“Justin Timberlake” แน่นอนว่าทุกคนรู้จักเขาดีในฐานะป๊อปสตาร์รูปหล่อรวยเสน่ห์ หนุ่มๆยกให้เขาเป็นผู้ชายที่แต่งตัวดีที่สุดคนหนึ่ง ส่วนสาวๆก็เคลิ้มไปกับเสียงร้องฟอลเซตโต และท่าเต้นพลิ้วๆของเขา แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหนุ่ม Justin จะไม่เคยผ่านช่วงเวลาที่เคยแต่งตัวแย่มาก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว ดาราและศิลปินทุกคนก็เติบโตมาจากการเป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรานั่นแหละ ถ้าคุณเป็นวัยรุ่นยุค 2000 ต้นๆ ก็จะต้องจำได้ดีว่าหนุ่ม Justin ที่เราเห็นแต่งตัวเนี้ยบๆในวันนี้ เคยมีภาพลักษณ์ติดตาแฟนเพลงทั่วโลกด้วยทรงผมหยิกหยองอย่างกับเส้นมาม่า ในสมัยที่เขายังอยู่วง N’SYNC แถมเสื้อผ้าแต่ละชุด ก็จัดว่าดูไม่จืดตามสไตล์บอยแบนด์ยุคนั้น แต่สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับหนุ่ม Justin ก็คือ เขาไม่กลัวที่จะลองผิดลองถูกในเรื่องของการแต่งตัว จนทุกวันนี้เรียกได้ว่าเขากลายเป็นดาราและศิลปินหนุ่มที่ติดอันดับการแต่งตัวในนิตยสารแฟชั่นทั่วโลกถี่ที่สุดคนหนึ่ง คอลัมน์ “Style Idol” ครั้งนี้ เราจึงขอพาทุกคนไปชมวิวัฒนาการของ Justin Timberlake ว่ากว่าเขาจะมาลงตัวด้วยสไตล์หล่อเนี้ยบแบบ gentleman เหมือนทุกวันนี้ เขาได้ผ่านลุคอะไรมาก่อนบ้าง
ย้อนกลับไปช่วงปี 1999-2000 หนุ่ม Justin ในวัย 19-20 ปี กำลังมีชื่อเสียงสุดขีดในฐานะดาวเด่นแห่งวง N’SYNC ที่สาวๆเกือบค่อนโลกเห็นเมื่อไหร่เป็นต้องกรี๊ด ถึงแม้ว่าเซ้นส์แฟชั่นของเขาจะยังไม่ฉายแววเอาเสียเลยก็เหอะ ไหนจะผมบลอนด์หยิกหยอยที่ฟูเต็มหัวนั่น แฟชั่นยุคมิเลเนียมแบบบอยแบนด์โคร่งๆ ที่ดูยังไง๊ยังไงก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มความหล่อให้เลยแม้แต่นิด (แต่กลับเป็นสไตล์เสื้อผ้าที่บอยแบนด์ยุคนั้นต่างผ่านมาเกือบทุกวง) แล้วไหนจะชุดยีนส์คู่สุดเฉิ่มที่เขากับ Britney Spears แฟนสาวในตอนนั้นใส่คู่กันตอนไปร่วมงาน American Music Awards เมื่อปี 2001 นั่นอีกล่ะ ขนาดหนุ่ม Justin เอง เมื่อมองย้อนกลับไปแล้วยังรับไม่ค่อยจะได้เลย “โห เห็นรูปสมัยนั้นทีไร ผมละอยากจะเข้าสถานบำบัด ไอ้ผมหยิกหยอยสมัยตอนอยู่ N’SYNC ก็ว่าแย่แล้ว แต่ไอ้ชุดที่ผมใส่คู่กับ Britney นั่นยิ่งแย่กว่า ผมคงจะต้องทุ่มเงินอย่างเยอะเพื่อที่จะลบรูปสมัยนั้นออกจากอินเตอร์เน็ตทั้งหมดสินะ” อืม…ชัดเจนว่าเจ้าตัวยังอยากจะบอกลา Bye Bye Bye ให้กับลุคเก่าๆพวกนั้นอ่ะนะ
มาถึงยุคท้ายๆของวง N’SYNC กับอัลบั้มสุดท้าย Celebrity ในปี 2001 ช่วงนี้หนุ่ม Justin ดูโตขึ้น และเขาก็ได้สลัดเจ้าทรงผมหยิกหยอยนั่นทิ้งไป แทนที่ด้วยทรงผมสกินเฮดเพื่อให้ลุคดูเป็นหนุ่มขึ้น ถึงแม้ว่าช่วงนี้เขาจะเริ่มใส่พวกเสื้อแจ็กเก็ตหนังเพื่อเพิ่มความเท่และแมสคิวลินมากขึ้น แต่เขาก็ยังดูเหมือนวัยรุ่นที่หลงทางอยู่ดี แต่ละชุดยังดูผิดที่ผิดทาง และยังมีความเชยๆของแฟชั่นบอยแบนด์หลงเหลืออยู่
