K11 MUSEA ห้างสรรพสินค้าและศูนย์รวมความหลากหลายทางวัฒนธรรม จุดหมายปลายทางแห่งใหม่ของเอเชีย ณ ใจกลางของอ่าววิคตอเรีย ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมแล้ว ด้วยความมุ่งมั่นที่ต้องการจะเป็น “A Muse by the Sea” หรือ จิตวิญญาณทางความคิดจากท้องทะเล นายเอเดรี่ยน เช็ง จึงรังสรรค์ K11 MUSEA ให้เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่านการผสมผสานของพลังทางความคิด วัฒนธรรม และนวัตกรรมได้อย่างลงตัว จากสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน สู่ร้านแบรนด์สินค้าและคอนเซ็ปต์สโตร์ชั้นนำ K11 MUSEA จะกลายเป็นสัญลักษณ์สำคัญของย่านจิม ซา จุ่ย ที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจ มอบความสดใหม่ ให้การเรียนรู้และความบันเทิงให้แก่ผู้เยี่ยมชมจากทั่วทุกมุมโลก
“เมื่อสิบปีที่แล้ว เราได้เริ่มโครงการที่จะเปลี่ยนแปลงย่านจิม ซา จุ่ย ให้เป็นศูนย์กลางของศิลปะและวัฒนธรรม จึงก่อให้เกิด K11 MUSEA ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของความเปลี่ยนแปลงในสิบปีให้หลังนี้” นายเอเดรี่ยน เช็ง ผู้ก่อตั้ง K11 กรุ๊ป และ รองประธานกรรมการบริหารของ New World Development กล่าว “วิสัยทัศน์ของเรา คือการเปลี่ยนแปลงย่านนี้ด้วยพลังทางความคิดของนักสร้างสรรค์จากหลากหลายแหล่งที่มาและวัฒนธรรมกว่า 100 ท่าน เพื่อสร้าง K11 MUSEA ให้เป็น ‘ซิลิคอนวัลเลย์แห่งวัฒนธรรม’ อย่างแท้จริง ด้วยการสอดแทรกศิลปะ สถาปัตยกรรม ดีไซน์ ความยั่งยืน และวัฒนธรรม ไปยังไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่ง K11 MUSEA จะเป็นพื้นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนยุคมิลเลนเนียลทั่วโลก และทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวงกว้าง เพื่อเชื่อมโยงความคิด วัฒนธรรม และนวัตกรรมเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ”
จุดเริ่มต้นแรงบันดาลใจ จากการทำงานร่วมกันของศิลปินนักสร้างสรรค์กว่า 100 คนทั่วโลก เพื่อเปิดประสบการณ์การช้อปปิ้งรูปแบบใหม่
K11 Musea เป็นภาพสะท้อนของความหลากหลายของผู้คนบนโลกที่เชื่อมต่อถึงกันด้วยปัจจัยต่าง ๆ เป็นบ้านหลังใหญ่ที่รวบรวมเอาสไตล์ วัฒนธรรม ประเพณี และสิ่งของที่มีคุณค่าทางจิตใจจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ในที่เดียวกัน โดยในการออกแบบพื้นที่ในห้างทั้งหมดสิบชั้นนี้ เป็นการทำงานร่วมกันของสถาปนิก ศิลปิน และดีไซน์เนอร์บนเกาะฮ่องกงและทั่วโลกกว่า 100 ชีวิต จนออกมาเป็นโครงสร้างกว่า 100 แบบ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ความคิดและชีวิตประจำวัน ให้ห้างนี้เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่ผสมผสานการช้อปปิ้งและวัฒนธรรมที่หลากหลายไว้อย่างลงตัว ศิลปินและบริษัทชั้นนำผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบ อาทิ Kohn Pedersen Fox Associates, James Corner Field Operations, OMA โดย Rem Koolhaas และ David Gianotten, PLandscape สตูดิโอออกแบบภูมิทัศน์และภายในจากกรุงเทพมหานคร, Speirs + Major ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดแสงจากสหราชอาณาจักร, Monstrum บริษัทนักออกแบบสนามเด็กเล่นจากเดนมาร์ก และ LAAB สตูดิโอสถาปัตยกรรมจากฮ่องกง
