ณ เวลาที่ผมเขียนบทความนี้ ได้เลยเวลากว่า 5 วันแล้ว นับจากที่เราได้นั่งพูดคุยกันที่โรงแรมพูลแมน รางน้ํา หลังจากที่ทาง Nike ได้ชวน Dooddot ไปร่วมสัมภาษณ์
วันนั้นเขามาช้ากว่ากำหนด ด้วยเหตุว่าต้องเข้าพบกับนายกรัฐมนตรีกันทั้งทีม ไม่เป็นไร เรารอได้ ไม่เหนื่อย เขาเหนื่อยกว่าเราเยอะ
ทุกคนรู้แหละว่าผมพูดถึงใคร
11 โมงเป็นเวลาที่ทีมงานได้แจ้งไว้ว่าพี่ตูน –อาทิวราห์ คงมาลัย จะมาถึง ระหว่างนั่งรอไปสักพักก็มีคนมาจับไหล่ผมแล้วพูดว่า “สบายดีไหมครับ” แล้วก็ไล่ถามทุกๆ คนว่าสบายดีไหม พร้อมยกมือไว้อย่างนอบน้อม
พวกเราต่างหากที่อยากเป็นฝ่ายถาม “สบายดีไหม” “เหนื่อยไหม”
1,300 กิโลเมตร ที่วิ่งขึ้นมาจากเบตงถึงกรุงเทพฯ เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากพอสมควร ดูจากภายนอกพี่ตูนผิวคล้ำขึ้นและดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด “หมอบอกให้ผมพัก 2 วัน” พี่ตูนยิ้ม เชื่อว่าทุกคนดีใจที่ได้เห็นเขาพัก 2 วัน และเชื่อว่าทุกคนก็อยากบอกกับพี่ตูนว่า “พี่ตูนพักสักหน่อยก็ได้ เดี๋ยวค่อยไปต่อ”
ความประทับใจจากสองข้างทางเป็นเรื่องราวที่อธิบายไม่หมด เจ้าตัวถึงกับยิ้มแล้วส่ายหน้าระหว่างเราสัมภาษณ์ เพราะมันล้นออกมาจริงๆ พี่ตูนเลยขอพูดถึงจังหวะเข้ากรุงเทพฯ แล้วกันว่า “ตลอดเส้นทางมีเรื่องราวดีๆ เยอะแยะมากมาย อย่างเมื่อวาน (ตอนวิ่งเข้ากรุงเทพฯ) ผมประทับใจมากไม่รู้จะพูดยังไง ขอบคุณครับที่ออกมาให้กำลังใจ ขอบคุณครับที่เห็นด้วย” แค่ประโยคสั้นๆ แต่เชื่อเถอะว่าเขาพยายามกลั่นมันออกมาอย่างเต็มที่แล้ว
ในขณะที่อีกฟากฝั่ง มีหลายจังหวัดที่พี่ตูนไม่ได้ผ่าน แต่ยังมีศิลปินดาราที่ออกมาช่วยกันรับบริจาค พี่เชษ สมายบัฟฟาโล่ เป็นอีกหนึ่งคนที่ออกมาช่วยวิ่ง และรวบรวมเงินได้ถึง 5 ล้านกว่าบาท
แน่นอนว่าพี่ตูนรู้เรื่องแล้วที่พี่เชษวิ่ง แต่ยังมีผู้คนอีกมากมายที่พี่ตูนอยากขอบคุณ “รู้สึกว่าไม่ใช่เฉพาะพี่เชษ สมายบัฟฟาโล่ครับที่ออกมาวิ่ง แต่ยังมีน้องๆ ที่เค้าใส่หน้ากากพี่ตูนแล้วไปวิ่งในอำเภอของเค้า แล้วก็ได้รับเงินบริจาคหลายหมื่นบาท หลายคนวิ่งไม่ได้ก็ออกมาให้กำลังใจ บางคนขายของได้ก็เอากำไรมาให้ผม มันมีหลายวิธีการ ไม่ใช่แค่การวิ่งอย่างเดียว บางคนใช้วิชาชีพของเค้า หรือบรรดาห้างร้าน บริษัทต่างๆ ที่มาบริจาค ผมว่ามันดีเสมอ จะเป็นยังไงก็ได้ครับ ขอบคุณทุกคนที่ออกมาร่วมด้วย ไม่ว่าทางในก็ทางหนึ่ง”
จริงๆ ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้มีพี่ๆ หลากหลายสื่อที่ถามคำถามได้ดีเยี่ยม แต่ผมขออนุญาตเอาคำถามจากทีมนิตยสาร Cleo มาเล่าให้ฟัง เพราะเป็นเหมือนการสะท้อนแรงบันดาลใจ-กำลังใจ ไปมา ระหว่างพี่ตูน และคนให้กำลังใจอย่างเรา
