ย้อนกลับไปเมื่อปี 1987 ไนกี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการกีฬาอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อปรมาจารย์ด้านการออกแบบของไนกี้นามว่า “ทิงเกอร์ แฮทฟิลด์” ได้เปิดตัวรองเท้า ‘AIR MAX 1’ ที่นำเอานวัตกรรมแอร์–โซล (Air-Sole Unit) มาใส่ไว้ในรองเท้าเป็นครั้งแรก และส่งผลให้รองเท้ารุ่นดังกล่าวกลายเป็นต้นแบบของรองเท้ารุ่นอื่นๆ ในระยะเวลาต่อมา และในโอกาสที่ AIR MAX กำลังจะจุดพลุฉลองครบรอบ 29 ขวบปีในวันที่ 26 มีนาคมนี้ ไนกี้ จึงได้พาพวกเราไปพบกับ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ‘ตูน Bodyslam’ ร็อคเกอร์เบอร์หนึ่งของเมืองไทย เพื่อให้แฟนๆ Dooddot.com ได้รับรู้ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับแรงบันดาลใจและพลังแห่งการขับเคลื่อนบนเส้นทางดนตรี ตลอดจนไลฟ์สไตล์ในการดำเนินชีวิตและความหลงใหลของเขาที่มีต่อรองเท้า AIR MAX ที่มากกว่าการเป็นรองเท้าสนีกเกอร์ธรรมดาทั่วๆไป

ตอนนี้ ตูน Bodyslam กำลัง ‘อิน’ อยู่กับอะไร?

2 อย่างที่ผมกำลังอินอยู่ตอนนี้คือกีฬากับดนตรีครับ วงอะไรดี เพลงอะไรดี ผมก็ยังติดตามอยู่ตลอดตั้งแต่ซื้ออัลบั้ม ดาวน์โหลด หรือแม้กระทั่งตามไปดูคอนเสิร์ตตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะไกลๆแค่ไหน ผมก็ไป ซึ่งผมยังคงให้ดนตรีเป็นสิ่งนำทางในชีวิตผมอยู่ เพราะมันเป็นทั้งงาน และความบันเทิงของผม

อีกเรื่องที่อินมากในช่วงเวลานี่ คือ กีฬา ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ทั้งดูและเล่นเอง ตีปิงปอง ฟุตบอลก็ยังเล่นอยู่เรื่อยๆ แต่ตอนนี้ผมบ้าการวิ่งมากหน่อยโดยเฉพาะการแข่งไตรกีฬา ต้องซ้อมวิ่ง ซ้อมว่ายน้ำ ซ้อมปั่นจักรยานอยู่ตลอดเวลา

ชีวิตคุณตูนอยู่กับดนตรีมากน้อยเพียงใด?

บ้านผมอยู่จังหวัดสุพรรณบุรี ผมโตมากับเพลงลูกทุ่ง ซึ่งจริงๆ มันทำให้ผมเป็นคนฟังเพลงกว้างและหลากหลายมาก พอเข้ากรุงเทพฯ เพื่อนก็จับยัดเพลงฝรั่งให้ฟัง ทำให้ผมเริ่มชอบและศึกษา ซึ่งนิสัยการฟังเพลงที่หลากหลายของผม มันก็ยังติดตัวมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ซึ่งเพลงป๊อปใสๆ หรือเฮฟวี่ ผมฟังได้หมด ขอให้เป็นเพลงที่ดีก็พอ

อะไรคือพลังขับเคลื่อนของคุณ?

ถ้าสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าเวลาผมอยู่บนเวที ผมจะเป็นคนที่มีพลังมากคนหนึ่ง ผมจะขึ้นไปกระโดด โลดเต้น ถอดเสื้อถอดผ้า ปีนโน่นปีนนั่น ซึ่งผมก็เคยสงสัยตัวเองเหมือนกันนะว่าเป็นแบบนั้นได้ยังไงบนเวที เพราะถ้าได้มาลองคุยกับผมจริงๆ จะรู้ว่าผมเป็นคนเงียบๆ คนหนึ่ง แต่พอขึ้นเวทีจะกลายเป็นอีกคนที่มี Energy หรือพลังมากมาย แต่สุดท้ายสิ่งที่มันทำให้ผมเป็นแบบนั้นได้ และทำแอคชั่นอะไรบางอย่างสุดโต่งได้บนเวทีก็คือ ดนตรี เสียงเพลง ท่วงทำนอง เสียงกลอง เสียงแฟนเพลง หรือเนื้อเพลงที่ปลุกเร้า อารมณ์ พอเราปล่อยตัวเองให้อินไปกับมัน บนเวทีนั้นเราเป็นอะไรก็ได้

ช่วงหลัง เพลงของบอดี้แสลมพูดถึงปรัชญาการใช้ชีวิตค่อนข้างเยอะ คุณได้ความคิดเหล่านั้นมาจากไหน?

