เวลาที่คุณรู้สึกเหนื่อยล้าและขาดแรงบันดาลใจ คำถามคือ คุณจะเยียวยาตัวเองด้วยวิธีไหน?!
วันนี้ Dooddot ได้มีโอกาสมาเยือน DUKE Contemporary Art Space พื้นที่ที่เรียกได้ว่าเป็น ‘Creative Space’ แห่งใหม่ใจกลางกรุง แน่นอน ขึ้นชื่อว่าเป็นพื้นที่สร้างสรรค์ นั่นหมายความว่าเราอาจได้เจอกับงานศิลปะหลากแขนง! ไม่ว่าจะงานศิลปะ อาหาร หรือเครื่องดื่มแปลกใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจาการรวมตัวกันของนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรงจากวงการร้านอาหารและเครื่องดื่มชั้นนำ อย่าง The Water Library จับมือกับนิตยสารศิลปะที่เข้มข้นที่สุดและยืนระยะยาวนานที่สุด หัวหนึ่งในประเทศไทยอย่าง Fine Art ร่วมกับศูนย์การค้าเกษรที่ใจดีเปิดพื้นที่ให้พวกเรามาปล่อยของกันในวันนี้
แล้วการ Collaboration ในครั้งนี้ก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เมื่อเดินเข้ามาก็ได้พบกับผลงานศิลปะจาก 2ศิลปินเลือดใหม่ของเมืองไทย อายิโนะ วีรพงษ์ ศรีตระกูลกิจการ และ จู ปาริชาติ ศุภพันธ์ นำเสนอผลงานจิตกรรมชุด ‘Selfie’ ที่เควชชั่นมาร์กตัวโตๆ กับสังคมถึงคุณค่าแท้จริงในตัวมนุษย์กับเปลือกนอกที่สร้างขึ้น เพื่อให้ได้รับการยอมรับในโลกเสมือนจริง ซึ่งตัวนิทรรศการได้จัดแสดงบริเวณทางเข้าหน้าร้าน ที่จะมีนิทรรศการผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงทุก 1 เดือน
นอกจากงานนิทรรศการของศิลปินทั้ง 2 แล้ว ภายในพื้นที่ 477 ตร.ม ยังมีผลงานปะติมากรรมปั้น หล่อไฟเบอร์กลาส รูปปั้นผู้หญิงที่ดูอ่อนช้อยทำกิริยาท่าทางต่างๆ และงานศิลปะอีกหลากหลายรูปแบบแอบอยู่ตรงนั้นตรงนี้ เหมือนเป็นพร๊อบสนุกๆ เติมแต่งให้ร้านดูมีสีสันยิ่งขึ้น
ส่วนบริเวณ Cigar Lounge นั้นก็ไม่น้อยหน้า กับคอนเซ็ปต์ Full Whiskey Bar จัดเต็มคอนเท้นต์เรื่อง Single Malt และ Cognac ชั้นดีหลากหลายแบรนด์ อย่าง Armagnac Gelas ที่แอบกระซิบว่าคุณจะเจอได้ที่ร้าน DUKE เท่านั้น ถ้าหากใครสนใจก็สามารถแวะเข้ามาลิ้มลองกันได้ เพราะเขามีซอมเมอร์ลิเย่มืออาชีพคอยให้คำแนะนำในการเลือกเครื่องดื่มอย่างเป็นกันเองในบรรยากาศดิบเท่ แต่อบอุ่น ตกแต่งด้วยภาพวาดของ อลงกรณ์ หล่อวัฒนา หนึ่งในผู้ก่อตั้งนิตยสาร Fine Art อีกทั้งยังมีซิการ์ของ Davidoff ไว้บริการ แถมยังมีบริเวณเลานจ์สำหรับ Member Card จำนวน 2 ห้อง ซึ่งจะได้สิทธิพิเศษต่างๆ ไว้ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆ แบบส่วนตัวได้อีก
