fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

#EAT | แจกโพย Hong Kong Bar Hopping : 8 บาร์ติดทำเนียบ Asia’s 50 Best Bars 2023 ปักหมุดไว้ไปนั่งชิล
date : 8.สิงหาคม.2023 tag :

ฮ่องกงถือเป็นสวรรค์สำหรับคนรักอาหารและเครื่องดื่มอย่างไม่ต้องสงสัย แต่คราวนี้พ่วงรางวัลการันตีตำแหน่งขวัญใจสายดื่ม สายชิล  สายบาร์ฮ็อปกันไปเลยแบบไร้ข้อกังขา กับผลการตัดสินจากงานประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Bars 2023 ที่มีความน่าเชื่อถือและเลื่องชื่อที่สุดในภูมิภาค โดยนอกจาก COA จะได้เป็นบาร์อันดับหนึ่งแล้ว เป็นอีกครั้งที่ Asia’s 50 Best Bars มองเห็นถึงความยอดเยี่ยมของบาร์ระดับโลกในฮ่องกง โดยบาร์ท้องถิ่นรวม 8 แห่งได้ติดอันดับของปี 2023 ดังนี้ ARGO (อันดับ 8) DarkSide (อันดับ 9) The Aubrey (อันดับ 17) Penicillin (อันดับ 26) และ Quinary (อันดับ 31) ซึ่งเคยได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในบาร์ยอดเยี่ยมที่สุดของเอเชีย The Old Man (อันดับ 47) ซึ่งกลับมาติดโผอีกครั้งหลังจากที่หายไปหนึ่งปี มาพร้อมกับอีกหนึ่งรายชื่อใหม่ Mostly Harmless (อันดับ 33) ที่เพิ่งติดอันดับปีนี้เป็นครั้งแรก นับเป็นสิ่งชี้ชัดถึงการไม่เคยหยุดนิ่งของวงการบาร์ในฮ่องกง

1.       COA (อันดับ 1)

ถือเป็นชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ของอุตสาหกรรมบาร์และค็อกเทลฮ่องกง ที่ COA สามารถคว้ารางวัลอันดับหนึ่งจาก Asia’s 50 Best Bars ติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อน โดย COA เป็นผู้บุกเบิกในการนำ Mezcal และ Tequila สุรากลั่นจากว่านหางจระเข้หรืออากาเว่มารังสรรค์เมนู ซึ่งสอดคล้องกับชื่อของร้านอย่าง COA ที่มาจากชื่อจอบพิเศษสำหรับเก็บเกี่ยวว่านหางจระเข้นั่นเอง   พร้อมนำเสนอเอกลักษณ์อันโดดเด่น คือการผสมเครื่องดื่มด้วยกรรมวิธีและส่วนผสมที่ไม่ซับซ้อน เพื่อคงรสธรรมชาติของวัตถุดิบในแต่ละแก้วไว้ ซึ่งสามารถสร้างความประทับใจได้ในทุกจิบ

เมนูแนะนำ: BLOODY “BEEF” MARIA (SPICY) เป็นการดัดแปลง Bloody Mary ด้วยการชูรสมะเขือเทศที่ผสานความเผ็ดบางๆ เกาะเกี่ยวมากับรสชาติเหล้ากลั่นแบบ Mezcal ที่เป็นมิตรและชวนจิบต่อได้อย่างเพลินอารมณ์

2.       ARGO (อันดับ 8)

ARGO บาร์ของโรงแรม Four Seasons Hotel Hong Kong พร้อมพ่วงรางวัลอันดับที่ 28 ของ  The World’s 50 Best Bars 2022 ซึ่งการันตีได้เลยว่าบาร์แห่งนี้ต้องไม่ใช่บาร์ทั่วไปในโรงแรมแน่นอน เมื่อก้าวเข้ามาจะพบกับ Bar Station ที่เสมือนประภาคารขนาดใหญ่ ตกแต่งด้วยช่องสำหรับวางขวดเครื่องดื่มหายากเปรียบเสมือนตู้ขุมทรัพย์สีทอง ซึ่งชื่อและการตกแต่งได้แรงบันดาลใจจากนิยายกรีก Jason and the Argonauts เรื่องราวการล่องเรือเพื่อออกตามหาขนแกะทองคำในตำนาน

บาร์แห่งนี้หยิบเอาวัตถุดิบชั้นสูงมารังสรรค์ด้วยเทคนิคใหม่ๆ โดยไม่ทำลายรสชาติดั้งเดิม พร้อมนำเสนอเมนูที่ครีเอตใหม่ทุกปี ล่าสุดนำเสนอคอนเซ็ปต์ Cook Book ที่ได้แรงบันดาลใจจากการทำอาหารของฮ่องกงแบบดั้งเดิม ที่หยิบเอา ถั่วเหลือง, ซอสเอ็กซ์โอ, ซอสหมูแดงฮ่องกง, ชาหมัก และอีกมากมายซึ่งเป็นตัวแทนของอาหารฮ่องกงมาใช้เป็นส่วนผสม

