หมดยุคของคนขี้เกียจ ด้วยการเดินไปซื้อสูทสำเร็จรูปที่ห้าง แล้วสวมแบบหลวมๆลุงๆไปออกงาน เพราะยุคนี้จะจ่ายเงินทั้งที ต้อง Bespoke ซึ่งเป็นคำที่แปลเหมือนกับ Made to order แต่ลึกซึ้งกว่า เพราะกินความหมายไปถึงการวัดทุกสัดส่วนให้พอดิบพอดีกับผู้สวมใส่จริงๆ แถมยังลงรายละเอียดไปถึงเนื้อผ้า แพทเทิร์น และเทคนิคการตัดเย็บที่จะเปลี่ยนให้หนุ่มธรรมดาๆดึงดูดทุกสายตาในงาน! นี่ไม่ได้พูดเล่น เพราะแค่สูทตัวเดียว สามารถเปลี่ยนชีวิตได้จริง ที่สำคัญ ลงทุนตัดครั้งเดียว อยู่ยาวไปจนแก่เลยก็มี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรูปร่างและซักอบรีดที่ดีด้วยเช่นกัน
BESPOKE = ONLY ME
สูทเก๋ๆตามช็อปเสื้อผ้าทั่วไปอาจจะดูทันสมัย แต่ไซส์ก็ไม่ตรงกับผู้สวมเท่าไหร่ เอาไปแก้ทรงก็อาจจะยิ่งทำให้ผิดรูปผิดร่าง หนุ่มหลายคนจึงเลือกอีกเส้นทางในการตัดสูท ด้วยการเลือกร้านตัดสูทมือฉมัง มาจัดการทุกปัญหา เพื่อให้ได้สูทที่ทั้งพอดี ทั้งตรงใจ ซึ่งในปัจจุบันมีร้าน Bespoke อยู่เป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้กระทั่งในเมืองไทย ลามไปจนถึงแบรนด์ดังยักษ์ใหญ่ ก็เริ่มเปิดบริการรูปแบบนี้เพื่อเอาใจคนที่ชอบความรู้สึกพิเศษของสินค้าที่มีเพียงหนึ่งเดียว
THE PROCESS
ขั้นตอนในการตัดสูทกับร้านตัดสูทแบบ Bespoke จะเน้นความพึงพอใจของผู้สวมใส่ในทุกๆส่วน โดยจะมีช่างออกแบบคอยให้คำแนะนำ ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน เพื่อลดความกังวลสารพัดในการตัดสูท เพราะผู้ชายหลายคนมีปัญหาในการตัดสินใจเลือกสูทที่เหมาะกับตัวเอง จุดนี้บางร้านแทบจะมีบรรยากาศสบายๆเหมือนบ้านเลยด้วยซ้ำ โดยจะให้ลูกค้าเข้ามานั่งในร้าน คุยถึงจุดประสงค์ในการตัด และรสนิยมที่ลูกค้าคาดหวังไว้ (บางร้านมีเบียร์เสิร์ฟด้วย) หลังจากที่เข้าสู่จุดผ่อนคลาย ช่างออกแบบ (ซึ่งอาจจะเป็นคนเดียวกับเจ้าของร้าน) จะพาลูกค้าไปเลือกเนื้อผ้าสำหรับตัดสูท ทั้งตัวนอก กางเกง และเชิ้ตตัวใน รวมถึงวัสดุที่จะใช้ในรายละเอียดอื่นๆ เช่นกระดุมคอ กระดุมแขน ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กสำหรับใส่กระเป๋าเสื้อ หรือแม้กระทั่งหูกระต่ายและเนคไทที่เข้าชุดกัน เรียกได้ว่า รวมทุกพลังสร้างสรรค์ เพื่อให้สูทตัวนี้เป็นพระเอกขั้นสุดของงาน
THE MEASUREMENT
เพื่อลดความกังวลอีกข้อของผู้สวมใส่ ทางร้านจะวัดตัวผู้สวมใส่หลายครั้ง เพื่อให้ได้ไซส์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยจะมีการวัดตัวทั้งหมด 3 ครั้งเป็นอย่างต่ำ ซึ่งในครั้งแรกจะวัดจากโครงร่างของผู้สวม อิงจากหลักอะนาโตมี (Skeleton Fitting) เพื่อให้ได้เค้ารางคร่าวๆของสูท จากนั้นจะมีการวัดครั้งที่ 2 (Forward Fitting) ที่จะมีโครงสร้างของสูทเกือบสมบูรณ์ แต่ยังไม่ได้ประกอบเป็นชิ้นจริง เพื่อให้ผู้สวมเห็นภาพชิ้นงานได้ชัดขึ้น และปรับแก้ไขตามความต้องการ ส่วนครั้งสุดท้าย (Finish Bar Finish Fitting) ถือเป็นการวัดที่ ‘เผื่อ’ ไปว่าจะยังต้องแก้ไขเพิ่มเติมอีก ซึ่งทางช่างจะนำสูทที่ใกล้เคียงความจริงถึง 95% มาให้ผู้สวมได้ลองอีกครั้ง แต่จะไม่มีรังดุมกับส่วนเย็บมือ เมื่อหมดจากการวัดครั้งนี้ ก็จะใช้เวลาอีกประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการเก็บงานและรายละเอียดอื่นๆต่อไป
