“เมื่อแต่งงานแล้วต้องออกจากบ้านไปสร้างครอบครัว” หรือการ “แยกจากบ้านเกิดมาสร้างครอบครัวเดี่ยวในเมือง ให้ที่อยู่อาศัยใกล้แหล่งงาน” นี่เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตของคนไทยในปัจจุบันไปแล้ว เพราะความเป็นอยู่ที่ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย คนต้องการความสะดวกสบายมากขึ้น บ้านพ่อแม่ที่เราอยู่มาตั้งแต่เด็กไม่เอื้อต่อการใช้ชีวิต รวมไปถึงการแข่งขันของตลาดแรงงาน ที่งานดี เงินเดือนสูง มักกระจุกตัวอยู่ในเมือง
รูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวไทยที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ นอกจากความสะดวกสบายหรือผลตอบแทนที่เราได้รับ กลับเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย เช่น เกิดช่องว่างระหว่างวัยของคนในครอบครัว พ่อแม่ทำงานหนัก เด็กเล็กขาดการดูแลเอาใจใส่ หรือปัญหาที่เห็นได้ชัดจากคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ อย่างคนวัยทำงานเดี๋ยวนี้มีความสุขกันน้อยลง รู้สึกเหงา ส่วนพ่อแม่หรือผู้สูงอายุก็เผชิญกับความโดดเดี่ยวเช่นกัน เพราะถูกละเลย อยู่ไปวันๆ ชีวิตขาดคุณค่า ซึ่งอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ไม่แพ้คนในวัยทำงาน
“จริงๆแล้วไม่ได้อยากแยกออกมาอยู่แบบครอบครัวเดี่ยว”
ผลสำรวจจากสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ทำกับกลุ่มตัวอย่างทั่วประเทศ ในช่วงอายุ 15-65 ปี รวม 400 คน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 กลับพบว่า รูปแบบการใช้ชีวิตของคนไทยในปัจจุบันกับความต้องการกลับตรงกันข้าม เพราะมีกลุ่มตัวอย่างสูงถึง 70.8% ต้องการอยู่อาศัยในบ้านที่มีสมาชิกหลายรุ่นรวมกัน
ผลวิจัยยังบอกถึงเหตุผลของครอบครัวตัวอย่างที่ต้องการอยู่อาศัยในครอบครัวกับสมาชิกหลายรุ่น เพราะครอบครัวใหญ่ เป็นจุดเริ่มต้นของความรักความอบอุ่นที่สามารถส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เป็นเรื่องดีที่มีคนที่รักลูกเราเหมือนที่เรารัก พ่อแม่เราได้ถ่ายทอดประสบการณ์สู่ลูก เราก็สามารถดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่ได้และในมุมของผู้สูงอายุก็รู้สึกว่า การได้อยู่อาศัยกับลูกหลาน จากเดิมที่ชีวิตมีอยู่มิติเดียว คือการทำงานมาโดยตลอด แต่พอมีหลานก็มีความสุขมากขึ้น เหมือนทำให้ชีวิตมีอีกมิติเข้ามา มีชีวิตชีวา รู้สึกชีวิตมีความหมาย มีความสุขมากขึ้น
ทั้งหมดที่ว่ามานี้ทำให้ในหลายๆประเทศตระหนักถึงปัญหาการ ‘แยกกันอยู่’ จึงเป็นเหตุให้ ‘Intergeneration Family Living’ หรือการอยู่อาศัยรวมกันแบบครอบครัวใหญ่ กลับมามีบทบาทอีกครั้ง
‘Intergeneration Family Living’
‘Intergeneration Family Living’ คือ การอยู่อาศัยรวมกันแบบครอบครัวใหญ่ หลายเจเนอเรชั่น ในสภาพแวดล้อมที่ส่งผลดีด้านต่างๆ โดยมีความสุขของสมาชิกทุกคนในครอบครัวเป็นตัวแปรหลัก ซึ่งการจะอยู่ร่วมกันได้ในหลายช่วงวัยไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ต้องมีการบริหารจัดการเวลา หน้าที่ของแต่ละคนให้ดี อาจมีกิจกรรมร่วมกันบ้าง แต่ก็ต่างต้องมีพื้นที่ส่วนตัวของแต่ละคน และรับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน แต่หากเรามองภาพรวมถึงสิ่งที่เราจะได้รับจากการอยู่ร่วมกันแล้ว มันก็ย่อมคุ้มและส่งผลดีกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
View this post on Instagram
เทรนด์ Intergeneration Family Living ในฝั่งตะวันตก :
แม้กระทั่งดาราระดับโลกทางฝั่งตะวันตกก็เริ่มที่จะเลือกไลฟ์สไตล์การอยู่กับครอบครัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Michael B Jordan จาก Black Panther ที่เลือกอาศัยอยู่กับครอบครัว หรือ Chrissy Teigen นางแบบชาวอเมริกันที่มีคุณแม่เป็นคนไทย เธอก็อาศัยอยู่กับคุณแม่ด้วยเช่นกัน เป็นภาพครอบครัวน่ารักอบอุ่นในฝั่ง Hollywood ที่มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
แนวคิด Intergeneration Family Living หรือการอยู่ร่วมกันแบบครอบครัวใหญ่ อาจเป็นอีกสิ่งที่จะมาเติมเต็มช่องว่างของทุกวัยในครอบครัวสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี นี่เป็นสิ่งที่ Developer ชั้นนำของบ้านเราเริ่มที่จะศึกษาและพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบ Intergeneration Family Living ของคนทุกวัยมากขึ้น เพื่อความสุขอย่างแท้จริงของการอยู่อาศัย ช่วยลดปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นกับครอบครัวคนไทยในปัจจุบัน และทำให้สมาชิกทุกเจเนอเรชั่นมีความสุขมากขึ้น
RECOMMENDED CONTENT
ถือเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่ขยันสร้างผลงานคุณภาพให้แฟน ๆ ได้ติดตามอย่างต่อเนื่องสำหรับ “เป้ - อารักษ์ อมรศุภศิริ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) หลังเดินหน้าปล่อยเพลงใหม่