เมนูแนะนำ: MAGIC BEAN เป็นเมนู Classic Twist ที่ผสมผสานระหว่าง Gimlet กับ Bloody Mary มีถั่วเหลืองเป็นวัตถุดิบหลักที่ให้ทั้งความเข้ม ซาบซ่าน กับความสดชื่นนัวๆ แบบนมถั่ว กลมกล่อม จิบได้อย่างเพลิดเพลิน

3.     DarkSide (อันดับ 9)

DarkSide บาร์ที่ตั้งอยู่ในโรงแรม Rosewood Hong Kong โดยชื่อ DarkSide มาจากพื้นที่ตั้งเดิมของโรงแรมแห่งนี้เคยเป็น Darkside ของฝั่งเกาลูน ทางบาร์จึงต่อยอดจากคอนเซ็ปต์ด้านมืด (Darkside) สู่ทุกองค์ประกอบของบาร์

สำหรับ Signature Cocktail ชุดใหม่ได้แก่ “The Art of Mahjong” ที่ผสมผสานวัฒนธรรมของไพ่นกกระจอก (Mahjong) เกมท้องถิ่นในชุมชน ที่มีกุศโลบายดึงให้คนมารวมตัวสังสรรค์เป็นเวลานาน ประกอบด้วยผู้เล่น 4 คน (8 มือ) มารังสรรค์เป็นเครื่องดื่ม 8 เมนู ได้แก่ Spring, Summer, Autumn, Winter, Plum, Orchid, Chrysanthemum, Bamboo โดยเมนูที่ 1- 4 เป็นเครื่องดื่มที่ต่อยอดจากฤดูกาล และ 5-8 พัฒนามาจากวัตถุดิบตามฤดูกาล หรือ Four Gentlemen พร้อมกิมมิคการออกแบบลายบนไพ่นกกระจอกเป็นสัญลักษณ์แห่งฤดูกาลและวัตถุดิบ เรียงลำดับจาก 1-8 เพื่อให้ลูกค้าทอยลูกเต๋าเสี่ยงทายหากเลือกเมนูไม่ได้

4.       The Aubrey (อันดับ 17)

The Aubrey ในโรงแรม Mandarin Oriental Hotel อีกหนึ่งบาร์ตัวจี๊ดในฮ่องกง โดย The Aubrey เป็นทั้งร้านอาหารและบาร์ ที่นำ Japanese Taste Culture มาต่อยอดอย่างวัฒนธรรมอิซากายะแบบญี่ปุ่น นักดื่มจะได้ตื่นตาตื่นใจกับเฟอร์นิเจอร์แนววินเทจสุดหรู ที่ผสมผสานศิลปะญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 19 และศิลปะยุโรปเข้าไว้อย่างลงตัว

เครื่องดื่มของที่นี่ให้ความสำคัญกับส่วนผสมหลักที่เป็นเหล้าจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นJapanese Whiskey, Awamori Liquor หรือ Shochu มาครีเอต Classic Cocktail ที่หลายคนคุ้นลิ้น รวมถึง Japanese Highball เครื่องดื่มสไตล์สุราที่ผสมกับมิกเซอร์ที่ไม่มีแอลกอฮอล์ พร้อมนำเสนอรสชาติโดดเด่นเฉพาะตัวของแต่ละภูมิภาคในญี่ปุ่น ที่ต่อยอดมาเป็น Signature Drink ของที่นี่ อย่าง “True to the Roots – Shochu and Awamori” ที่เลือกใช้เหล้าจากแต่ละภูมิภาคซึ่งให้รสชาติที่แตกต่างกันไป

เมนูแนะนำ: TORII แน่นอนว่าแก้วนี้คือ Negroni Twist ที่เพิ่มเสน่ห์ด้วยความหอมหวานจากPotato Shochu เป็นเนโกรนี่สไตล์ญี่ปุ่น ที่ละมุนละไมและดื่มง่ายกว่าที่เคย

5.       Penicillin (อันดับ 26)

Penicillin บาร์ที่มีอุดมการณ์แน่วแน่ในการเป็น Closed-Loop Bar แห่งแรกของฮ่องกง โดยมุ่งมั่นลดขยะในธุรกิจบาร์ให้เป็นศูนย์ ทีมงานต่างมุ่งมั่นพัฒนา ทดลอง และคิดค้นวิธีการใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อให้สามารถนำสิ่งต่างๆ มาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ และลดขยะให้เหลือน้อยที่สุด อาทิ เมื่อคั้นน้ำเลมอนแล้ว ส่วนเนื้อ เมล็ด และผิวที่เหลือจะถูกแยกออกเพื่อผลิตเป็น ไวน์เลมอนอัดฟอง บางส่วนนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นเครื่องปรุงค็อกเทล จนคว้ารางวัล Sustainable Bar Award ในปี 2021 มาครองนอกจากนั้นทางบาร์ยังพยายามรวบรวมร้านรวงต่างๆ ในชุมชน มาร่วมมือกันลดขยะ เช่น การเก็บเปลือกหอยนางรมจากร้านอาหารทะเลใกล้ๆ มากลั่นด้วยวิสกี้สำหรับทิงเจอร์ค็อกเทล หรือนำผลอะโวคาโดจากร้านอาหารเม็กซิกันมาทำก้อนน้ำแข็ง ทั้งหมดนี้มาจากแนวคิดของ Penicillin ที่ต้องการเคารพธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด จึงไม่หยุดสร้างสรรค์วิธีใหม่ๆ เพื่อลดการสร้างขยะออกสู่สิ่งแวดล้อมมาโดยตลอด

