fbpx

CONTACT US

DOODDOT VIDEOS

“L’Usine” แฟชั่นบูติค คาเฟ่ และ แกลเลอรี่ ศูนย์กลางของความทันสมัยและวัฒนธรรมของคนเวียดนามรุ่นใหม่ [L’Usine Review English Translation]
date : 6.พฤศจิกายน.2013 tag :

ท่ามกลางถนนช้อปปิ้งอันพลุกพล่านและมีสีสันของ Le Loi Street ที่อยู่ระหว่างโรงแรมหรู Rex Hotel และตลาดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอย่าง Ben Thanh Market เราก็จะพบกับ L’Usine คาเฟ่ แฟชั่นบูติค และ แกลเลอรี่ทันสมัยชื่อดังประจำเมืองโฮจิมินห์ กับการตกแต่งหน้าร้านด้วยไม้ทึบและสีเทาเข้ม ที่ถ้าหากไม่ได้สังเกตดูดีๆอาจเดินผ่านไปเสียง่ายๆ เพราะมัวโดนสีสันของร้านรวงอื่นๆดึงดูดสายตาอยู่ แต่ถ้ามองขึ้นไปที่ระเบียงชั้นสองของตึก ก็จะเห็นป้ายไฟขนาดใหญ่ของคำว่า “L’Usine” ติดโชว์อยู่อย่างสวยงาม L’Usine ไม่ใช่เป็นแค่เพียงคาเฟ่ที่มีชั้นล่างเป็นร้านเสื้อผ้าธรรมดาๆ แต่การดีไซน์และการตกแต่งของร้านนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากมนต์เสน่ห์ของวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมการค้าขายของยุคอินโดจีน โดยพื้นที่ของร้านนั้นไม่ได้ถูกดีไซน์ให้ showcase แบรนด์สินค้าจากทั่วโลกเพียงเท่านั้น แต่เพื่อแสดงศักยภาพของความคิดเชิงครีเอทีฟทันสมัยของคนเวียดนามรุ่นใหม่อีกด้วย คาเฟ่สุด modern อย่าง L’Usine นี้ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่และประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในวงการธุรกิจคาเฟ่และแฟชั่นบูติคของเมืองโฮจิมินห์นับตั้งแต่ที่คาเฟ่แห่งนี้เปิดครั้งแรกเมื่อปี 2010 จนถึงกับต้องขยายกิจการเปิดสาขาที่สองบนถนน Le Loi แห่งนี้เอง

เมื่อเข้าไปข้างในร้าน คุณก็จะพบกับส่วนที่เป็นแฟชั่นบูติคที่เต็มไปด้วยสินค้าแฟชั่นทันสมัยมีสไตล์ รวมทั้งเครื่องครัวจานชาม สมุดโน๊ต โปสการ์ด ปากกา ดินสอ และของตกแต่งบ้านสไตล์วินเทจเหมาะแก่การซื้อไปเป็นของฝากติดไม้ติดมือให้กับเพื่อนๆหรือคนในครอบครัว เสื้อผ้าและรองเท้าแต่ละยี่ห้อนั้นส่งตรงแบบ exclusive มาจากทั่วโลก รวมทั้งเมื่องแฟชั่นระดับโลกใหญ่ๆอย่างลอนดอน ปารีส นิวยอร์ก ไปจนถึงโตเกียว ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีเสื้อผ้าหลากหลายสไตล์ให้เลือกตั้งแต่เสื้อผ้า high-end ราคาแพงไปจนถึงเสื้อผ้า streetwear ทันสมัย เหมาะสำหรับวัยรุ่นและหนุ่มสาวที่ชื่นชอบในการแต่งตัวแบบสรีทแฟชั่น

