ด้วยความเป็นเมืองแห่งตึกระฟ้าและท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนขวักไขว่ ฮ่องกงอาจถูกมองว่าเป็นเพียงเมืองที่กำลังเติบโตอีกแห่งหนึ่ง แต่หากลองพินิจดูให้ลึกลงไปกว่าความเป็นเมืองเหล่านั้น คุณจะทราบได้ทันทีว่าฮ่องกงไม่ได้มีแค่ด้านเดียว
ยกตัวอย่างเช่น นอกเหนือจากการเป็นเมืองหลวงทางการเงินแห่งเอเชียแล้ว รู้หรือไม่ว่าฮ่องกงยังเป็นหนึ่งในเมืองแห่งศูนย์กลางงานศิลปะที่มีชีวิตชีวาที่สุดในภูมิภาค ที่มีตั้งแต่แกลเลอรีหรือนิทรรศการระดับโลกไปจนถึงงานเทศกาลศิลปะ แต่ไม่มีสถานที่ไหนจะแสดงออกมาให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งความคิดสร้างสรรค์ได้เด่นชัดไปกว่าบนท้องถนนของเมืองนี้อีกแล้ว ท้องถนนของฮ่องกงมีตั้งแต่งานศิลปะบนกำแพงที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “การผสมผสานระหว่างตะวันออกและตะวันตก” ซึ่งสามารถพบได้ในย่านเซ็นทรัล (Central) อันพลุกพล่าน ไปจนถึงงานกราฟฟิตี้ในย่านการผลิตและการค้าอย่าง หว่องจุ๊กฮั้ง (Wong Chuk Hang) รวมถึงผลงานแนวฮิปสเตอร์สีสันสดใสของย่านซัมซุยโป (Sham Shui Po) ศิลปะบนท้องถนนเหล่านี้กำลังเปลี่ยนความเป็นเมืองของย่านต่างๆ ด้วยการสื่อสารทางศิลป์ที่งดงามและชัดเจน ศิลปินทั้งในและต่างประเทศต่างนิยมใช้พื้นผิวของตึกรามบ้านช่องต่างๆ ไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็ก เป็นผืนผ้าใบของพวกเขา
ต่อไป เราจะมาพูดคุยกับสองศิลปินเดี่ยวและหนึ่งศิลปินคู่ที่จะมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับงานศิลปะบนกำแพงของพวกเขา รวมถึงย่านในฮ่องกงที่พวกเขาชื่นชอบเป็นพิเศษเมื่อต้องพูดถึงการทำงานศิลปะและการสรรค์สร้างแรงบันดาลใจ
ภาพโดย เอลซา ฌ็อง เดอ ดีเยอร์
เอลซา ฌ็อง เดอ ดีเยอร์ (Elsa Jean de Dieu)
เอลซา ฌ็อง เดอ ดีเยอร์ ศิลปินชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในฮ่องกงเป็นหลักได้รังสรรค์ผลงานศิลปะไปทั่วทุกที่ในแถบเอเชียมานับตั้งแต่ปี 2561 โดยเธอได้ฝากผลงานศิลปะบนกำแพงที่มีเอกลักษณ์สะดุดตาไว้ในฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ และในเมืองต่างๆ อีกมากมาย ผลงานที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษสามารถหาดูได้ตามท้องถนนพีลสตรีท (Peel Street) ในโซโห (Soho) ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางอันเลื่องชื่อด้านความบันเทิงยามค่ำคืน ที่เต็มไปด้วยอาหารนานาชาติสำหรับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติไว้เลือกสรร
ภาพโดย เอลซา ฌ็อง เดอ ดีเยอร์
แรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานชิ้นนี้?
