มาถึงยุคนี้ไม่ว่ามือถือหรือสมาร์ทโฟน ต่างก็ต้องมี Feature เบื้องต้นคือ “การโทร” แหงสิ ก็เป็นโทรศัพท์นี่ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ “กล้องถ่ายรูป” ช่วยให้เราทุกคนสามารถเก็บภาพประทับใจ หรือบรรยากาศที่เป็นความทรงจำสำคัญ แต่เคยสังเกตไหมว่ากล้องก็เหมือนกัน iPhone ก็รุ่นเดียวกัน แต่ทำไมเวลาไปส่อง Instagram ชาวบ้านเขาถ่ายออกมาสวยกันเหลือเกิน (ถ้าไม่ใช่ว่ารุ่นต่างกันแล้วกล้องเขาดีกว่าเราหลายเท่านะ) วันนี้เรามี Trick เคล็ดลับเล็กๆน้อยๆเก็บมาฝากกันจากเว็ป Buzzfeed เผื่อจะช่วยทุกคนได้บ้างไม่มากก็น้อย

1. หมั่นเช็ดหน้าเลนส์บ่อยๆ

มีผลมากนะข้อนี้ นี่เป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราลืมนึกไปเลย ก็ลองสังเกตดูได้ว่ากล้อง iPhone ต่อให้รุ่นเก่าก็เถอะ ซื้อมาตอนแรกถ่ายแล้วดูใสมาก แต่พอนานๆไป ภาพมันดูขุ่นมัว เบลอๆแปลกๆ นั่นล่ะ ลองทำความสะอาด หาผ้ามาเช็ดดู อาจจะดีขึ้นบ้างเหมือนกัน

2. เปิดโหมด Grid เพื่อช่วยในการจัดแจงองค์ประกอบมากขึ้น

เพื่อความ Symmetry หรือความเป๊ะมากขึ้น เราจำเป็นต้องอัญเชิญตาราง Grid มาไว้บนหน้าจอ วิธีการง่ายมาก เข้า Settings > Photos & Camera กดเปิด Grid Feature แล้วนอกนั้นก็เปิดตำรา วางคอมโพส จากจุดตัดเก้าช่อง บลา บลา บลา ได้เลย

3. กดชัตเตอร์ค้างเพื่อได้จังหวะที่ดีที่สุด

หรือศัพท์น้าๆช่างภาพก็คือ “Burst Mode” นี่จะช่วยทำให้คุณเก็บภาพในจังหวะเคลื่อนไหวเร็วๆได้ ดูอย่างตัวอย่างในรูปนี้ สามารถเก็บภาพผู้หญิงคนนี้ขณะเดินได้ ถ้าไม่ได้โหมดนี้ช่วย ไม่จังหวะเป๊ะจริงๆก็ต้องพลาดชัวร์

4. หลีกเลี่ยงกล้องหน้าเสมอๆ (นอกจาก Selfie)

เพราะกล้องหน้ามี Resolution ของการเก็บภาพที่ต่ำกว่ากล้องหลังมากๆ ก็ถ้าเป็นไปได้แม้แต่ถ่าย Selfie ถ้าสามารถทนลำบากพลิกกล้องได้ล่ะก็ ไฟล์และหน้าก็จะได้ดีกว่าคนอื่นไหนๆ

5. พยายามไม่ซูมถ้าเป็นไปได้

โดยส่วนตัวเองเราว่าหลายคนรู้ข้อนี้ดีอยู่แล้ว กล้องสมาร์ทโฟนต่อให้เจ๋งขนาดไหน แต่พอใช้นิ้วถ่างจอซูมทีไร คุณภาพของผลลัพธ์ที่ออกมานั้นดูไม่ได้ทุกที แก้ปัญหาด้วยการเอาตัวเข้าไปใกล้ๆกับ Subject มากขึ้น ก็ถ้าเดินได้ หรือเป็นสิ่งของก็โอเคล่ะ แต่เป็นพี่ม้าแบบในรูปตัวอย่างก็กลัวเตะเป็นเหมือนกัน