บอดี้แสลมเป็นเหมือนไดอารี่ของเด็กกลุ่มหนึ่ง ถ้ามองย้อนกลับไป ตอนเราอายุ 25 เราอินกับเรื่องอะไรล่ะ แน่นอนต้องเป็นเรื่องความฝัน ความรักของหนุ่มสาว ซึ่งมีสมหวังบ้าง มีอกหักบ้าง ดังนั้นผมเลยเลือกสื่อสารสิ่งที่รู้สึก ส่วนในอัลบั้มหลังๆ พอเราเริ่มโตขึ้น เวลาคุยกับเพื่อน หรือกับครอบครัวบนโต๊ะอาหาร มันอาจไม่ได้ทะลึ่งตึงตังเหมือนเมื่อก่อน แต่กลายเป็นเรื่องชีวิต เรื่องระหว่างวัน เรื่องค่าน้ำค่าไฟ หรือเรื่องอื่นๆ แต่เรายังคงยึดโจทย์เดิม คือ ถ่ายทอดอะไรที่เรารู้สึก

วิธีการถ่ายทอดความรู้สึกบนเวทีของคุณยังเหมือนเดิม?

อย่างที่ผมบอก ผมว่ามันเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาเหมือนกัน เพลงบางเพลงผมอาจจะรู้สึกอินกับมันน้อยลง เพราะผมอยากสื่อสารสิ่งที่มันเข้มข้นอยู่ในปัจจุบัน ถึงจะไม่ได้เป็นเพลงป๊อปแบบที่ทุกคนอยากได้ยิน แต่เราก็พยายามบาลานซ์โชว์ไม่ให้หนักจนเกินไป เพื่อให้มันกลมกล่อมที่สุด ซึ่งผมว่ามันก็ซื่อสัตย์ดีทั้งต่อตัวเองและต่อแฟนเพลง เพราะตราบใดที่เรายังเดินหน้าทำอัลบั้มใหม่อยู่ ยังมีเพลงใหม่ที่ยังคิด ยังรู้สึก ทำไมเราไม่เล่นมันล่ะ

มีเพลงไหนที่แม้กระทั่งตอนนี้คุณก็ยังคงเล่นอยู่?

น่าจะเป็นเพลงความเชื่อ กับเพลงอากาศ จากอัลบั้มแรก เพราะเพลงอากาศมันค่อนข้างเป็นเพลงรักที่จับต้องได้ง่ายในทุกช่วงเวลา ด้วยเนื้อหาเพลงที่พูดถึงความผิดหวัง มันเลยดูฟูมฟายมากสำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ผมรู้สึกฟูมฟายน้อยลง เข้าใจชีวิตมากขึ้น ส่วนอีกเพลงคือสักวันฉันจะดีพอ ที่ยังเล่นอยู่บ้าง เพราะเล่นทุกครั้งก็ยังจำความรู้สึกดีๆ ตอนนั้นได้ ก็ยังคงอิน แค่สิ่งที่อินมันเปลี่ยนไป

บอดี้แสลมเป็นวงดนตรีสัญชาติไทยที่ไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเอง ทั้งความเข้มข้นของเนื้อหา  และมิติของดนตรี มองหาอะไรในการผลิตผลงานออกมาแต่ละครั้ง?

ผมก็ยังคงหาคำตอบอยู่นะ แต่สิ่งที่รู้ตอนนี้คือเราทำดีที่สุดในทุกช่วงเวลา ทุกอัลบั้มคือสิ่งที่เราทุ่มเท ไม่เคยมีอัลบั้มไหนที่ทำส่งๆ ไป น่าจะเป็นคำตอบเดิมคือทำสิ่งที่เราคิด เพื่อนคิด ด้วยความที่เราเป็นวงดนตรี เราจึงต้องแชร์ความรู้สึกกัน ส่วนผมจะมากหน่อยเพราะทำหน้าที่เป็นผู้สื่อสาร ถ้าเป็นไปได้ผมอยากใส่สารอาหารลงไปในเพลงให้มากที่สุด แต่ไม่ได้ถึงขนาดให้กินยาขมหรอกนะ มันน่าจะทำให้เกิดพลังงานและความรู้สึกดีๆ คนฟังนี้น่าจะเป็นกำไรกับคนฟังมากกว่าเป็นความบันเทิงระหว่างวัน นั่นคือเป้าหมายที่เราอยากทำไปเรื่อยๆ

สไตล์การแต่งตัวของคุณเมื่อก่อนกับตอนนี้มีอะไรที่เปลี่ยนไป?