“เจ้าของร้านอาหารริมทางสไตล์บราซิล–ญี่ปุ่นอย่าง อูมะ โนตะ(Uma Nota) และ ลอราและอเล็กซิส ออฟเฟ (Laura & Alexis Offe) กำลังมองหาศิลปินที่จะมารังสรรค์งานศิลปะบนกำแพงอันเปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและการผสมผสานวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน เมื่อพวกเขาติดต่อมา ฉันใช้เวลาเพียงไม่นานที่จะตกลงตอบรับคอนเซ็ปต์ที่ได้มา และลงมือสร้างสรรค์งานที่สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาต้องการ เราได้พูดคุยกันแล้วฉันก็ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการพูดคุยนี้เยอะมากๆ หลังจากนั้นก็เลยกลับมาหาพวกเขาอีกครั้งพร้อมกับรูปผู้หญิงบราซิลคนนี้ที่เต็มไปด้วยพลังบวกและความร่าเริง ฉันทำให้ผู้หญิงคนนี้มีชีวิตชีวาด้วยการใช้สีสันสดใส สีชมพูในส่วนประตูด้านหน้าสื่อถึงดอกซากุระของญี่ปุ่น ส่วนใบแปะก๊วยปลิวไสวที่ใส่เพิ่มลงไปเป็นเหมือนตัวเชื่อมงานศิลปะบนประตูหน้าเข้ากับด้านในของร้านอาหาร”
ภาพโดย เอลซา ฌ็อง เดอ ดีเยอร์
ปฏิกิริยาของผู้คนเมื่อเห็นภาพผลงานของคุณ?
“ตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าลวดลายบนผนังฝีมือชาวต่างชาติอย่างฉันจะได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่หรือเปล่า แต่ก็รับรู้ได้ทันทีว่าผู้คนที่เดินผ่านไปมาต่างรู้สึกเชื่อมโยงกับผลงานชิ้นนี้ และพวกเขาหลายๆ คนก็รู้สึกมีความสุขมากที่ได้พูดคุยกับฉัน แถมยังถ่ายเซลฟี่ด้วยกันไปเป็นที่เรียบร้อย ฉันเชื่อว่างานศิลปะจะสามารถเชื่อมโยงผู้คนได้เองโดยไม่ต้องสนใจเรื่องความแตกต่างทางวัฒนธรรม และนั่นก็คือเหตุผลที่ฉันตัดสินใจที่จะยังคงส่งต่อความสุขและพลังบวกผ่านงานศิลปะด้วยการวาดภาพใบหน้าที่ยิ้มแย้มให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ไปทั่วเมือง!”
ย่านสตรีทอาร์ตในฮ่องกงที่ชอบเป็นพิเศษ?
“ฉันชอบโซโหค่ะ แค่ขึ้นบันไดเลื่อนคุณก็จะเห็นงานศิลปะที่มีความแตกต่างแล้วก็โดดเด่นอยู่มากมาย แล้วฉันยังเป็นแฟนตัวยงของเชิงวาน (Sheung Wan) และถนนทุกสายที่ติดกับถนนฮอลลีวูด (Hollywood Road) เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงย่าน
เลอ มาเรส์ในปารีสที่มีร้านกาแฟแล้วก็ร้านค้าศิลปะสุดฮิป นอกจากนี้ถนนศิลปะ (Artlane) ในไซ้เหยงผู่น (Sai Ying Pun) ยังมีงานศิลปะที่ยอดเยี่ยมซึ่งสร้างสรรค์โดยกลุ่มศิลปินมากความสามารถอีกด้วย
ภาพโดย แครอล มุย และรีเบคกา ที ลิน
แครอล มุย และรีเบคกา ทีลิน (Carol Mui & Rebecca T Lin)
“ผู้มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์” อย่าง แครอล มุย และรีเบคกา ที ลิน สะท้อนความงามของธรรมชาติผ่านงานศิลปะบนกำแพงที่เต็มไปด้วยพรรณไม้เขียวขจี เพื่อนซี้สองคนนี้เริ่มต้นทำธุรกิจรับวาดภาพศิลปะบนกำแพงกันเมื่อปี 2560 เพื่อช่วยเนรมิตกำแพงของอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และร้านค้าต่างๆ ให้ต่างออกไปจากเดิม และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเธอก็ได้ทำงานร่วมกับลูกค้ามากมายอย่าง DBS, Lululemon และ Pizza Express ผ่านการสร้างความสมดุลให้กับท้องถนนอันชวนฝันด้วยพันธุ์พืชอันน่ารื่นรมย์ได้อย่างมีเอกลักษณ์ สไตล์ที่โดดเด่นของทั้งคู่ได้มาจากการยึดหลักปรัชญาของแครอลในแง่ของ “การใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้า” เป็นหัวใจ และใช้ประสบการณ์การทำงานเพื่อยกระดับศิลปะให้กับบ้านเรือนและมรดกทางวัฒนธรรมของ
รีเบคกาผู้เกิดและโตในฮ่องกงมาแต่งแต้มสีสัน ผลงานของพวกเธอช่วยฟื้นฟูสถานที่สำคัญอย่างเดอะ มิลส์ (The Mills) (ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรม การค้าปลีก และแหล่งเรียนรู้เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์) โดยเปรียบได้กับการนำพาเทพเจ้าแห่งธรรมชาติมาสู่โลกแห่งอุตสาหกรรมบนที่แห่งนี้
ภาพโดย แครอล มุย และรีเบคกา ที ลิน
แรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานชิ้นนี้?