เพลิดเพลินไปกับการดูของจากชั้นล่างแล้ว คราวนี้เราจะพาขึ้นไปในส่วนของคาเฟ่บนชั้นสองที่ถูกออกแบบให้มีเพดานสูง กำแพงอิฐสีขาว และพื้นคอนกรีตสีเทามันวาวให้กลิ่นอายของการตกแต่งแบบสไตล์ industrial หน่อยๆ เราได้เลือกนั่งที่โต๊ะคู่ในฝั่งที่สามารถมองเห็นโต๊ะยาวบนส่วนของพื้นที่ยกระดับของคาเฟ่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นมุมโปรดของคนหนุ่มสาวเหล่าครีเอทีฟชาวเวียดนามทั้งหลายให้สามารถวาง laptop ทำงานไปด้วยจิบกาแฟไปด้วย ในส่วนของด้านหลังของโต๊ะยาวก็จะเป็นระเบียงของร้าน ใครที่อยากนั่งชมวิวมองดูถนนอันมีสีสันของ Le Loi ในขณะที่กินบรั้นช์และจิบกาแฟหรือจะอ่านหนังสือไปด้วย มุมระเบียงก็ถือว่าเป็นมุมที่เหมาะสำหรับคุณ สำหรับเมนูอาหารนั้นก็มีหลากหลายสไตล์อาหารให้เลือกทาน ตั้งแต่อาหารเอเชี่ยนฟิวชั่น อาหารเช้า บรั้นช์ ไปจนถึงอาหารฝรั่งเศสและอาหารเวียดนาม รวมทั้งขนมหวานและเครื่องดื่ม สำหรับอาหารทานเล่นหรือ appetizer เรากับเพื่อนๆลองสั่ง “Vietnamese Caramelized Pork Salad with herbs, peanuts and lime dressing” ซึ่งก็คือสลัดผักโรยหน้าบนหมูทอดประมาณ 8-9 ชิ้น หมูทอดจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆคล้ายแหนมบ้านเรา แถมมีข้าวเกรียบแถมมาให้ด้วย จานนี้ทานแล้วจะให้ความรู้สึกสดชื่นจากผักและน้ำสลัดและอิ่มแบบพอดีๆ คนที่นี่เขานิยมทานผักกันมาก ไม่ว่าจะสั่งอาหารจานไหนจะเห็นผักนำมาก่อนเลย จานนี้ราคาตกอยู่ที่ 115,000 ดอง คิดเป็นเงินไทยก็อยู่ที่ประมาณ 170 บาท สำหรับอาหารจานหลักเราได้สั่ง “Stuffed Chicken, Mushroom, and Olive Baguette” หรือบาเก็ตประกบเนื้อไก่กับเห็ดและโรยหน้าด้วยผักสลัดสีสันสวยงามน่ารับประทาน จานนี้ราคาอยู่ที่ 125,000 ดองหรือประมาณ 185 บาท ส่วนของหวานเราสั่ง “Apple Crumble with Cinnamon Cream and Berries” หรือแอปเปิ้ลครัมเบิ้ลราดด้วยซินนามอนครีมและซอสเบอร์รี่ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป จานนี้อยู่ที่ราคา 80,000 ดองหรือประมาณ 118 บาท ส่วนเครื่องดื่ม มาเวียดนามทั้งทีจะมาสั่งโค้กหรือน้ำผลไม้ก็ใช่ที่ เพราะที่นี่เขาบ้าการดื่มกาแฟมากจนเป็นวัฒนธรรมสำคัญอย่างหนึ่งประจำประเทศเลย เราเลยขอลองสั่งทั้งกาแฟร้อนและกาแฟเย็นมาดื่ม ราคาตกอยู่ที่ 40,000 และ 45,000 ดอง หรือประมาณ 59 บาทและ 66 บาท ขอบอกว่าไม่ผิดหวังเลยที่ลองสั่งกาแฟร้านนี้ เพราะรสชาติของทั้งกาแฟเย็นและกาแฟร้อนนั้นกลมกล่อมเข้มข้นพอดีเป๊ะ ถ้าใครสั่งกาแฟร้อนทานที่เวียดนาม ที่นี่เขาจะมีเอกลักษณ์อย่างหนึ่งในการเสิร์ฟกาแฟ เขาจะเอาถ้วยกรองสแตนเลสที่มีกาแฟคั่วข้างในวางอยู่บนแก้วกาแฟ ค่อยๆเทน้ำลงไป แล้วน้ำกาแฟก็จะค่อยๆถูกกรองออกมาผ่านถ้วยกรองไหลบนนมข้นที่อยู่ข้างใต้แก้ว พอจะดื่มก็เอาฝาและถ้วยกรองออกและคนๆกาแฟและนมข้นให้เข้ากัน บอกได้เลยว่าคนรักการดื่มกาแฟต้องห้ามพลาด ส่วนพนักงานเสิร์ฟของร้านนี้ แต่ละคนมีความเอาใจใส่เป็นอย่างดี และส่วนตัวก็รู้สึกชอบที่เห็นพนักงานทุกคนใส่เสื้อยืดของร้าน L’Usine เพราะให้ความรู้สึกของการเป็นทีมเวิร์ค