สำหรับใครที่เป็นวัยรุ่นยุค 2000 ต้นๆ คงจะยังจำกันได้กับเทรนด์แฟชั่นของหมวกเฟโดร่า ที่หนุ่มสาวในยุคนั้นต้องมีใส่กันแทบจะทุกคน และดูเหมือนหนุ่ม Justin จะเป็นผู้นำสำหรับเทรนด์แฟชั่นอันนี้เสียด้วยในสมัยที่เขาได้เป็นศิลปินเดี่ยว ออกอัลบั้ม “Justified” ในปี 2002 ไอ้ตอนนั้นพี่ Justin แกใส่ก็ดูเท่อยู่หรอกนะ (ไม่เชื่อถามสาวๆตอนดูเอ็มวีเพลง “Like I Love You”) แต่พอกลับมาดูตอนนี้จริงๆ แล้วอยากจะถามว่า ตกลงพี่จะแต่งตัวแนวไหนกันแน่เนี่ย จะฮิปฮอป หรือจะสตรีทคะ?
“I’m bringing sexy back”…อีก 4 ปีต่อมา หนุ่ม Justin กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 2 “FutureSex/LoveSounds” เห็นได้ชัดว่าเขาได้ค้นพบการแต่งตัวแบบใหม่ ที่ช่วยขับความหล่อของเขามากขึ้นกว่าเก่า อย่างเสื้อกั๊ก ชุดสูท และกางเกงสแล็ค ถึงแม้ว่าตัวเสื้อผ้าจะดูหลวมโคร่งอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าดูดีกว่าสมัยยุคบอยแบนด์แต่ก่อนมากๆ
มาถึงช่วงปี 2008-2011 หนุ่ม Justin ได้วางไมค์ชั่วคราว แล้วหันมาเอาดีทางด้านการแสดงแทน (The Social Network, Bad Teacher, Friends With Benefits, In Time) ซึ่งพอถึงตอนนี้ เขาได้สลัดภาพหนุ่มวัยรุ่นบอยแบนด์ออกไปจนหมดสิ้น แทนที่ด้วยภาพลักษณ์ของผู้ชายเต็มตัว ที่สนุกกับการแต่งตัวและทดลองสไตล์ใหม่ๆ ด้วยการยืนพื้นด้วยไอเท็ม menswear คลาสสิคต่างๆ อาทิ three-piece suit (สูท+กางเกง+waistcoat ตัวใน) พอดีตัว เนคไท และ หูกระต่าย ที่โดยรวมแล้วแต่งออกมาได้เนี้ยบและดูสมาร์ทไม่เบา แต่เขาก็ยังไม่ทิ้งการใส่พวกแอ็คเซสเซอร์รี่เล็กๆน้อยๆอย่างแว่นตาและหมวกเฟโดร่า (สงสัยพี่แกคงชอบใส่จริงๆ) ที่บางทีก็ผ่านบ้าง แป๊กบ้าง
โอ้…พอมาถึงยุคอัลบั้มล่าสุดอย่าง “The 20/20 Experience” นี่แทบไม่น่าเชื่อว่า Justin Timberlake ที่เราเห็นอยู่นี้จะเคยผ่านการแต่งตัวผิดพลาดมาแล้วมากมาย นอกจากเขาจะกลายเป็นหนุ่มรวยเสน่ห์และแต่งตัวมีเทสต์สุดๆแล้ว การใส่ suit and tie หรือชุดสูทและเนคไทนั้นดูเหมือนจะเป็นลุคซิกเนเจอร์ของเขาไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งเขาก็แต่งมันออกมาดูหล่อเนี้ยบทุกครั้ง ต้องขอชมวิวัฒนาการการแต่งตัวของหนุ่มคนนี้จริงๆ เพราะเขาได้เดินทางมาไกลจากยุคบอยแบนด์อย่างสง่างามมากๆ
Writer: Thip S. Selley
RECOMMENDED CONTENT
เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวเวลาที่เราแอบชอบใครสักคนอยู่ แล้วความสัมพันธ์นั้นมันไม่ค่อยชัดเจน เราก็บอกกับเขาว่าเราเดาไม่เก่งนะ