สิ่งแรกที่จะได้พบเมื่อเดินผ่านเข้าสู่ตัวห้าง คือ ลวดลายทรงเรขาคณิตแบบเอ็กซ์โซติกบนประตูใหญ่ ก่อนจะเข้าสู่ Opera Theatre หรือโซนเอเทรี่ยมของ K11 MUSEA ที่ถูกประดับด้วยแผงงานศิลปะลายเส้นปั้นมือจากอลูมิเนี่ยมขนาด 1,115 ตารางเมตร ด้วยฝีมือของศิลปินท้องถิ่นและ LAAB โดยมี Oculus หรือหน้าต่างทรงกลมสองดวงฝังอยู่บนเพดานที่ยอดบนสุดของโซนเอเทรี่ยมที่ความสูง 35 เมตร โดยทำหน้าที่กรองแสงอาทิตย์ให้สะท้อนออกมาเป็นรังสีฉาบคลุมทั่วทั้งโถงเอเทรี่ยมเพื่อความสว่างไสวอบอุ่นทั่วบริเวณ
ภายในห้างบนพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะอันกว้างใหญ่นี้ มีสปอตไลท์มากกว่า 1,800 ดวงที่ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถเปลี่ยนโถงเอเทรี่ยมธรรมดาให้กลายเป็นกาแล็กซี่ที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสว่างไสวด้วยฝีมือของ Speirs + Major โดยดวงดาวที่สว่างที่สุดใจกลางกาแล็กซี่นี้คือ The Gold Ball แชมเบอร์ทรงกลมประดับรอบนอกด้วยโครงตาข่ายสีทอง เปล่งประกายเจิดจรัสสร้างแรงบันดาลใจและจินตนาการไม่รู้จบ ทั้งยังเป็นพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับนิทรรศการและงานอีเว้นท์ทางวัฒนธรรม ข้าง ๆ กับโถงเอเทรี่ยม คือชิ้นงานแชนเดอเลียร์ Victoria ที่ออกแบบโดย Lasvit ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคลังสินค้าและเขตอุตสาหกรรมเก่าบนเกาะฮ่องกง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเป็นศูนย์กลางการติดต่อสื่อสารของเกาะเมื่อหนึ่งร้อยปีที่แล้ว
ด้านนอกตัวอาคาร คือ พื้นที่ของ Sunken Plaza ขนาดกว่า 185 ตารางเมตร ซึ่งเป็นที่จัดแสดงงานสตรีทอาร์ท ให้ผู้ชมได้สัมผัสกับศิลปะการแสดงและเสียงเพลง ซึ่งมีส่วนประกอบสำคัญคือ ไฟและน้ำในระบบอินเตอร์แอคทีฟ โดย KULTURE 11 เพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้เยี่ยมชมของ K11 MUSEA ได้สัมผัสกับจิตวิญญาณของการเป็นซิลิคอนวัลเลย์แห่งวัฒนธรรมได้อย่างแท้จริง
ประวัติศาสตร์ของพื้นที่แห่งนี้ ณ ริมอ่าววิคตอเรียบนเกาะฮ่องกง ได้เข้ามามีบทบาทต่อการออกแบบภายในของ K11 MUSEA เป็นอย่างมาก ที่ Muse Edition ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของ MoMa Design Store และร้านของ Off-White นั้น ผู้เยี่ยมชมจะได้เห็นโครงสร้างเพดานแบบ Waffle Ceiling ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากศิลปะยุค 1970 และทำให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นด้วยฝีมืองานประดิษฐ์จาก Speirs + Major ซึ่งนำเอาเทคนิคการเป่าลมมาขึ้นโคมไฟรูปประภาคาร โดยมีพื้นปูนที่เต็มไปด้วยเปลือกหอยนานาชนิด เพื่อสื่อให้เห็นถึงการที่เกาะฮ่องกงเป็นเมืองแห่งท้องทะเล