ชมงานศิลปะจนอิ่มใจ เราก็มาแวะที่บูธของเบียร์ Leffe ที่ขนเบียร์ Leffe Royale เบียร์ Ale ตัวใหม่ล่าสุดมาเอาใจบรรดาสื่อมวลชนและแขกเหรื่อในงานอย่างเต็มอิ่ม ต้องขอบอกเลยว่า Leffe Royale จากเบลเยี่ยมตัวนี้แตกต่างจาก Leffe ที่เราเคยลิ้มลองอย่างสิ้นเชิง ด้วยคาแร็กเตอร์ของเบียร์ที่ใช้การบ่มแบบ Top-fermentation ซึ่งใช้ยีสต์ประเภทที่ลอยอยู่บริเวณด้านบนของถังหมักเบียร์ที่อุณหภูมิทึ่สูงกว่าการบ่มเบียร์ปกติ เบียร์ที่ได้จึงเป็นเบียร์ประเภท Ale รสเข้ม
และตัว Leffe Royale นี้ได้ทำการผสมผสาน Hops ด้วยกันถึง 3 ชนิด ซึ่ง 1 ในนั้น คือ Whitbread Golding ที่เรียกว่าเป็นฮ็อพระดับท๊อปของประเทศเบลเยี่ยมเลยก็ว่าได้ โดยฮ็อพ Whitbread Golding นั้นจะให้เบียร์รสชาติแน่น Full-bodied ลงตัวระหว่างความขมกับความหวาน เป็นเบียร์สีบลอนด์ทองที่มีกลิ่นหอมอโรม่าจางๆ ของเลมอนและเกรปฟรุ๊ต เสิร์ฟมาในแก้วก้านยาวพิเศษเฉพาะของ Leffe มีโลโก้แสดงถึงประวัติการบ่มเบียร์อันเก่าแก่ยาวนานของ Abbey Beer ที่ผลิตในเบลเยี่ยมมานานกว่า 800 ปี
ส่วนอาหารที่เรานำมา Pairing กับเบียร์ Leffe Royale ขวดนี้นั้นก็สามรถเลือกได้หลากหลายมิติ แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องพวกทาปาสกินเล่นเบาๆ ไม่ว่าจะเป็น ชีสชนิดต่างๆ พวกโคลคัตส์ Jamón Ibérico, Chorizo, Parma Ham, Salami หรือพวก Smoked Meat ที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศและสมุนไพรหอมๆ อย่าง Pastrami กลิ่นรมควันหอมๆ จะยิ่งดึงคาแร็กเตอร์ของเบียร์ออกมา เพื่อการดื่มด่ำอาหารไปพร้อมกับช่วงเวลาอันน่าจดจำได้อย่างดีเยี่ยมไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
ส่วนถ้าพูดถึงอาหารจานหลักแล้วละก็ เราแนะนำอาหารประเภทเนื้อ เช่น Red Meat Steak ที่ย่างแบบ Medium rare ไม่ก็อาหารที่มีส่วนผสมเครื่องเทศและสมุนไพร รสชาติจัดจ้าน เผ็ดร้อน อย่างอาหารไทยนี่ละเข้ากันสุดๆ อย่าบอกใครเชียว!
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งงานที่ต่อใจมาก เพราะนอกจากจะได้เสพงานศิลป์ดีๆ หลากหลายแขนงในพื้นที่สุดครีเอทีฟใจกลางเมือง ยังปลุกแรงบันดาลใจให้กลับมาโลดแล่นได้อีกครั้งด้วย
Leffe Thailand
Website: http://www.leffe.com
Facebook: https://www.facebook.com/LeffeThailand
RECOMMENDED CONTENT
เมื่อสองศิลปินคุณภาพชื่อดังของสิงคโปร์ Gentle Bones และ Charlie Lim ได้มีโอกาสมาร่วมงานเพลงด้วยกันครั้งแรก