เมกาบางนา ศูนย์การค้าแนวราบใหญ่สุดในอาเซียน ประกาศเดินหน้าโครงการ “เมกาซิตี้” โปรเจ็คอสังหาริมทรัพย์รูปแบบ “มิกซ์ ยูส” พื้นที่กว่า 400 ไร่ บนถนนบางนา-ตราด สร้างเมืองขนาดใหญ่สำหรับการใช้ชีวิตแบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ออฟฟิศสำนักงาน แหล่งช้อปปิ้งหรือแม้กระทั่งสถานที่ให้ได้ใช้ชีวิตตามไลฟ์ไสตล์อันหลากหลาย คาดว่าสามารถรองรับผู้เข้ามาใช้บริการได้มากถึงกว่าวันละ 250,000 คนทีเดียว
โดยโครงการจะแบ่งออกเป็นหลายเฟส ทั้ง โรงแรม อาคารสำนักงาน ที่พักอาศัย ส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าและอื่นๆ ภายใต้งบลงทุนทั้งหมดกว่า 67,000 ล้านบาท โดยศูนย์การค้าเมกาบางนาได้เริ่มดำเนินการส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าฯ ด้วยเงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพิ่มร้านอาหารชื่อดังอีกถึง 40 ร้าน รวมถึง “ท็อปส์ ฟู๊ด แอนด์ ไวน์ ซูเปอร์มาร์เก็ต” ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นสำหรับการช้อปปิ้งที่ครบครัน อีกทั้งอาคารจอดรถที่สามารถรองรับได้ถึง 1,200 คัน ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการประมาณเดือนธันวาคมปีนี้
นายคริสเตียน โอลอฟสัน กรรมการผู้จัดการ ศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ (บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด) กล่าวว่า “โครงการเมกาซิตี้ จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ที่พรั่งพร้อมสำหรับทุกคน ให้ผู้คนได้ใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างสะดวกสบายในที่เดียวกัน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของชีวิตนอกเหนือจากเป็นสถานที่ช้อปปิ้ง ยังเป็นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ และสถานที่มอบความสนุกสนานและความบันเทิงได้อย่างครบวงจร” “เรามีโครงการจะสร้างที่อยู่อาศัยที่สามารถรองรับคนกว่า 50,000 คน อาคารสำนักงานรองรับคนกว่า 30,000 คน โรงแรม 2 แห่ง และเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะ เพื่อส่งมอบความสุขให้กับลูกค้าและชุมชนโดยรอบ”
ขณะนี้ทางกรรมการผู้จัดการของศูนย์การค้าเมกาบางนาได้เปิดเผยถึงความต้องการในการเปิดโอกาสสำหรับนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจะร่วมลงทุนในแผนพัฒนาระยะยาวในหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นอาคารสำหรับที่อยู่อาศัย สำนักงานออฟฟิศ โรงแรม หรือแม้กระทั่งรูปแบบอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ
เมกาบางนา คือ ศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทย ที่อยู่นอกเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (Central Business District: CBD) ที่เพียบพร้อมไปด้วยแบรนด์แฟชั่นระดับอินเตอร์เนชั่นแนล แฟลกซิปสโตร์ และร้านอาหารยอดนิยมจำนวนมาก การยกเอาร้านค้า สุดอินเทรนด์จากใจกลางเมืองมามอบความสุขให้กับลูกค้าโซนนอกเมืองนับเป็นแนวคิดการพัฒนาศูนย์ฯ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทยมาก่อน นับตั้งแต่เปิดให้บริการในปี 2555 เมกาบางนาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบของไทยและนานาชาติ และมีผู้เข้ามาใช้บริการที่ศูนย์ฯ มากถึง 3.5 ล้านคนต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 10 เปอร์เซ็นต์ทุกปี และคาดว่าการเพิ่มอาคารจอดรถ 7 ชั้น (แล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2560) ประกอบกับการสร้างถนนวงแหวนภายในเมกาบางนาที่จะเปิดให้บริการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ จะเสริมสภาพคล่องของการจราจร และเพิ่มพื้นที่จอดรถให้ลูกค้าสามารถเข้าใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น แม้ในช่วงเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์
“ส่วนต่อขยายนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้บริการภายในศูนย์ฯ ได้อีก 10 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน เราตื่นเต้นที่จะบอกกับลูกค้าของเราว่า เราได้คัดสรรร้านอาหารชื่อดังมากมายหลายแบรนด์ที่มักจะเห็นแต่ในย่านใจกลางเมืองเท่านั้น ซึ่งจะพากันตบเท้าเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่กับเรา อาทิเช่น Dean & Deluca, Godfather, Bon Chon และ Starbucks ที่จะขยายร้านไปยังส่วนต่อขยายใหม่นี้เพิ่มอีกด้วย”
ทั้งนี้ ส่วนต่อขยายของศูนย์การค้าฯ อีก 2 เฟส ซึ่งวางไว้เป็นศูนย์รวมความบันเทิง สันทนาการ กีฬา และการศึกษา อยู่ในระยะของการวางแผนและศึกษารายละเอียด โดยจะเปิดเผยข้อมูลได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ทั้งนี้เมกาบางนาได้แต่งตั้งให้ บริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นตัวแทนในการคัดเลือกบริษัทที่จะเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงแรมแห่งแรกของโครงการเมกาซิตี้
RECOMMENDED CONTENT
ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น (Ars Longa Vita Brevis) คือภาษิตของฮิปโปเครติส บิดาแห่งการแพทย์ในยุคกรีกโบราณ คนไทยคุ้นเคยวลีนี้จากคำสอนของ ศาสตราจารย์ศิลป พีระศรี บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย ที่ซึ่งต่อมาลูกศิษย์ของท่านได้นำมาใช้เป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยศิลปากร วลีที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสัจธรรมวลีนี้ยังผุดขึ้นมาในความคิดของ เข้-จุฬญานนท์ ศิริผล หลังจากที่เขามีโอกาสพูดคุยกับผู้ใช้เวสป้า และตระหนักถึงความผูกพันของผู้คนกับความหมายของสกู๊ตเตอร์ที่เป็นมากกว่าพาหนะ เข้จึงเลือกใช้มันมาเป็นชื่อภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของเขา - ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น