เบคกา: ตอนที่ไปดูสถานที่ ฉันสังเกตเห็นว่าส่วนที่ต่อเติมขึ้นมามีความพลิ้วไหวอย่างกลมกลืนไปกับโครงสร้างที่อนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งมีความสอดคล้องกับรูปแบบการทำงานปกติของเราอยู่แล้ว เพราะเราเน้นสร้างสรรค์งานที่สื่อถึงทิวทัศน์ตัวเมืองบนฉากหลังที่เป็นธรรมชาติ ฉันได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมแห่งนี้ โดยเฉพาะเสาสีเขียวที่เป็นเอกลักษณ์ ก็เลยผสมผสานความเขียวขจีที่เป็นซิกเนเจอร์ของเราเข้ากับสิ่งที่ดูเหมือนจะขัดแย้งระหว่างความเฟื่องฟูกับอาคารที่ถูกทิ้งร้างเพื่อกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่จับใจ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วจะเป็นการเน้นความสำคัญของเรื่องราวทางประวัติศาสตร์และมรดกแห่งความงดงามที่ได้รับจากตัวอาคาร
ขั้นตอนการสร้างผลงานชิ้นนี้?
แครอล: ตอนที่ได้ไปวาดภาพที่ซุนวาน (Tsuen Wan) เป็นอะไรที่เปิดประสบการณ์ของฉันมากๆ ค่ะ แม่ของฉันเติบโตที่นั่น ก็เลยถือเป็นโอกาสที่เราจะได้เที่ยวเล่นดูความสนุกสนานในวัยเยาว์ของแม่ด้วยในช่วงที่เราได้พักจากการทำงาน อย่างเช่นการลองไปชิมบะหมี่ที่แม่ชอบที่ถนนคนเดินเฮืองเจ (Heung Che Street Market) มันเยี่ยมมากที่ได้เห็นว่าบางสถานที่เหล่านี้ยังคงอยู่ แล้วก็ยังมีช่วงเวลาที่น่ารักมากๆ อยู่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มีคนแปลกหน้าเดินมายื่นเครื่องดื่มเย็นๆ จาก 7-11 ให้กับเราสองคน เพราะว่าวันนั้นเป็นวันที่ร้อนแล้วแดดก็แรงมากๆ เลยค่ะ
ภาพโดย แครอล มุย และรีเบคกา ที ลิน
ปฏิกิริยาของผู้คนเมื่อเห็นภาพผลงาน?
เบคกา: เรารู้สึกแปลกใจจริงๆ ที่ภาพนี้เป็นที่นิยมมาก เราไม่ได้คาดหวังว่าผู้ใช้ทินเดอร์หลายคนจะนิยมใช้ผลงานชิ้นนี้ของเราเป็นพื้นหลังของรูปโปรไฟล์! มันรู้สึกดีมากๆ เวลาผลงานของเราได้รับการตอบรับที่ดี แล้วก็น่าสนใจมากที่ได้เห็นว่าชิ้นงานของเราจะมีหน้าตาออกมาต่างกันอย่างไรผ่านฟิลเตอร์ที่พวกเขาใช้
สถานที่แห่งแรงบันดาลใจในฮ่องกง?