FIND YOUR RIGHT SUIT
ลองคิดภาพตัวเองเป็น Iron Man แต่ขาด J.A.R.V.I.S ก็คงไม่มีชุดเกราะเท่ๆมาสวมทันเวลา เจ้าสูทตัวเก่งก็เหมือนกัน ถ้าได้ตัวช่วยฝีมือดี ก็คงไม่ยากที่จะดูดีเหมือนเกิดใหม่! เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังจะออกงาน แนะนำให้เดินทางไปร้านเหล่านี้ แล้วตัดสูทดีๆกันเลย
PINKY TAILOR – มาที่เดียวจบ ครบทุกความต้องการ เพราะมีผ้าให้เลือกถึง 3 ชั้นของตึก และสามารถออกแบบสูทของตัวเองได้ ตั้งแต่แพทเทิร์นไปจนถึงกระดุม เหมาะกับหนุ่มที่ชอบความเป็น Loyalty เพราะถ้าได้เป็นลูกค้าที่ Pinky แล้ว สามารถแวะเวียนกลับมาใช้บริการได้อย่างสบายใจไปอีกนาน โดย Pinky Tailor ตั้งอยู่ที่ตึกมหาทุน เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ 10.00-19.30 น. โทรไปได้ที่ 0 2253 6328 และ 0 2253 5055 หรือเว็บไซต์ pinkytailor.com
VVON SUGUNNASIL – ตัวเลือกในการตัดสูทที่เปลี่ยนชีวิตผู้สวมใส่ไปตลอดกาล ด้วยรสนิยมที่แตกต่าง และใช้วัตถุดิบในการตัดเย็บที่พิถีพิถันถึงใจ ที่สำคัญยังตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย เพื่อให้ลูกค้าเจอสูทที่สวมใส่ได้อย่างมีเสน่ห์ในแบบเฉพาะตัว ผู้ที่สนใจสามารถไปแวะเวียนเยี่ยมชมช็อป Vvon Sugunnasil ได้ที่ The Barkyard BKK สุขุมวิท 26 หรือโทร 08 6899 9888
UNIVERSAL TAILORS – ร้านตัดสูทที่เก่าแก่แต่เก๋าเกม เพราะเปิดมาตั้งแต่ พ.ศ. 2528 โดยคุณ Kuljit Singh หรือ Ronnie ซึ่งรูปแบบการให้บริการนั้น worldwide มากๆ เพราะเขารับตัดสูทตามสั่งจากลูกค้าทั่วโลก และมีตัวเลือกของวัสดุตัดเย็บที่มีทั้งหรูหรา หรือเนื้อผ้าธรรมดาในราคาสบายๆ เมื่อบวกกับเทคนิคที่คลาสสิก และประยุกต์ได้ ทำให้สูทร้านนี้ยังคงอยู่ในใจคนสวมใส่เสมอมา โดยร้านจะตั้งอยู่ในซอยสีลม 18 สามารถโทรศัพท์ถามทางร้านก่อนเข้าไปตัดสูทได้ที่ 08 1611 2313 หรือเว็บไซต์ universaltailor.com
Writer: Natty Pongpiboonkiat
RECOMMENDED CONTENT
นาทีนี้ถ้าพูดถึงศิลปินและโปรดิวเซอร์มากความสามารถ “THE TOYS” หรือ “ทอย-ธันวาบุญสูงเนิน” จากสังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) คงเป็นชื่อต้นๆที่ใครหลายคนนึกถึง เพราะจากผลงานที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเพลง หน้าหนาวที่แล้ว ,ก่อนฤดูฝน , เมะ ,ไวน์ลดา ได้กลายเป็นเพลงระดับเมก้าฮิตติดชาร์ท ซึ่งล่าสุด THE TOYS ประกาศคัมแบ็คมาพร้อม “6667” โปรเจกต์ใหม่น่าติดตามที่จะมาสร้างตำนานครั้งใหม่ให้กับวงการเพลงไทย