“ตลอดสองข้างทางมีผู้คนมากมายส่งเสียงให้กำลังใจ สิ่งเหล่านี้เป็นแรงบันดาลใจกลับไปถึงพี่ตูนหรือเปล่า” พี่ๆ จาก Cleo ถาม
“แน่นอนครับ มันเป็นสิ่งที่เติมพลังงาน จากรอยยิ้ม จากเสียงหัวเราะ จากยอดบริจาคที่เพิ่มขึ้น ตอนวิ่งแรกๆ รถสิบล้อบีบแตรใส่เสียงดังมาก ผมก็คิดว่าเค้าบีบไล่พวกเรา แต่สักพักเค้าเปิดกระจกออกมาแล้วตะโกน “พี่ตูนสู้ๆ” ผมมีความสุขมาก หรือแม้แต่งานศิลปะที่ทุกคนพยายามวาดให้พี่ตูน ผมพยายามเก็บทุกภาพ บางภาพพี่ตูนเหมือนโครงกระดูกเลยครับ (จังหวะนี้ทุกคนหัวเราะลั่น) แต่มันเติมพลังให้ผมวิ่ง ถ้าไม่มีสิ่งนี้ผมอาจจะยังอยู่แถวปัตตานีเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งเหล่านี้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงให้ผมมาถึงตรงนี้”
ทุกขณะที่พี่ตูนแชร์เรื่องราวระหว่างสองข้างทาง รอยยิ้ม ความสุข มันเต็มอยู่บนใบหน้าของเขา ทำให้เราเข้าใจถึงความรู้สึก ความสุขที่มันเอ่อล้นออกมา จนมันอธิบายไม่หมดจริงๆ
เรื่องราวทั้งหมดนี้ต้องขอขอบคุณ Nike Thailand และ King Power ที่ชวนเราไปพูดคุย ให้เราได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ รวมถึงพี่ๆ สื่อต่างๆในวันนั้น ทั้ง ThaiRun, a day, Cleo, Sneaker On Sight และ ไทยรัฐ (ต้องกราบขอโทษด้วยหากผมตกหล่นใครไป) ที่ได้ร่วมสัมภาษณ์กัน ขอบอกตรงๆ มีความสุขมากครับ
ถึงตอนนี้ยอดบริจาคใกล้ถึงเป้าที่วางไว้แล้ว ในขณะที่พี่ตูนยังต้องวิ่งอีกว่า 800 กิโลเมตร และกำลังอยู่สุพรรณบุรีบ้านเกิด ก็ขอความร่วมมือทุกคนให้เชื่อฟังคำขอร้องจากทีมงาน เพื่อให้โครงการนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี
สุดท้ายอย่าลืมเปลี่ยนตัวเอง ลุกขึ้นมาออกกำลังกาย ดูแลตัวเอง ดูและสุขภาพตัวเองให้ดียิ่งขึ้น เพื่อลดภาระของคุณหมอและคุณพยาบาล ที่สำคัญถ้าเรามีสุขภาพดีเราก็จะทำงานดีขึ้นไปด้วย ตามคำที่พี่ตูนพูดอยู่เสมอ
“อยากให้ทุกคนได้ไปอยู่ระหว่างทางกับผมด้วยจริงๆ ครับ มันสุดจริงๆ ทุกคนยิ้มหมดเลย ไม่มีใครไม่ยิ้มเลย” และพี่ตูนก็ยังยิ้ม
*ขอฝากความเป็นห่วงไปยังทีมงาน #ก้าว ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่ป๊อก หมอเมย์ พี่โอ๊ต พี่เบล พี่ก้อย และทีมงานทุกๆ คน รักษาสุขภาพนะครับ
ขอบคุณครับ
#ก้าวคนละก้าว
#ก้าวคนละก้าวเพื่อ11โรงพยาบาล
#ก้าวนี้เพื่อหมอพยาบาลและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลทุกคน
RECOMMENDED CONTENT
ลู่วิ่งสนามบินนาริตะ ✈️ กับทริปโตเกียว ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร ? INSIDER JOURNY EP1 : Tokyo Marathon