แครอล: ผลงานของเราเน้นไปที่พืชพรรณไม้และพฤกษศาสตร์ และฮ่องกงก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการเดินป่าและเพลิดเพลินไปกับทิวเขาเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจ เบคกาอาศัยอยู่ในไซกุง (Sai Kung) ส่วนฉันเคยอาศัยอยู่บนเกาะลัมมา (Lamma Island) ก็เลยพูดได้ว่าธรรมชาติอยู่ใกล้เหมือนเป็นสวนหน้าบ้านของเราจริงๆ นอกจากนั้น เราก็ยังรู้สึกสนุกที่ได้เดินเที่ยวเล่นในตลาดดอกไม้ปรินซ์เอ็ดเวิร์ด (Prince Edward Flower Market) เพื่อมองหาพืชพันธุ์แปลกๆ พืชตามฤดูกาล หรือพืชหายากที่เราหาไม่ได้ตามป่าเขา เราทั้งคู่ต่างหลงใหลในพรรณไม้ที่ปลูกในบ้าน (แปลกใจไหมล่ะคะ) ก็เลยถือว่าวันหาแรงบันดาลใจแบบนี้เป็นวันช็อปปิ้งไปในตัว แม้ว่าบ้านของเราทั้งคู่แทบจะไม่เหลือที่ให้ปลูกต้นไม้แล้วก็ตาม…
ภาพโดย Szabotage
Szabotage
Szabotage ศิลปินและนักออกแบบเมืองร่วมสมัยชาวอังกฤษ ซึ่งมีชื่อเสียงจากผลงานกราฟฟิตี้อันสวยงามแบบย้อนยุคและการแสดงตลกบนเวที ได้ใช้ผลงานสตรีทอาร์ตของตัวเองมาดึงให้ผู้คนเห็นถึงแก่นแท้ของฮ่องกง โดยการหลอมรวมแรงบันดาลใจจากทั้งตะวันออกและตะวันตกเพื่อรังสรรค์ความเป็น “ฮ่องกง” ที่มีเอกลักษณ์ หลังจากที่ได้ทำงานให้กับแบรนด์ Louis Vuitton, Pret A Manger, Ritz Carlton และอื่นๆ อีกมากมาย ผลงานของเขาก็กลายมาเป็นที่นิยมอย่างมากด้วยความที่มีสีสันสดใสและการสะท้อนวัฒนธรรมที่โดดเด่นและเป็นที่นิยม เนื่องจากเป็นการลงลึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างสถาปัตยกรรมเมืองกับชุมชนจากมุมมองของ Szabotage เอง
งานศิลปะบนกำแพงรูปเสือดาวอันเป็นเอกลักษณ์ของ Szabotage ได้ถูกเนรมิตขึ้นบนฉากหลังของย่านบ้านเรือนที่เงียบสงบในแถบชนบทของฮ่องกง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัฒนธรรมไม่ได้เป็นแค่เรื่องของความเป็นสากลเพียงอย่างเดียว
ภาพโดย Szabotage
แรงบันดาลใจเบื้องหลังผลงานชิ้นนี้?
“ผมเริ่มจากการวาดภาพล็อบสเตอร์ขนาดใหญ่บนผนังบ้านของตัวเอง เพราะว่าเราเรียกย่านนี้กันว่าอ่าวล็อบสเตอร์ (Lobster Bay) แล้วก็ได้รับการตอบรับที่น่าทึ่งจากผู้คนในพื้นที่ ทำให้คนแถวๆ นั้นเริ่มมาติดต่อให้ผมไปวาดภาพบนกำแพงของพวกเขา ผมก็เลยมีโอกาสได้วาดภาพศิลปะบนกำแพงขนาดใหญ่เป็นครั้งที่สองในสถานแห่งนี้ ทำให้ผลงาน Village Cat ได้ถือกำเนิดขึ้น
แรงบันดาลใจเบื้องหลังงานศิลปะบนกำแพงงานนี้มาจากเรื่องราวของคนในครอบครัว ความสนใจ และความชื่นชอบแมวเป็นพิเศษของพวกเขา ผมได้เพิ่มองค์ประกอบที่ดูเป็นกีฬาเข้าไปเพื่อแฝงให้เห็นถึงความชอบกิจกรรมที่แอคทีฟ รวมถึงทำลายฉลุเป็นรูปครอบครัวกำลังเล่นแพดเดิลบอร์ดด้วยกัน การเพิ่มรูปผีเสื้อไว้ด้านข้างเป็นการแสดงถึงความเคารพต่อสัตว์ป่าอันน่าอัศจรรย์ที่อยู่รอบตัวเราในย่านอ่าวเคลียร์วอเตอร์ (Clearwater Bay) ด้วย”
ภาพโดย Szabotage
ขั้นตอนการสร้างผลงานชิ้นนี้?