ทานอาหารเสร็จ ก่อนที่จะกลับลงไปชั้นล่าง ลองแวะชมผลงานการออกแบบสินค้าต่างๆตรงมุมห้องใกล้กับบันได ซึ่งทั้งหมดเป็นผลงานการออกแบบของ “District Eight Design” หนึ่งในดีไซน์เฟิร์มอันดับแรกๆของเวียดนามซึ่งออฟฟิสเขาตั้งอยู่ที่เมืองโฮจิมินห์นี่เอง ขอบอกว่าการแปลงโฉมตึกเก่าสไตล์ผรั่งเศสรวมทั้งการตกแต่งร้านของ L’Usine ทั้งสาขาแรกและสาขาที่สองที่เราได้เห็นอยู่นี้เป็นผลงานของทีม “District Eight Design” ล้วนๆ

ก่อนจากกัน ถ้าคุณได้มีโอกาสมาเที่ยวเมืองโฮจิมินห์เมื่อไหร่ ไม่ว่าคุณจะได้มาเที่ยวแค่ไม่กี่วันก็ตาม คุณไม่ควรพลาดมาแวะเยี่ยมชม L’Usine ด้วยประการทั้งปวง เพราะมันคือที่ๆคุณจะได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจจากเมืองอันแสนวุ่นวายภายนอก พร้อมกับได้มาซึมซับบรรยากาศและได้แรงบันดาลใจใหม่ๆจากไลฟ์สไตล์และวัฒนธรรมสมัยใหม่ของคนเมืองโฮจิมินห์ นอกจากนี้คุณยังจะได้ชมและรู้จักผลงานของเหล่าครีเอทีฟรุ่นใหม่ไฟแรงของเวียดนามตั้งแต่ศิลปินไปจนถึงนักออกแบบ ที่แน่ๆเราคนนึงล่ะ ที่จะกลับไปอุดหนุนร้าน L’Usine นี้ในการไปเที่ยวเมืองโฮจิมินห์ครั้งต่อไปถ้ามีโอกาส

ที่อยู่: 151 Dong Khoi, District 1 Ho Chi Minh City, Vietnam

70B Le Loi, District 1 Ho Chi Minh City, Vietnam

เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 7.30 น. – 22.30 น.

อีเมล: info@lusinespace.com

Website: www.lusinespace.com

Facebook: www.facebook.com/Lusinespace

 

Among the lively and busy street of Le Loi, the hip shopping area of Ho Chi Minh City between the Rex Hotel and Ben Thanh Market, sits L’Usine, a contemporary Vietnamese café, fashion boutique, and art gallery. However, L’Usine’s ethos is more than just that. Inspired by “the timeless elegance and enterprising industry of the Indochina era”, L’Usine’s space has been designed to not only showcase global fashion, but also to celebrate modern Vietnamese creativity. Ever since it was freshly opened in 2010, L’Usine has had a big impact on Ho Chi Minh City’s café and boutique scene, as well as among the new generations and the creative groups of the city. With the huge success of the original L’Usine, which is situated right in the heart of the city in Dong Khoi Street, one of the city’s two main commercial centers, where you can be easily swept away finding numerous boutiques, cafés, restaurants, and the old French architectures, the second outlet has recently opened on Le Loi Street, which is the one I have visited.