6.       Quinary (อันดับ 31)

Quinary โดดเด่นด้วยเครื่องดื่มที่ผ่านการออกแบบรสชาติที่จะช่วยกระตุ้นประสาทการรับรสในทุกๆ แก้ว โดยให้ความสำคัญกับ  Classic Cocktail หลายเมนู โดยเฉพาะ Signature Drink ล่าสุดในคอนเซ็ปต์ The Timeless Imagination ที่ยังคงนำเสนอผ่านเทคนิคการผสมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Quinary ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และการใช้อุปกรณ์จากห้องแล็ปมาผสมผสานรสชาติที่ไม่เคยเจอกัน จนเกิดเป็นเครื่องดื่มที่น่าค้นหา เช่น การนำจินไปซูวีดกับหอยนางรม, วอดก้าผสมกับงา, เหล้ารัมกับน้ำเชื่อม, ดอกชบาและพริกไทย, เตกีล่ากับน้ำส้มสายชูหอมแดง

7.       Mostly Harmless (อันดับ 33)

Mostly Harmless บาร์น้องใหม่ที่สามารถคว้ารางวัลอันดับที่ 33 ของ Asia’s 50 Best Bars ในปีนี้ตามคาดหมาย ความน่าสนใจของ Mostly Harmless คือไม่สามารถเสิร์ชหาในGoogle Map ได้ ลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักร้านจากคำแนะนำของบาร์เทนเดอร์ของบาร์ต่างๆ โดยคอนเซ็ปต์ของบาร์นี้คือเสิร์ฟเมนูเพียง 4 เมนูเท่านั้นซึ่งแต่ละวันจะนำเสนอเมนูไม่ซ้ำกันเลย โดยใช้วัตถุดิบจาก 10 ฟาร์มพันธมิตรที่ผลัดเปลี่ยนกันมาส่งวัตถุดิบที่ไม่ซ้ำกัน ทำให้บาร์แห่งนี้เปิดเพียงอาทิตย์ละ 4 วัน เท่านั้น เพื่อให้เวลาทีมงานได้คิดค้นเมนูใหม่ๆ มาต้อนรับลูกค้าในวันเปิดร้าน

หากมีโอกาสได้แวะเวียนไปที่ Mostly Harmless ก็ขอแนะนำว่าให้ลองทั้ง 4 เมนูประจำวันนั้นเลยเพราะหากไม่ลองวันนี้ มาพรุ่งนี้ก็จะไม่มีเมนูเหล่านี้อีกแล้ว สำหรับวิธีหาร้านนั้นให้ปักหมุดไปที่ร้านชื่อ call me AL ซึ่งร้าน Mostly Harmless จะอยู่ฝั่งตรงข้าม รหัสกดเข้าร้านคือ 101

8.       The Old Man (อันดับ 47)

The Old Man นำเสนอเครื่องดื่มจากงานเขียนเรื่อง The Old Man and The Sea ของนักเขียนชื่อดังอย่างเออร์เนสต์ เฮมิงเวย์ (Ernest Hemingway) ที่รู้กันดีว่าเป็นนักเขียนที่มีความพิถีพิถันกับการดื่มเป็นอย่างมาก และเป็นเซียนตัวจริงในการเสาะหาบาร์ที่ดีที่สุด เมนูของ The Old Man จึงถูกพัฒนามาจากเรื่องราวงานเขียนของเฮมิงเวย์และสุราที่เขาชื่นชอบ ผ่านเทคนิคการผสมเครื่องดื่มที่หลากหลาย พร้อมวัตถุดิบและเครื่องปรุงที่แปลกใหม่

เมนูแนะนำ: BIG CATCH แก้วนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากความเชื่อของเฮมิงเวย์ที่ว่าการตกปลาขนาดใหญ่ได้ถือเป็นรางวัลล้ำค่าของชาวประมง นี่จึงเป็นค็อกเทลที่เล่นใหญ่ ตั้งแต่การเสิร์ฟค็อกเทลในเปลือกหอยสังข์กระต่าย ที่นอกจากจะให้ประสบการณ์ที่ตื่นตาแล้ว ยังตื่นใจด้วยรสชาติกลมกล่อมที่ผสานความสดชื่นจากผลไม้รสเปรี้ยวหวาน เข้ากับความเลอค่าของ Lime Caviar ไว้อย่างลงตัว

RECOMMENDED CONTENT

9.เมษายน.2021

ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ขยันสร้างผลงานคุณภาพให้แฟน ๆ ได้ติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับ “เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) หลังเดินหน้าปล่อยเพลงใหม่