ความยั่งยืนของชิ้นงานยังเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบ โดย K11 MUSEA ได้รับการรันตีด้วยสุดยอดรางวัลอาคารสำนักงานสีเขียวที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดพื้นที่เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ อย่าง ฟาร์มเกษตรในเมืองบนชั้นดาดฟ้าของอาคาร สำหรับร้านอาหารในคอนเซ็ปต์ Farm-to-Table และสวนแนวตั้งขนาดใหญ่มากกว่า 4,600 ตารางเมตร หรือเทียบเท่ากับสนามเทนนิส 18 คอร์ท ทำให้ K11 MUSEA กลายเป็นแลนมาร์คแห่งใหม่ที่ให้คนเมืองบนเกาะฮ่องกงได้สัมผัสกับพื้นที่สีเขียวของต้นไม้มากขึ้น นอกจากนี้ ภายในตัวห้างยังถูกออกแบบให้เกิดพื้นที่เรียนรู้ผ่านการเล่นและความบันเทิงอย่าง Peacock และ Donut Slides ซึ่งสร้างสรรค์โดย Monstrum บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบสนามเล่นจากเดนมาร์ก
เปิดตัวคอลเลกชันงานศิลปะใหม่ ภายใต้แรงบันดาลใจจากสายน้ำ โดยศิลปินร่วมสมัยชั้นนำจากทั่วโลก
K11 MUSEA จะเป็นแพลตฟอร์มการจัดแสดงคอลเลกชันผลงานศิลปะจากศิลปินร่วมสมัยระดับโลก และผู้มีพรสวรรค์ด้านงานศิลปะมากกว่า 40 คนจากทั่วโลกและบนเกาะฮ่องกง การจัดแสดงผลงานนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการที่เกาะฮ่องกงเป็นเมืองแห่งวัฒนธรรมแห่งสายน้ำ ซึ่งผลงานทั้งหมดถูกรวบรวมและดูแลเป็นอย่างดี โดยนายเอเดรี่ยน เช็ง
คอลเลกชันศิลปะชุดนี้จะเผยแผ่ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่ดำเนินไปอย่างรวดเร็วบนเกาะฮ่องกง ซึ่งจะดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบและหลงใหลกับประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสานรวมเข้าไว้ด้วยกันกับวัฒนธรรม ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมอย่างลงตัว ภายในพื้นที่ของห้างทั้ง 10 ชั้น และรอบ ๆ จะถูกเนรมิตให้เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะสาธารณะที่นำเสนอความโดดเด่นของแต่ละชิ้นงานได้อย่างมีเอกลักษณ์ มีการสลับหมุนเวียนระหว่างศิลปะร่วมสมัยและภาพกราฟฟิตี ภายใต้แนวคิดที่ได้แรงบันดาลใจมาจากสายน้ำซึ่งเปรียบเสมือนการแลกเปลี่ยนความคิดของความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา สังคมและธรรมชาติที่มาพร้อมกับสายน้ำของผู้คนที่อาศัยอยู่บนเกาะฮ่องกง
