จะไปปาร์ตี้ทั้งทีการแต่งตัวถือเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่จะเพิ่มความสนุกสนานและสร้างสีสันให้กับงาน สำหรับใครที่ยังไม่มีไอเดียในการแต่งตัวไปงานปาร์ตี้วันนี้เราจะมาพามาทำความรู้จักกับร้านเช่าชุดและพร็อบที่กำลังมาแรงในช่วงนี้กับร้าน HOORAY! costume studio จุดเริ่มต้นของร้านเช่าชุด
Hooray เกิดขึ้นจากที่ เอแคลร์–สิรัญธยา หงวนศิริ และ เนตร–นทีกานต์ เต็มภัทรศักดิ์ ที่ชื่นชอบในการแต่งตัวตามธีมไปงานปาร์ตี้รวมกับชอบที่จะประดิษฐ์เสื้อผ้าขึ้นมาใส่เอง ทั้งคู่เล่าว่ามีอยู่วันนึงมีงานปาร์ตี้ธีม American พวกเขาจึงตัดสินใจตัดเย็บชุดด้วยตัวเองเป็น ketchep กับ Mustard
ด้วยความแปลกใหม่ของชุดจึงได้รับความสนใจจากเพื่อนที่มาร่วมงานเป็นอย่างมาก เพื่อนๆต่างพากันชื่นชอบและขอยืมชุดที่ทั้งสองตัดเย็บหลังจากนั้นเอแคลร์และเนตรจึงได้ตกลงกันว่าทำไมเราไม่ลองทำจริงจังเลยถ้าคนชื่นชอบขนาดนี้ นี้จึงเป็นจุดดเริ่มต้นของร้าน Hooray costume studio ที่ทั้งคู่นำสิ่งที่ตนเองชื่นชอบมาทำเป็นธุรกิจในแบบที่ไม่เหมือนใคร สิ่งที่ทำให้ Hooray แตกต่างจากร้านเช่าชุดอื่นๆคือการที่ทุกชุดของร้านสามารถสวมทับไปกับชุดเดิมได้เลยแถมยังใส่ง่ายและมีน้ำหนักเบาไม่เหมือนกับร้านอื่นที่มักจะเป็นตัวมาสคอตใหญ่ๆต้องใส่หัว เริ่มอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยว่านอกจาก ketchep กับ Mustard เขาทำชุดอะไรอีกบ้าง
ไอเดียการสร้างสรรค์ชุดของพวกเขาเริ่มจากช่วยกันคิดว่าลูกค้าเป็นใคร ใส่กันเป็นกลุ่มใหญ่หรือเป็นคู่ บางคนใส่คนเดียวไปแกล้งเพื่อน หรือ เซอร์ไพร์แฟน สำหรับกลุ่มเพื่อนๆ5คนก็จะมีเป็น ketchep กับ Mustard เหมือนเดิมแต่จะเพิ่ม ไข่ดาว ฮอทด็อก และ เบคอนเข้าไป ส่วนคนที่มีคู่ก็จะทีเป็นคอลเลคชั่นหัวใจ หรือถ้าเป็นแนวกวนๆตลกๆก็จะเป็นชุดแมลงสาบกับยาฆ่าแมลง คอลเลคชั่นล่าสุดเป็นเซทผลไม้ซึ่งทั้งคู่พยายามเลือกผลไม้ที่พออยู่ด้วยกันเป็นสีโทนที่น่ารัก อย่างเช่น องุ่น สัปปะรด กล้วย สำหรับคนที่สงสัยว่าชื่อ Hooray มาจากอะไร เอแคลร์ และ เนตร เล่าให้ฟังว่าอยากหาชื่อร้านที่แสดงถึงความสนุกสนาน เลยนึกถึงเวลที่เราไปปาร์ตี้หรือเวลาที่ดีใจเรามักจะพูดว่า Hooray พวกเราจึงเลือกใช้ชื่อนี้ รู้แบบนี้สำหรับคนที่มีแพลนจะไปงานปาร์ตี้หรือสนใจที่จะเช่าชุดหรือพร็อบที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร โดยไม่ต้องแต่งตัวแบบอลังการไปจากบ้าน Hooray ถือเป็นตัวเลือกนึงที่ตอบโจทย์ สามารถติดตามพวกเขาได้ที่ Facebook Hooraybkk หรือ Instagram @Hooraybkk
RECOMMENDED CONTENT
“โรคร้ายไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียว” เพราะโรคร้ายไม่ได้ทำร้ายแค่ผู้ป่วยเพียงคนเดียว แต่ยังมีคนในครอบครัวและคนอีกหลายคนที่ต้องเจ็บปวดและได้รับผลกระทบเช่นกัน การช่วยเหลือผู้ป่วยให้ได้รับการรักษานั้น เท่ากับเราได้ช่วยเหลือคนมากกว่าหนึ่งคน