ผมใช้คำว่าเรียบง่าย  ถูกกาลเทศะ มีความเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่ผมรู้สึกชื่นชอบ ผมก็จะเลือกใส่แบบเดิมๆไม่ชอบอะไรที่หวือหวามากเกินไป หรือไม่ใช่ตัวตนของเราครับ

คุณตูนมองว่าการเเต่งกายของร็อกเกอร์กับสปอร์ตสไตล์ มีความสัมพันธ์กันอย่างไร?

จะเห็นว่า ทุกๆเวทีคอนเสริต์ ผมจะเป็นคนที่มีพลังและสนุกสนานไปกับบทเพลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการที่ต้องใส่รองเท้าหนัง บูท หรือผ้าใบบางๆ มันอาจจะไม่เหมาะ ผมจึงเลือกใส่รองเท้ากีฬาที่สะท้อนความเป็นตัวตนของผมเองและมีคุณสมบัติในการรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี เพื่อจะได้แอคชั่นบนเวทีอย่างสบายตัวและสบายใจ การปีนป่ายแล้วใส่รองเท้ากีฬาก็สนุกดี อาจทำให้กระโดดสูงขึ้นอีกนิดนึง ซึ่งมันได้ฟีลมาก

คุณใส่สปอร์ตแวร์ ในชีวิตประจำวันหรือเปล่า?

ผมชอบนะ เพราะว่า ในปัจจุบันรองเท้าแนวสปอร์ตๆ ได้ถูกออกแบบมาให้คนใส่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งบางทีผมก็หยิบมันมาใส่คู่กับเสื้อแจ็กเก็ตสีดำเรียบๆ หรือกับเสื้อลำลองดีๆซักหนึ่งตัว  เพราะผมคิดว่า รองเท้ากีฬามันเป็นอะไรที่เข้าใจง่ายนะ เหมาะสมกับทุกโอกาส เข้ากับทุกกาลเทศะ อีกอย่างมันสามารถอยู่ในลุกส์ทางการที่ยังดูเท่ได้

ประสบการณ์ AIR MAX คู่แรกของคุณคือะไร?

ผมได้ยินชื่อไนกี้ AIR MAX มานาน นานมากกว่าสิบปี ผมว่านอกจากมันจะเป็นรองเท้าที่มีดีไซน์ที่สวยแล้ว มันยังเป็นรองเท้าที่ดูมีคาแรคเตอร์และเส่นห์ที่ไม่เหมือนกับรองเท้าอื่นๆ โดยเฉพาะรองเท้า AIR MAX 90 Infrared ซึ่งเป็นรองเท้า Air Max คู่แรกและ คู่โปรดของผมเลย

คุณมองว่า อะไรคือความคลาสสิกของ AIR MAX?

นอกจากรูปทรงและเครื่องหมายของ Nike แล้ว ผมว่าเทคโนโลยีของช่อง air ใสๆ ที่มองเห็นด้วยตาเปล่าตรงบริเวณส้นรองเท้าด้านข้าง ทำให้ Air Max เป็นรองเท้าที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ และแตกต่างจากรองเท้าประเภทอื่นๆ

ถ้าให้ AIR MAX อยู่ในโมเมนต์หนึ่งของผู้ชายชื่อตูน บอดี้แสลม มันจะไปอยู่ในโมเมนต์ไหนได้บ้าง?

น่าจะอยู่ในช่วงที่ผมกำลังกระโดดลอยตัวสัมผัสอากาศแบบเท้าไม่ติดพื้นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต ซึ่งผมมองว่ามันคือ “อิสระ” และการ “ปลดปล่อย”พลังอย่างแท้จริง

อยากให้คุณกล่าวอะไรซักเล็กน้อย ในโอกาสที่วันที่ 26 มีนาคมนี้จะเป็นวันฉลองครบรอบ 29 ปี ของรองเท้า AIR MAX ?

ดีใจมากครับที่มาทันฉลองกับเขาด้วย ผมเป็นคนหนึ่ง ที่พอรู้จัก AIR MAX แล้วก็ถอนตัว ถอนใจไม่ขึ้น ซึ่งผมมีความทรงจำที่ดีกับรองเท้าคู่โปรดของตัวเองมาตลอดกว่า 10 ปีครับ

Movement ต่อไปของตูน บอดี้แสลม?

ผมก็จะทำหน้าที่ของผมอย่างเต็มที่ในทุกช่วงเวลาเหมือนที่เคยทำมาตลอด

สุดท้ายมีอะไรที่อยากจะแชร์แล้วยังไม่ได้แชร์?

มีอีกหลายอย่างที่ผมยังไม่เคยเจอ แล้วก็ตื่นเต้นที่จะได้เจอ ผมมีภาพของอัลบั้มใหม่ในหัวแล้ว แต่ยังไม่เล่าตอนนี้ดีกว่า อยากให้ทุกคนได้ยินพร้อมกันครับ