ควรใช้สำหรับเด็กสาวเท่านั้น ไม่เหมาะกับผู้หญิงที่โตแล้ว ดังนั้นถ้าวันไหนคุณอยากเป็นสาวเซ็กซี่ เตรียมเผด็จศึกขึ้นมา ก็จงทาลิปสติกเถอะนะ
ลิปสติกสีเจิด ไม่เกิดในสายตาผู้ชาย
สีแดง คือสีที่นิยมสำหรับสาวๆ และเป็นที่เตะตามากที่สุด แต่ผู้ชายหลายคนก็ไม่ชอบสาวปากแดง เพราะพวกเขาคิดว่าดูเรียกร้องความสนใจมากเกินไป และทำให้พวกเขานึกถึงตัวตลกโบโซ่ แต่ถ้าสีแดงนั้นออกโทนเข้มไม่แดงแจ๊ด เขาจะมองพวกเธอใหม่ว่าเธอดูน่าค้นหา ส่วนสีเปรี้ยวปรี๊ด อย่างช็อคกิ้งพิงค์ สีม่วง สีน้ำตาล หรือดำ นั้นเก็บไว้เฉพาะงานปาร์ตี้คอสเพลย์หรืองานแฟนซีก็พอ เพราะผู้ชายส่วนใหญ่บอกว่าเห็นแล้วไม่กล้าจูบ!
Writer: PUMPUI
RECOMMENDED CONTENT
ภายในงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟซึ่งจัดขึ้นที่กลาสเฮาส์ (Glass House) ในมหานครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อูโบลท์ (Hublot) และ ทาคาชิ มุราคามิ (Takashi Murakami) ได้ประกาศโปรเจกต์สร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมกันเป็นครั้งที่ 4 ด้วยการเปิดตัวผลงานศิลปะดิจิทัล NFT ใหม่ 13 ชิ้น พร้อมด้วยนาฬิกาที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร 13 เรือน