ถ้าจะมีแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สักแบรนด์ที่หาซื้อง่าย ราคาย่อมเยา คุณภาพน่าพอใจ แถมดีไซน์เก๋ แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่จากสวีเดน IKEA คงเป็นคำตอบแรกที่หลายคนนึกถึง แต่คราวนี้ IKEA กำลังจะไปไกลนั้น
แรกเริ่มเดิมที ‘The Farm’ คือแนวคิดของแบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากสวีดิชที่สนับสนุนการทำเกษตรแบบยั่งยืนด้วยการมีฟาร์มไฮโดรโปรนิกเป็นของตัวเองเพื่อส่งวัตถุดิบสดใหม่โดยตรงให้กับครัวของ IKEA ในทุกๆ วัน กลายมาเป็นโมเดลให้กับร้านอาหารในแถบสแกนดิเนเวียนหันมาทำฟาร์มแบบ Home-grown กันมากขึ้น จนมีคนคาดการณ์ว่าในอนาคตการทำฟาร์มแบบนี้อาจเปลี่ยนโฉมวงการอาหารโลกไปเลยก็ได้
จาก The Farm ต่อยอดมาถึง ‘Space 10’ พื้นที่ทดลองแห่งใหม่ของ IKEA ในย่านฮิปๆ ของกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ที่สร้าง ‘Future-living lab’ ขึ้นมา จำลอง Free Space ขนาด 2 ชั้น เอาไว้ทำอะไรก็ได้ เช่น เป็นออฟฟิศ Co-working Spaace เป็นพื้นที่พักผ่อนและสันทนาการ มีแปลงปลูกพืชไฮโดรโปรนิกในอาคารแบบที่ IKEA เคยทำในคอลเล็กชั่น Rydda/ Vaxer มาไว้ในนี้ด้วย
ที่เก๋กว่านั้นภายในยังบรรจุสินค้าทดลองไอเดียเริ่ด เช่น โต๊ะที่สามารถนำความร้อนจากหม้อต้มกาแฟหรือกระทะมาเปลี่ยนเป็นพลังไฟฟ้าได้ ก๊อกน้ำที่จะทำให้การอาบน้ำใช้เวลาเพียงแป๊บเดียว เท่านั้น หรือเก้าอี้ที่นั่งทั้งวันก็ยังไม่เมื่อย และสารพัดสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่เพียงช่วยให้ความเป็นอยู่ และสุขภาพของคนเมืองอย่างเราดีขึ้น แต่ยังเป็นการนำเทคโนโลยีและดีไซน์มาต่อยอดกับธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนด้วย
โดย Space 10 จะเปิด พื้นที่ทดลองให้เหล่าดีไซเนอร์จากทั่วโลกเข้ามาร่วมทำเวิร์คช้อป ระเบิดพลังไอเดียกันอย่างเมามันตลอด 2 เดือน แล้วจะเปิดเป็น Public ให้คนทั่วไปเข้ามาสัมผัสเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม หลังจากนั้นก็จะเปลี่ยนธีมของสเปซแห่งนี้ไปเรื่อยๆ แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว
RECOMMENDED CONTENT
‘School Town King’ แร็ปทะลุฝ้า ราชาไม่หยุดฝัน เป็นหนังสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงของ ‘บุ๊ค’ เด็กหนุ่มวัย 18 และ ‘นนท์’ วัย 13 ผู้เติบโตมาในชุมชนคลองเตย หรือที่ใครๆ ต่างรู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า ‘สลัมคลองเตย’ นอกจากความยากจนที่มาพร้อมกับสถานะทางสังคมที่เลือกไม่ได้แล้ว ทั้งบุ๊คและนนท์ยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับระบบการศึกษา รวมทั้ง หลักสูตรการเรียนการสอนที่เน้นแต่ความสำเร็จเชิงวิชาการก็ยิ่งทำให้เด็กเรียนไม่เก่งอย่างพวกเขาขาดความสนใจในชั้นเรียนลงไปเรื่อยๆ ระบบการศึกษาที่น่าจะเป็นความหวังและเท่าเทียมกันของเด็กทุกคน กลับยิ่งบีบบังคับและผลักไสให้พวกเขาเป็นแค่ ‘คนนอก’ ของสังคมไปโดยปริยาย