“A picture is worth a thousand words” คือ quote ที่ผุดขึ้นมาเมื่อเราได้หยิบนิตยสาร Kinfolk ที่มาแรงในขณะนี้ขึ้นมาพลิกดู เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ลองเปิดดูนิตยสารเล่มนี้ สิ่งแรกที่จะสะดุดตามากที่สุดคงจะต้องเป็นสไตล์การถ่ายภาพโดยรวมของนิตยสาร ที่ช่างดูละเมียดละไมและเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆพร้อมๆกับการถ่ายทอดบรรยากาศและเรื่องราวของภาพนั้นๆได้อย่างน่าดึงดูดใจ จนทำให้ในบางครั้งเราอาจมองข้ามกับตัวเนื้อหา ที่พอได้ลองอ่านแค่สองสามประโยคแรกในแต่ละคอลัมน์ ก็ทำให้คนอ่านอย่างเรารู้เลยว่านักเขียนของเขาตั้งใจและใส่ใจกับการเขียนมากแค่ไหน
Kinfolk ในคำจำกัดความของ Nathan และ Katie Williams สองคู่รักผู้ก่อตั้งนิตยสารเล่มนี้ ก็คือเป็นเหมือนสมุดบันทึกสำหรับเหล่าอาร์ตติสท์ นักเขียน ดีไซเนอร์ ช่างภาพ เชฟทำอาหาร และครีเอทีฟคนอื่นๆที่มีความสนใจในการนัดรวมกลุ่มกับเพื่อนๆและคนในแวดวงเดียวกัน ให้มาแชร์ประสบการณ์ ไอเดีย และความสนุกแบบติดดินและเรียบง่าย พร้อมๆกับหากิจกรรมใหม่ๆมาร่วมทำและร่วมสนุกกัน Nathan ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาที่ได้นัดเจอกันของเพื่อนๆและคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก จึงกลายมาเป็นแนวความคิดในการก่อตั้งนิตยสาร Kinfolk โดยปัจจัยหลักของตัวนิตยสารก็คือการคำนึงถึงช่วงเวลาที่พวกเราได้มาจอยน์กันและแชร์ช่วงเวลาดีๆในการร่วมกินอาหารอร่อยๆและการพูดคุยกันแบบสบายๆ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่ากิจกรรมเหล่านี้จะทำให้คนเรารู้สึกมีความสมดุลย์และกระปรี้กระเปร่าไปพร้อมๆกัน และทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกสะท้อนให้เห็นในทุกๆองค์ประกอบของ Kinfolk ไม่ว่าจะในเนื้อหา รูปภาพ และสุนทรียะโดยรวมอื่นๆ ทั้งหมดได้สะท้อนความรู้สึกของทีมงาน Kinfolk ต่อความเพลิดเพลินและความสนุกสนานที่ควรจะเป็น: สบายและค่อยๆเป็นค่อยๆไป
ในความเรียบง่ายของ layout design และ art direction โดยรวมนั้นกลับมีอะไรบางอย่างของนิตยสารที่สามารถดึงดูดความสนใจของนักอ่านอย่างเราๆหรือแม้แต่คนทั่วไปให้อยากหยิบนิตยสารเล่มนี้ขึ้นมาดู เราเชื่อว่าเหตุผลหลักก็คือการออกแบบ layout และองค์ประกอบอื่นๆอย่างตัว typography และโทนสีโดยรวมที่ใช้ที่ออกเป็นโทนสีพาสเทล ดูเรียบง่าย สะอาดตาไม่ต้องมีอะไรมาเติมแต่งมากแบบ less is more และขอชมเชยสไตล์การถ่ายภาพด้วยการจัดนำเสนอภาพสิ่งของ อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้สอยกระจุกกระจิกทั้งในบ้านและที่ทำงาน รวมถึงภาพถ่ายของคนในสถานที่ต่างๆที่มักเน้นภาพของคนเหล่านั้นใน working environment ของตัวเองได้อย่างน่าอ่าน โดยโทนโดยรวมของแต่ละภาพสื่อถึงเสน่ห์ของความเรียบง่ายใน lifestyle และการใช้ชีวิตของคนสไตล์ Kinfolk
และที่มองข้ามไปไม่ได้เลยก็คือเรื่องของเนื้อหาที่มีคุณภาพ ที่พอได้อ่านไปไม่กี่ประโยคก็รู้สึกได้ในทันทีว่านักเขียนแต่ละคนเขาใส่ใจและตั้งใจที่จะถ่ายทอดประสบการณ์และเรื่องราวมากแค่ไหน เราขอแนะนำว่าทุกครั้งที่คุณเปิดอ่าน Kinfolk หน้าที่คุณควรอ่านเป็นอันดับแรกคือหน้า “Welcome” ที่เขียนโดย Nathan Williams ในตำแหน่งบรรณาธิการ เพราะในแต่ละฉบับของหน้า Welcome นี้คุณจะได้อ่านถึงความตั้งใจในการนำเสนออะไรบ้างในแต่ละฉบับของนิตยสาร ในเรื่องของเนื้อหานิตยสาร Kinfolk จะประกอบไปด้วยคอลัมน์การสัมภาษณ์ “essay” หรือบทความต่างๆ “profile series” รวมทั้ง ‘“recipe” ในการทำอาหารและขนม และ ‘instruction’ ในการประดิษประดอยทำของตกแต่งต่างๆ ที่ใช้ภาพประกอบ illustration เข้ามาเสริมได้อย่างน่ารัก
จากเดิมที่ Nathan หวังเพียงว่าจะเป็น blog แหล่งข้อมูลสำหรับแบ่งปันภาพบรรยากาศการนัดกันระหว่างกลุ่มเพื่อนและครอบครัว ไปๆมาๆ Kinfolk ได้ดำเนินมาถึงฉบับที่ 8 แล้ว ซึ่งฉบับล่าสุดได้ถ่ายทอดเรื่องราวของวัฒนธรรมในการทำงาน การใช้ชีวิต และการทำอาหารของคนญี่ปุ่น หากวันไหนคุณมีเวลาพักผ่อนอยู่กับบ้านหรือไปนั่งชิวๆที่ร้านกาแฟ ลองหยิบนิตยสาร Kinfolk ขึ้นมาอ่านอย่างตั้งใจ แล้วคุณจะได้แรงบันดาลใจใหม่ๆและการใช้ชีวิตแบบมีคุณภาพมาประยุกต์ใช้ โดยหลังจากนั้นคุณจะรู้ว่านิตยสารเล่มนี้ไม่ได้มีดีไว้แค่วางโชว์
Credit : Kinfolk
RECOMMENDED CONTENT
เพลงนี้พูดถึงเรื่องราวเวลาที่เราแอบชอบใครสักคนอยู่ แล้วความสัมพันธ์นั้นมันไม่ค่อยชัดเจน เราก็บอกกับเขาว่าเราเดาไม่เก่งนะ