“ตอนที่ผมลงสี หลายๆ คนที่ผ่านไปมาหยุดเดินแล้วก็ชวนผมคุย ส่วนที่ผมรู้สึกชื่นชอบในการรังสรรค์ศิลปะบนกำแพงตามท้องถนนคือการที่เราสามารถพูดคุยโต้ตอบกับผู้คนในขณะที่คุณกำลังวาดภาพอยู่ แล้วก็ได้เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาต่องานของคุณตรงนั้นเลย
ผมยังจำตอนที่มีเด็กสาวคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผมได้ พอเธอกลับไปบ้าน เธอก็วาดรูปมาให้ผม ผมรู้สึกมีความสุขมากจริงๆ ที่ได้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเธอ ถ้างานศิลปะของผมมีส่วนช่วยทำให้คนหันมาวาดภาพเพิ่มมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่สำหรับผมเลยล่ะครับ
ผลงานอย่าง Village Cat ถือเป็นการสรรเสริญให้กับฮ่องกง มันก็เลยเป็นเรื่องที่ทรงคุณค่ามากๆ เวลาผู้คนที่นี่ชื่นชมสิ่งที่ผมสร้างขึ้น แถมยังเป็นเรื่องที่วิเศษมากขึ้นไปอีกเวลาที่คนอื่นๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในฮ่องกงและไม่ได้มีความเชื่อมโยงส่วนตัวอะไรกับผลงานชิ้นนี้มาร่วมชื่นชมไปด้วย”
ภาพโดย Szabotage
ย่านสตรีทอาร์ตในฮ่องกงที่ชอบเป็นพิเศษ?
“ไซ้เหยงผู่น (Sai Ying Pun) ยังเป็นหนึ่งในสถานที่โปรดของผมเวลาพูดถึงสตรีทอาร์ตในฮ่องกง ด้วยการผสมผสานระหว่างฮ่องกงแบบเดิมๆ เข้ากับการพัฒนารูปแบบใหม่ เราจึงได้เห็นรูปแบบของสตรีทอาร์ตและผลงานที่มีความหลากหลาย
ถนนหลายสายรอบไซ้เหยงผู่นถูกเปลี่ยนเป็นผืนผ้าใบหลากสีพร้อมภาพศิลปะบนกำแพงที่มีชีวิตชีวาซึ่งรังสรรค์โดยศิลปินทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงศิลปะแนวสตรีทในแกลเลอรีต่างๆ ซึ่งให้ความรู้สึกเป็นสากลมากๆ เนื่องจากศิลปินที่มีชื่อเสียงทั่วโลกจะร่วมกันฝากผลงานไว้ ณ ที่แห่งนี้เมื่อพวกเขามีโอกาสได้แวะเวียนมาที่ฮ่องกง
ไซ้เหยงผู่นยังเป็นแหล่งรวมงานมีชื่อของผมในคอลเลกชันปลาคาร์ฟ ซึ่งหลายรูปก็มีผลงานของศิลปินท่านอื่นๆ เข้ามาวาดเสริมต่อเติม แถมมีอยู่รูปหนึ่งที่มีคนมาวาดภาพพวกแมวไว้ข้างๆ ปลาอย่างมีอารมณ์ขันด้วย
RECOMMENDED CONTENT
Midea Group จับมือกับ “บาส-นัฐวุฒิ พูนพิริยะ” ผู้กำกับมากฝีมือจากภาพยนตร์เรื่องฉลาดเกมส์โกง และ เจ. วอลเตอร์ ธอมสัน กรุงเทพฯ สร้างสรรค์ผลงานโฆษณา จากเรื่องจริงสร้างแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นสู้เพื่อความฝันของนางแบบสาวชาวบราซิล Paola Antonini ที่ประสบอุบัติเหตุต้องใส่ขาเทียม