Once you step inside L’Usine, you will be welcomed to the retail space that showcases cool and trendy fashion items, as well as lifestyle items such as crockeries, stationary products, and vintage home decor items that are great for souvenir purchases. The exclusive fashion labels are imported from all over the world, from London, Paris, New York, to Tokyo, showcasing a variety of contemporary styles from high-end fashion to urban streetwear.

Situated right in the middle of the retail space are the dark wooden stairs that will lead you up to the café on the second floor. The café is a wide open space with high ceilings, white brick walls, and sleek concrete floors. I chose a seat at a double table looking out to the long communal table where a young mix of Vietnamese creatives sit having a sip of coffee, while having their headphones on and tapping away on their laptops, plugged into their own world. Behind the long table is an outdoor terrace for anyone who fancy looking across a good view of the busy and vibrant Le Loi Street. L’Usine also has an impressive menu with a variety of food styles, from Asian fusion, breakfast, brunch, to French and Vietnamese, as well as desserts and drinks. For starters, my friends and I ordered “Vietnamese Caramelized Pork Salad with herbs, peanuts and lime dressing” (115.000 VND or around $5.4), along with “Stuffed Chicken, Mushroom, and Olive Baguette” (125.000 VND, around $5., and “Apple Crumble with Cinnamon Cream and Berries” (80.000 VND, around $3.7) for dessert. Since Vietnam is known for its huge coffee culture, I also wanted to try out the coffee by ordering “Vietnamese Iced Coffee” (45.000 VND, around $2) and “Vietnamese Hot Coffee” (40.000 VND, around $1. for drinks. The food came in big portions and the flavors were appetizing and hit the spot. I have to say that the Vietnamese coffee, both hot and cold, were very impressive. They were very rich and smooth in flavor, not too sweet or too bitter. I really do recommend anyone to try out the Vietnamese coffee here, as nothing feels more contemplative than watching the black coffee slowly drips through the stainless steel filter into the condensed milk sitting at the bottom of your glass, waiting for you to give it a good stir afterwards. The staffs here are also friendly and attentive, each one look promising with their L’Usine t-shirt.

Before heading back downstairs, don’t forget to look around the space near the stairs that exhibits design products from “District Eight Design”, one of the first design firms in Vietnam based in Ho Chi Minh City. They did the entire renovation and fit-out of the 18th -century French colonial building for L’Usine on Dong Khoi Street, as well as the recent addition of L’Usine Le Loi. All furnitures, lighting and fixtures are all custom made by District Eight Design.

On your next travel to Ho Chi Minh City, Vietnam, no matter how many days you spend here, one visit that you surely cannot miss is L’Usine. It is THE place for you to take a break from the bustling city and the traditional scenes of Ho Chi Minh City to just relax and be inspired by the city’s growing contemporary style and culture, along with getting exposed to an array of Vietnam’s talented new creatives, from painters, to designers, and graphic artists. I, for one, will surely pay a visit again on my next trip to Ho Chi Minh City, Vietnam.

Address: 151 Dong Khoi, District 1 Ho Chi Minh City, Vietnam

70B Le Loi, District 1 Ho Chi Minh City, Vietnam

Open everyday from 7.30am-22.30pm

Email: info@lusinespace.com

Website: www.lusinespace.com

Facebook: www.facebook.com/Lusinespace

Writer: Thip S. Selley 

Image by: Thip S. Selley

English translation: Thip S. Selley

RECOMMENDED CONTENT

26.สิงหาคม.2020

วงคู่หู “Whal & Dolph” (วาฬ แอนด์ ดอล์ฟ) ประกอบด้วย “ปอ - กฤษสรัญ จ้องสุวรรณ” และ “น้ำวน - วนนท์ กุลวรรธไพสิฐ” สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) กลับมาปล่อยเพลงใหม่อีกครั้งในรอบ 5 เดือน