ศิลปินที่เป็นไฮไลท์ของการจัดแสดงนี้ ได้แก่ Elmgreen & Dragset (b. 1961, เดนมาร์ก และ b. 1969, นอร์เวย์); Erwin Wurm (b. 1954, ออสเตรีย) และ Katharina Grosse (b, 1961, เยอรมนี) ที่ผลงานจะตั้งอยู่บนพื้นที่สาธารณะ รวมไปถึง ยังการจัดแสดงผลงานศิลปะวัฒนธรรมเพื่อสร้างประสบการณ์แปลกใหม่ของการช้อปปิ้งในพื้นที่ทั้ง 10 ชั้นของห้างโดย Adrian Wong (b. 1980, สหรัฐอเมริกา), Cheng Ran (b. 1981, จีน) และ Zhang Enli (b. 1965, จีน) นอกจากนี้ K11 MUSEA ยังอุทิศพื้นที่ชั้นสามให้แก่ผลงานศิลปะจากห้าศิลปินชาวฮ่องกง ได้แก่ Graphic Airlines, Kristopher Ho, Parent’s Parents, Simple Bao และ Katol@Start From Zero และผลงานจากศิลปินชาวอเมริกัน Ron English โดยนักช้อปยังสามารถสนุกสนานไปกับการทัวร์ดูผลงานศิลปะผ่านแอปพลิเคชันของ K11 บนมือถือได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น ใน K11 MUSEA ยังเป็นที่ตั้งของ MoMA Design Store แห่งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปเอเชีย ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ MoMA Design Store ได้ร่วมกับ EDGE Design จากเกาะฮ่องกงในการออกแบบร้านค้าเพื่อให้เกิดเอกลักษณ์ร่วมกันระหว่างแบรนด์และสัญลักษณ์ของความมีชีวิตชีวาของเมืองนี้ โดยแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ MoMa จะมาร่วมแชร์เรื่องราวเบื้องหลังการออกแบบแต่ละผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงแนวคิดของคำว่า ‘การออกแบบที่ดี’ ได้อย่างถ่องแท้
นิทรรศการจาก K11 Craft & Guild Foundation สร้างสรรค์โดย นายเอเดรี่ยน เช็ง ในปี 2561 จะจัดแสดงผลงานศิลปะและงานฝีมือจากจีนที่ปัจจุบันหาชมได้ยาก นอกจากนี้ยังมีโครงการอนุรักษณ์ทักษะงานฝีมือของช่างในสมัยก่อนไว้ที่นี่ด้วย ชิ้นงานเหล่านี้จะถูกนำมาจัดแสดงและวางจำหน่ายเป็นครั้งแรกที่ห้าง K11 MUSEA และผ่านเว็บไซด์สำหรับลูกค้าที่อาศัยอยู่ต่างประเทศ
K11 MUSEA ได้เปิดให้บริการแล้ววันนี้ เพื่อมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสมผสานการระหว่างความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการไม่รู้จบ เข้ากับวัฒนธรรมที่หลากหลายให้แก่นักท่องเที่ยวทุกคน โดยมีจุดมุ่งหวังเพื่อเป็น ซิลิคอนวัลเล่ย์แห่งวัฒนธรรม ซึ่งจะคืนชีวิตชีวาให้แก่อ่าววิคตอเรีย ไปพร้อมกับสร้างแลนมาร์คด้านศิลปะและดีไซน์แห่งใหม่บนเกาะฮ่องกง
K11 MUSEA เป็นจุดศูนย์กลางของทุกไลฟ์สไตล์โดย K11 กรุ๊ป อาทิ K11 ARTUS ที่อยู่อาศัยสุดหรูหราระดับพรีเมี่ยมแห่งแรกในเอเชีย K11 ATELIER อาคารสำนักงานรูปแบบใหม่ที่มุ่งเป็นต้นกำเนิดของความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานทุกคน รวมไปถึงโรงแรม Rosewood Hong Kong ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2562
RECOMMENDED CONTENT
น่าจับตามองมากที่สุด สำหรับศิลปินคู่หูอินดี้ป๊อปอย่าง “Landokmai” (ลานดอกไม้) ประกอบด้วย “อูปิม - ลานดอกไม้ ศรีป่าซาง” (ร้องนำ) และ “แอนท์ - มนัสนันท์ กิ่งเกษม” (กีตาร์, คอรัส) สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) ด้วยความชัดเจนโดดเด่นทางด้านดนตรีที่ผสมผสานความเป็น Dream-pop และความวินเทจแบบ Lo-fi ไว้ด้วยกันได้อย่างมีเสน่ห์