เชื่อว่าสำหรับสาวๆหลายต่อหลายคน ต่อให้วันไหนรู้สึกขี้เกียจที่จะต้องลุกขึ้นมาแต่งหน้าแบบจัดเต็ม อย่างน้อยก่อนออกจากบ้าน ก็จะต้องขอกรีดอายไลเนอร์ให้พอเป็นพิธีเอาไว้ก่อน เพราะถึงแม้ว่าวันนั้นคุณจะไม่ได้ทาลิปสติก หรือทาอายแชโดว์ สองสิ่งนั้นก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการเขียนอายไลเนอร์ เพราะความวิเศษของการกรีดอายไลเนอร์นั้นสามารถเปลี่ยนลุคของสาวๆได้ภายในพริบตา บางคนจากสาวที่ดูหน้าจืดๆ พอกรีดอายไลเนอร์ปุ๊ปเท่านั้นแหละ กลายเป็นสาวเปรี้ยวขึ้นมาทันที อีกทั้งยังช่วยทำให้ดวงตาของเราดูโต คมชัดยิ่งกว่าเดิมอีกด้วย เพราะอย่างนี้เอง การกรีดอายไลเนอร์จึงเป็นเทคนิคการแต่งหน้าที่สาวๆหลายคนชอบ เพราะแต่งง่าย สามารถดูสวยทันใจอย่างรวดเร็ว และสำหรับวันนี้ เราเลยขอนำเสนอเทคนิคการเขียนอายไลเนอร์แบบตวัดหางขึ้น ที่เรียกว่า “Cat Eye” มาฝากสาวๆที่เน้นการแต่งหน้าแบบง่ายๆและรวดเร็ว ซึ่งแบบที่เราได้นำมาให้ดูกันเป็นการแต่งหน้าของสาว Alexa Chung แฟชั่นไอคอนจากเกาะอังกฤษ ที่สาวๆทั่วโลกต่างเครซี่ในการแต่งตัวของเธอ รวมไปถึงการเขียนอายไลเนอร์แบบแคทอายสไตล์สาว mod ยุค 60’s อันเป็นเอกลักษณ์ของเธอด้วย รับรองว่าแต่งได้ไม่ยากอย่างที่คิดภายในระยะเวลาไม่ถึง 5 นาทีเท่านั้น! ว่าแล้วก็เลื่อนลงไปดูกันเลยดีกว่า
1. ค่อยๆ กรีดอายไลนเนอร์ให้ชิดโคนขนตา โดยลากออกมาตามแนวเปลือกตา
Tips: หากเป็นมือใหม่ในการเขียนอายไลเนอร์ แนะนำให้ใช้อายไลเนอร์แบบปากกาหัวแหลม เพราะจะควบคุมมือและจับได้ง่าย มั่นคงกว่า
2. จากนั้นค่อยๆตวัดหางขึ้นตรงหางตาให้อยู่ในมุม 45 องศา
Tips: แนะนำว่ามือต้องนิ่ง หัดวาดบ่อยๆ แล้วจะสามารถตวัดหางได้เร็ว และคมมากขึ้น
3. เสร็จแล้วถมเส้นให้หนาตามความต้องการ จากหางตาเข้ามาที่หัวตา หรือถ้ายังไม่ค่อยคล่อง อาจจะลากเส้นจากหางตา และเส้นจากหัวตามาบรรจบที่กลางตาก็ได้
4. ถ้าเส้นที่ตวัดยังไม่เนี้ยบเท่าที่ควร ให้ค่อยๆเกลี่ยส่วนเกินด้วยหัวคอตตอนบัทที่เปียกแล้ว
5. คอมพลีตลุคให้ตาสวยสมบูรณ์แบบ ด้วยการปัดมาสคาร่า ที่จะช่วยให้ดวงตาของคุณกลมโตดูโดดเด่นมากขึ้น โดยปัดมาสคาร่า ยีๆให้ชิดขอบตามากที่สุด
6. อย่าลืมปัดมาสคาร่าตรงขนตาล่างด้วย เพื่อให้ได้ลุคดวงตากลมโตแบบสาวยุค 60’s
7. เสร็จแล้ว! ลุคแคทอายสวยๆแต่งได้ง่ายภายใน 5 นาที
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
Netflix ประกาศสร้าง Kingdom: Ashin of the North ภาคแยกของซีรีส์ซอมบี้ที่ทั้งโลกรอคอย พร้อมตัวละครใหม่สุดลึกลับ นำแสดงโดยจอนจีฮยอน และพัคบยองอึน