6. หรือถ้าอยากซูมจริงๆเรามีวิธีที่ดีกว่า…

ถ้ามันจำเป็นต้องซูม แล้วอยากได้คุณภาพของภาพที่ดีด้วย เราแนะนำว่าให้พกกล้องส่องทางไกลติดตัวตลอดเวลา เวลาจะซูมภาพ ก็เปลี่ยนจากเอานิ้วถ่างจอแบบท่ีคุ้นเคย เป็นเอากล้องส่องทางไกลมาวางไว้ประกบหน้าเลนส์ด้านหลัง มองจากภายนอกอาจจะดูเพี๊ยน แต่คนจริงเขาวัดกันที่ผลลัพธ์ครับ

7. Flash ไม่ใช่คำตอบเสมอไป

สมาร์ทโฟนรุ่นหลังๆเดี๋ยวนี้ มีแฟลชมาให้ในตัวกันหมดแล้ว โอเค เราเข้าใจว่าบางที แฟลช “ก็เป็นคำตอบ” ให้อารมณ์แบบเห็นรายละเอียดชัดเจน ได้มูด 90’s ท่ีกล้องยังต้องตบแฟลชกันแหลกลาญ หรือถ่าย Portrait เท่ๆแบบ Terry Richardson แต่ในบางครั้งแฟลชก็ไม่ใช่คำตอบเสมอไป เพราะฉะนั้นเปลี่ยนจากถ่ายในที่มืด ลองเดินหามุมที่เป็นแสงธรรมชาติมากขึ้น ภาพที่ออกมาจะได้อารมณ์เหมือนกับในตัวอย่าง Food Shot รูปนี้

8. ใช้หูฟังเป็นสายลั่นชัตเตอร์

อ๊ะๆๆ ข้อนี้เริ่มทึ่งกันแล้วล่ะสิ ใช่แล้ว หูฟังที่ให้มาพร้อมกับเครื่องสามารถใช้เป็นตัวกดชัตเตอร์ของกล้องได้เช่นกัน เพียงแค่คุณตั้งสมาร์ทโฟนเอาไว้ เปิดโหมด Camera แล้วลองกดปุ่มเพิ่ม Volume ดู ทีนี้ก็สามารถถ่ายรูปแบบใช้ขาตั้งจริงจังได้มากขึ้น รวมถึงปัญหาถ่าย Selfie แบบไม่เนียนก็จะหมดไป เพราะเราเก๊กกันได้เต็มที่เลย

9. ฟังก์ชั่นโฟกัสและวัดแสงด้วยการแตะหน้าจอ เป็นไม้ตายที่สำคัญกว่าที่คิด

เรารู้กันว่าการกดหน้าจอ คือทำให้จุดที่มืดกลายเป็นสว่างได้ (วัดแสงอัตโนมัติ) หรือทำให้วัตถุที่นิ้วจิ้มไปมันชัดขึ้น (โฟกัส) แล้วรู้หรือไม่ว่า มันสามารถกดค้างเพื่อเป็นการ Lock ค่าเหล่านี้เช่นกัน ในบางทีที่ถ่ายเท่าไรก็ไม่ได้แสงที่ใช่ (โดยเฉพาะเวลาถ่ายกลางคืน เราแนะนำให้ลองกดค้างจากสภาพแสงที่แตกต่างไป แล้วลองมาถ่ายในเฟรมดู ภาพที่ได้อาจจะตรงใจขึ้นมาก็ได้ ข้อนี้เรายอมรับว่าอธิบายไปก็คงไม่เห็นภาพ แต่ลองเล่นดู เมื่อคุณชำนาญกับฟังก์ชั่นนี้แล้วเรารับประกันว่าการถ่ายรูปครั้งต่อไปจะยกระดับขึ้นแน่นอน

10. อย่าลืมว่ากล้องจะไม่ถ่าย จนกว่านิ้วของเราจะออกจากปุ่มบนหน้าจอ

เพราะฉะนั้นถ้าจังหวะมันพลาดไปแล้ว แต่มือมันเตรียมกดไปเรียบร้อย ก็อย่าเพิ่งถอดใจเอามือออก หรือเวลาก่อนที่จะกดชัตเตอร์เสร็จ ลองแช่นิ้วค้างไว้สักพัก บางที “ภาพที่ใช่” อาจจะมาในตอนนั้นก็ได้

Credit : buzzfeed